ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 196 ข้อตกลงระหว่างวิถีสวรรค์
บทที่ 196 ข้อตกลงระหว่างวิถีสวรรค์
ร่างจุติของวิถีสวรรค์ไม่สนใจจื้อเซียนที่อยู่ข้างกายเขา เพียงมองตรงไปยังไป๋ชิวหรานเท่านั้น ขณะที่ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยถามว่า
“ทุกครั้งที่เจรจาข้อตกลงกับใคร เจ้าต้องแปรเปลี่ยนร่างกายเป็นมนุษย์เช่นนี้ตลอดเลยหรือ?”
“ทำเช่นนี้ก็เพื่อความสะดวกในการสื่อสารกับเจ้า”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์กล่าวตอบ
“ร่างนี้อาศัยชาติกำเนิดของเจ้า ข้าจึงเลือกร่างที่เป็นมนุษย์ และดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ชอบคนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับตนเอง ดังนั้นจึงเลือกที่จะเปลี่ยนร่างกายนี้ให้เป็นเพศตรงข้าม”
“ตามจริงแล้วข้ายังนึกขยาดไม่หาย”
ไป๋ชิวหรานจับคางพร้อมกล่าวต่อ
“ด้วยการกระทำของข้า ดูเหมือนว่าจะไม่อาจล่วงรู้แน่ชัดนักว่าห้วงมหาสมุทรแห่งพลังปราณในร่างกายมนุษย์ถูกสร้างขึ้นอย่างไร…”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์ไม่กล่าวตอบประเด็นนั้นแต่อย่างใด เพียงเอ่ยถามต่อไปว่า
“สวรรค์ริษยา เจ้าต้องการทำข้อตกลงใดกับเรา? อยากให้ช่วยเหลือในการสร้างวิถีแห่งเซียนนี้ขึ้นจนสมบูรณ์แบบ หรืออยากให้ช่วยเหลือภรรยาของเจ้า?”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”
ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ข้าไม่วางใจเจ้า ผู้ใดเล่าจะล่วงรู้ว่าวิธีการอันสมบูรณ์แบบของเจ้าจะแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมหรือไม่ และอายุขัยที่มอบให้กับภรรยาของข้าจะมีวันเสื่อมโทรมลงหรือไม่ มนุษย์เช่นเราต้องพึ่งพาตนเอง”
“แล้วเจ้าต้องการอะไรจากเรา?”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์ราบเรียบไร้อารมณ์ใด ถึงกระนั้นมันก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย
“แม้แต่เจ้าเองก็ไม่ล่วงรู้อย่างนั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานยกยิ้มให้ ก่อนกล่าวต่อไป
“ข้าคิดว่าเจ้ารอบรู้และมีอำนาจเหนือทุกสรรพสิ่งเสียอีก”
“เปล่าเลย หากรู้ดีและมีอำนาจเหนือทุกสรรพสิ่งจริง ข้าคงจะกำจัดสิ่งแปลกปลอมจากโลกภายนอกเช่นเจ้าและเยว่ฉีเฟิงออกไปนานแล้ว”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
“ผู้ใดคือเยว่ฉีเฟิง?”
ไป๋ชิวหรานนึกประหลาดใจ
“เป็นข้าเอง”
จื้อเซียนตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“ว่าอย่างไร ตกลงเจ้าต้องการสิ่งใดจากข้ากันแน่?”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์เร่งเร้าเป็นครั้งที่สาม
“ข้าขอแลกเปลี่ยนตัวข้าเองเพื่อการดำรงอยู่ของเผ่ามนุษย์กับเจ้า”
ไป๋ชิวหรานดูเคร่งขรึมจริงจัง
“หลังจากที่ข้าออกจากยุคสมัยนี้ไปได้แล้ว เจ้าจะไม่สามารถสนับสนุนเหล่าทวยเทพเพื่อต่อต้านเผ่ามนุษย์ได้อีกต่อไป”
อย่างไรก็ตาม หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ร่างจุติของวิถีสวรรค์ตอบกลับ
“ข้าไม่สามารถทำตามข้อตกลงนี้ได้”
“ทำไมกัน?”
ไป๋ชิวหรานถามกลับ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่มีค่ามากพอต่อการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้งั้นรึ?”
“เปล่า”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์ตอบกลับในลักษณะตรงไปตรงมาเช่นเคย
“ข้าจะไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดังนั้นเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนของเจ้าจึงไร้ความหมาย”
“นี่ จื้อเซียน”
ไป๋ชิวหรานหันไปหาจื้อเซียนเพื่อเอ่ยถาม
“เจ้าเคยบอกว่าวิถีสวรรค์ตระหนี่ถี่เหนียวนักมิใช่หรอกหรือ? แล้วเหตุใดมันถึงซื่อสัตย์ซื่อตรงนักเล่า?”
“วิถีสวรรค์ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกความเป็นจริงไม่ว่ากรณีใด ๆ มิฉะนั้นแล้วโลกอาจยุ่งเหยิง”
จื้อเซียนตอบกลับ
“เช่นเดียวกันกับการทำข้อตกลง แน่นอนว่าต้องมีหลักการพื้นฐานสามประการคือ สมัครใจ เปิดกว้าง และสิ่งแลกเปลี่ยน มันไม่สามารถนำข้อจำกัดของตนเองมาใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเจ้าได้ เพราะนั่นจะถือเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ของตนเอง”
“ละเอียดอ่อนเสียจริง”
ไป๋ชิวหรานหันกลับไปมองวิถีสวรรค์ พร้อมกล่าวข้อเสนอใหม่
“เช่นนั้น หากข้าต้องการทราบความจริงเกี่ยวกับสวรรค์ริษยารุ่นแรก เรื่องราวของจักรพรรดิตะวันออกไท่อี และจักรพรรดิสวรรค์ราชวงศ์ก่อนหน้า ข้าต้องแลกเปลี่ยนกับสิ่งใดบ้าง?”
เดิมทีไป๋ชิวหรานคิดว่าเจตจำนงของวิถีสวรรค์ น่าจะแสดงพฤติกรรมที่ไร้อารมณ์และหยิ่งผยอง ไม่คาดคิดว่าทันทีที่เขาถามคำถามนี้ ร่างจุติของวิถีสวรรค์พลันเผยท่าทีลังเล
“สามารถแลกเปลี่ยนได้”
ผ่านไปเป็นนาน ในที่สุดมันก็ให้คำตอบ
“สำหรับสิ่งที่ข้าจะขอต่อรอง คือเจ้าต้องช่วยเหลือในการส่งเสริมการทำลายล้างเผ่าเทพ”
เมื่อได้ยินเงื่อนไขของอีกฝ่าย ไป๋ชิวหรานและจื้อเซียนรีบหันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
“อย่างไรล่ะ?”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์เพียงถามกลับ
“เจ้าไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงนี้หรอกหรือ?”
“เปล่า ข้าเพียงคิดว่าสิ่งนี้เป็นอะไรที่เกินความคาดหมายไปหน่อย”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง เป็นเพราะเขาตั้งใจจะทำสิ่งนี้ตั้งแต่แรก นั่นจึงไม่จำเป็นจะต้องเจรจาทำข้อตกลงกับวิถีสวรรค์มากมายนัก เขาก็มั่นหมายจะทำลายล้างพวกเผ่าเทพให้พินาศอยู่แล้ว ดังนั้นการร่วมมือทำข้อตกลงนี้ นับเป็นสิ่งที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ทั้งยังได้ล่วงรู้ความลับเพิ่มเติมอีกด้วย หลักเกณฑ์ข้อตกลงของวิถีสวรรค์ไม่ได้ผูกมัดเขาจนเกินไป
“เช่นนั้นข้อตกลงถือเป็นอันสร้างขึ้น”
ทันทีที่เสียงจากร่างจุติของวิถีสวรรค์เงียบหาย ไป๋ชิวหรานรู้สึกถึงการเชื่อมโยงอันสมบูรณ์ระหว่างตัวเขากับโลกทั้งใบ
“ข้าไม่สามารถผูกมัดเจ้าไว้ด้วยกำลังได้ ดังนั้นหากกระทำผิดข้อตกลงที่ให้ไว้ ข้าจะทำลายและสร้างโลกขึ้นมาใหม่ให้สิ้นความ”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์กล่าวกับไป๋ชิวหรานอย่างตรงไปตรงมา
“ย่อมได้”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้ารับ
“โปรดบอกเล่าทุกอย่างที่ข้าต้องการรู้มาเถิด”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์ไม่ตอบในทันที มันยกมือขึ้น ก่อนที่พื้นที่โดยรอบจะแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ไป๋ชิวหรานและจื้อเซียนตระหนักว่าพวกเขาได้เข้าไปยังห้วงมิติอื่นโดยไม่รู้ตัว
“ยุคสมัยอันยาวนานเหลือคณานับในช่วงเริ่มแรก โลกนี้ถือกำเนิดขึ้นจากห้วงแห่งความว่างเปล่า ส่วนผู้ที่ปลุกเจตจำนงทั้งมวลขึ้นคือข้า ข้าคือผู้ที่รวบรวมสติสัมปชัญญะ รวมถึงศักยภาพทางวัตถุทั้งหมดในโลกนี้ขึ้น และเป็นเจตจำนงเดียวอันเป็นตัวแทนของโลกนี้”
ด้วยการกระทำของร่างจุติแห่งวิถีสวรรค์ กลุ่มลำแสงสีขาวสว่างไสวที่มีพลังนับอนันต์ได้ปะทุขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ก่อเกิดเป็นโลกอันแสนวุ่นวาย
“โดยสัญชาตญาณของข้าได้ออกเดินทางไปทั่วทุกสารทิศเพื่อค้นหาแนวทางในการก่อสร้างโลกขึ้น จักรพรรดิสวรรค์องค์แรกเป็นผลงานชิ้นแรกของข้า ทว่าเขาสิ้นอายุขัยหลังจากนั้นเพียงไม่นานนัก”
ภาพเหตุการณ์อันคุ้นเคยพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง จักรพรรดิสวรรค์องค์แรกที่ถือกำเนิดขึ้นจากความโกลาหลเป็นร่างคล้ายดินเผาปั้นพลันปรากฏขึ้นตรงใจกลางของโลก
“จากนั้นผืนฟ้าและผืนโลกกลับคืนสู่สภาพที่แจ่มใส ท้องฟ้าเป็นตัวแทนแห่งความชัดแจ้ง ส่วนแผ่นดินเป็นสิ่งที่ทึบขุ่น ข้าเริ่มสร้างมารดาแห่งธรณี รวมถึงบิดาแห่งสรวงสวรรค์ พวกเขาให้กำเนิดน้ำทะเล แผ่นดิน และท้องฟ้า ก่อนที่ข้าจะสร้างสัตว์รวมถึงสิ่งมีชีวิตขึ้นมากมายอย่างทวีคูณ”
โลกในความมืดมิดเริ่มเกิดความเสถียรมากขึ้น เหนือพื้นดิน สัตว์รูปลักษณ์แปลกประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งมีพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัว รวมถึงร่างกายที่ใหญ่โตเกินจินตนาการเริ่มย่างเดินไปรอบ ๆ
“เวลานั้นข้าพบว่าพวกมันล้วนมีข้อบกพร่อง หลังจากผ่านการพัฒนาไประยะหนึ่ง พวกมันเริ่มสร้างระบบโซ่อาหาร ก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของกันและกัน ข้าจึงทำลายทิ้งให้เหลืออยู่บนโลกเป็นจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น”
บนโลก แสงสีขาวแผ่กระจายออกไป สัตว์ร่างยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัวสลายไปจากทั่วพื้นโลก มหาสมุทร และท้องฟ้าเองก็สลายไปราวกับควัน เหลือเพียงสัตว์ร่างยักษ์สองถึงสามตัวที่ดูมีท่าทีค่อนข้างสงบและแข็งแกร่ง
“ข้าคิดว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต้องการคำชี้แนะบางประการเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นจึงให้เขาได้รับสถานะของจักรพรรดิสวรรค์ที่มีอำนาจมากที่สุดในฐานะตัวแทน เพื่อนำทางโลกทั้งใบให้กับข้า”
“ทว่าการสร้างสรรค์ยังไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นในรัชสมัยของจักรพรรดิสวรรค์ ข้ายังได้เปลี่ยนแปลง สร้างขึ้นใหม่ และนำทางการสืบทอดของสิ่งมีชีวิตจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างเหมาะสม ในขั้นตอนนี้ ฐานะของจักรพรรดิสวรรค์ยังต้องหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ดังนั้นข้าจึงจัดให้วาระของจักรพรรดิสวรรค์… กลายเป็นเสมือนวัฏจักรของการสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น”
ท่ามกลางโลกอันมืดมิดนั้น เผ่าพันธุ์ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันได้ถือกำเนิดขึ้นจากรุ่นสู่รุ่น จากนั้นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดจะกลายเป็นจักรพรรดิแห่งยุคสมัยนั้น
“หลังจากทดลองและเริ่มต้นการสร้างโลกขึ้นใหม่หลายครั้ง ข้าจึงค้นพบว่าสิ่งมีชีวิตซึ่งถือกำเนิดขึ้นอย่างมีระเบียบกฎเกณฑ์นั้นตรงกับความต้องการของข้ามากที่สุด พวกเขาล้วนเกิดมาแข็งแกร่ง ฉลาดเฉลียว และรู้จักวิธีติดต่อสื่อสารกัน ข้าเรียกขานพวกเขาว่าเผ่าเทพ และพวกเขาเป็นอันดับหนึ่งสำหรับข้า สานต่อภารกิจได้อย่างน่าพึงพอใจ”
“กล่าวคือ จักรพรรดิสวรรค์เป็นที่เคารพนับถือจากเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ในฐานะที่เขาเป็นเทพเจ้าองค์แรก ทว่าความจริงแล้วไม่ใช่ว่าถูกเจ้าแต่งตั้งขึ้นหรอกหรือ?”
ไป๋ชิวหรานถามกลับ
“พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้น”
ร่างจุติของวิถีสวรรค์กล่าวตอบ ก่อนจะอธิบายต่อไป
“ทว่าข้ากลับค้นพบข้อบกพร่องของเหล่าทวยเทพอย่างรวดเร็ว พวกเขาเกิดมาแข็งแกร่งเกินไป ซึ่งนำไปสู่ข้อจำกัด ตั้งแต่แรกถือกำเนิดขึ้นจนเติบโต อัตราการเติบโตค่อนข้างต่ำมาก หลังจากการพัฒนาสายพันธุ์เป็นเวลานาน พวกเขาเริ่มที่ตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ในเวลานั้นแล้ว โดยไม่ต้องกล่าวถึงความก้าวหน้าใด ๆ”
“ดังนั้นข้าจึงเริ่มคำนึงถึงการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นเป็นหนที่สอง”
บนดินแดนแห่งโลกใบนี้ท่ามกลางห้วงอวกาศอันมืดมิด สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่นมดเริ่มปรากฏขึ้น รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาดอีกมากมาย
จากนั้นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็มีการปรับตัวและวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว เกิดขึ้นและตายตกไปอย่างต่อเนื่อง
“หลังจากผ่านความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดข้าก็สามารถสร้างเผ่าพันธุ์ที่พึงพอใจ พวกเขามีความอ่อนแอ เห็นแก่ตัว ทว่าแฝงไปด้วยไหวพริบชาญฉลาดบางอย่างและกล้าได้กล้าเสีย มีความเป็นไปได้ว่าจะพัฒนาความแข็งแกร่งมากกว่าเทพเจ้า พวกเขามีความคิดสร้างสรรค์ รังสรรค์เครื่องมือต่าง ๆ ขึ้น อีกทั้งมีความทะเยอทะยานในการบ่มเพาะที่ไม่รู้จักพอ… ยืนหยัดด้วยสองเท้าอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ต่อมาจึงถูกเผ่าเทพเรียกขานว่ามนุษย์ ข้าสั่งให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้เป็นประหนึ่งลูกชายคนโตคอยนำทางเผ่าพันธุ์นี้ ในตอนแรก เผ่าเทพมีจิตใจเมตตาเป็นอย่างยิ่ง เผ่ามนุษย์จึงเจริญรุ่งเรืองขึ้นด้วยเหตุนี้ ข้าเล็งเห็นวันที่พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถเข้าแทนที่เผ่าเทพบนสวรรค์อย่างคลุมเครือ อนาคตอาจได้เป็นผู้ปกครองทั้งสวรรค์กับโลก และเมื่อมนุษย์ไปถึงจุดสูงสุด ข้าจึงได้ใช้เผ่ามนุษย์เป็นแม่แบบในการสร้างเทพเจ้ารุ่นต่อมา”
ภายในโลกที่จำลองขึ้นด้วยอำนาจจากร่างจุติของวิถีสวรรค์ ก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตร่างยักษ์ขึ้น ร่างสูงชะลูดของเขามีลักษณะภายนอกไม่ต่างไปจากเผ่ามนุษย์ ทว่ามีความงดงาม สูงส่ง และภูมิฐานสง่างามยิ่งกว่า
“จักรพรรดิตะวันออกไท่อี…”
ไป๋ชิวหรานคำรามในลำคอด้วยเสียงต่ำ