ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 239 ภายใต้พละกำลังของเซียน ทั้งหมดล้วนเป็นมดปลวก
บทที่ 239 ภายใต้พละกำลังของเซียน ทั้งหมดล้วนเป็นมดปลวก
บทที่ 239 ภายใต้พละกำลังของเซียน ทั้งหมดล้วนเป็นมดปลวก
แสงสีเขียวแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้าภายในโลกอสูร
ผู้ที่อารักขาเขตอสูรในดินแดนแห่งนี้เห็นแสงสีเขียวปรากฏ ในขณะที่กำลังจะสกัดกั้น ทันใดนั้นชายชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นขวางทางเบื้องหน้า
“หยุด”
ชายผู้นั้นเดินออกมา คลื่นพลังสีดำปรากฏด้านหลังศีรษะราวกับดวงอาทิตย์ในช่วงสุริยุปราคาเต็มดวง
“ท่านผู้ทรงเกียรติหลี่”
เมื่อเห็นว่าเป็นชายผู้นี้ อารักขาเฝ้าประตูจึงกล่าวทักทาย
“โอ้ เป็นท่านผู้ทรงเกียรติหลาน”
ชายชุดดำเหลือบมองบนท้องฟ้าก่อนจะออกคำสั่งกับยมทูต
“ท่านผู้ทรงเกียรติหลานควรจะอยู่ที่ส่วนลึกของโลกอสูรเพื่อตรวจสอบตราประทับ ข้าจะไปกับเขา พวกเจ้าอยู่คุ้มกันที่นี่จนกว่าข้าจะกลับมา”
“ขอรับ”
ท่านผู้ทรงเกียรติหลี่กลายเป็นลำแสงสีดำทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับลำแสงสีเขียว ลำแสงทั้งสองทะยานเคียงข้างกันมุ่งสู่ส่วนลึกของโลกอสูร
ไม่นานหลังจากที่ลำแสงทั้งสองหายลับไป มีอีกคนเดินมาที่ประตู เขามองขึ้นไปบนฟ้าแต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
อารักขาที่อยู่ด้านข้างมองเห็นการมาเยือน เขารีบกล่าวทักทาย
“โอ้ เชวียฝูเจียง*[1]”
“อืม”
เชวียหลิงหันมองย้อนกลับก่อนจะพยักหน้าให้กับพวกเขา
“ขอบคุณที่พวกเจ้าทำงานอย่างหนัก”
จากนั้นเขาหันหลังกลับและตรงไปที่ประตู เพื่อเข้าสู่พื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบ
…
ท่านผู้ทรงเกียรติหลี่กับท่านผู้ทรงเกียรติหลานบินไปตลอดทาง ทั้งสองใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการข้ามดินแดนอันกว้างใหญ่ของโลกอสูร และในที่สุดได้มาถึงผนึกที่ลึกที่สุดในโลกอสูร
ตราประทับถูกล้อมรอบด้วยภูเขา นอกจากนี้ยังมีอสูรสองตนยืนอยู่ที่นี่ หนึ่งในนั้นมีผิวสีเข้ม หกแขน ดูคล้ายกับรูปปั้นหินแกะสลักยืนอยู่ด้านข้าง และอสูรสี่แขน สองเศียรอยู่ในลำแสงผนึกสีทอง มันคุกเข่าลงด้วยความเคารพ
ทันใดนั้นลำแสงสีทองพลันเปล่งประกาย และแสงก็หลอมรวมเป็นร่างอสูรที่แข็งแกร่งขึ้นมา มันเดินตรงเข้าไปที่อสูรก่อนจะวางมือลงบนหน้าผาก
พลังงานมหาศาลถูกส่งเข้าไปในร่างของอสูรโดยร่างจำแลง อสูรมีพลังใกล้เคียงกับนักบวชมหายาน ความแข็งแกร่’เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามดังกู่ก้อง แขนคู่หนึ่งค่อย ๆ งอกออกมาจากด้านหลัง ตรงกลางหน้าผากค่อย ๆ เปิดออกและเป็นดวงตาที่สามปรากฏขึ้น!
หลังจากที่ร่างนั้นหดฝ่ามือกลับไป คลื่นพลังของอสูรตนนี้ค่อย ๆ สงบลง และมันคือการก้าวสู่ขอบเขตอันสูงสุดแห่งแคว้นโฮ่วถูเหมือนดังราชาอสูรหยกวิเศษ
อสูรตนนี้ตื่นขึ้น มันรับรู้ถึงพลังงานที่เดือดพล่านอยู่ในกาย มันเผยความยินดีออกก่อนจะโค้งคำนับให้ร่างจำแลงนั้นอย่างรวดเร็ว
ร่างนั้นเหลือบมองอสูรทมิฬตรงหน้า จากนั้นหันฝ่ามือไปด้านหลัง และเดินกลับเข้าไปในผนึกลำแสงสีทอง
“พวกเจ้าถอยไปก่อน”
ในเวลานี้ อสูรทมิฬที่ยืนอยู่ด้านข้างและเงียบมาเนิ่นนานได้เอ่ยปากออกคำสั่งเบา ๆ
“ตกลง”
อสูรตนนี้หันศีรษะกลับมา และรีบออกจากสถานที่แห่งนี้ สำหรับเขาด้วยพลังที่มีอยู่ อันตรายทั้งหมดที่ปิดกั้นผนึกย่อมไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป
เขากระโดดอย่างคล่องแคล่วพร้อมหายลับไปในหน้าผาสูงชัน
สองเซียนผู้ทรงเกียรติร่วงหล่นลงสู่พื้นติดตามกัน
“อสูรฟ้าทมิฬ”
ท่านผู้ทรงเกียรติหลี่กล่าวกับอสูรทมิฬ
“การโจมตีครั้งต่อไปของเจ้าจะต้องเสร็จสิ้นโดยเร็ว มิฉะนั้นท่านผู้ทรงเกียรติเหล่ยอาจจะพบเบาะแส”
“แล้วเจ้าล่ะ?”
อสูรทมิฬเบิกตามองทั้งสองคนพร้อมกล่าวว่า
“ตามเงื่อนไขแล้ว คลื่นลูกที่สี่ของการโจมตี พวกเจ้าต้องช่วยเราปลดปล่อยนายท่านของข้า”
“เจ้าเพียงทำหน้าที่ของเจ้า อย่าสนใจในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง”
ท่านผู้ทรงเกียรติหลี่กล่าวเยาะเย้ย
“ข้อตกลงระหว่างเรากับนายท่านของเจ้านั้นขึ้นอยู่กับว่าพวกเราจะพูดคุยกันอย่างไร อย่าลืมว่าแม้จะได้รับพลังอันไร้ขีดจำกัดแล้ว แต่ยังเป็นเพียงแค่หนอนที่ถูกเรียกว่าเผ่าพันธุ์อสูร ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของเราเป็นถึงเซียนไม่ใช่มดปลวก ทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำเสีย หากเราไม่พอใจ เช่นนั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงราชาแห่งอสูรเมื่อใดก็ได้ เข้าใจหรือไม่?”
ใบหน้าของราชาอสูรฟ้าทมิฬเต็มไปด้วยความโกรธ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ถูกระงับไว้อย่างรวดเร็ว หากเป็นอสูรตนอื่น… คงจะโจมตีทั้งสองแล้ว แต่เขากลับสงบนิ่ง
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมราชาอสูรหยกวิเศษจึงได้เหยียดหยามเขานัก
ราชาอสูรฟ้าทมิฬก่อนจะก้มศีรษะแล้วตอบกลับ
“ตกลง”
“เอาน่า อย่ากังวลไปเลย อสูรเช่นเจ้านั้นหาพบได้ยากยิ่งในเผ่าพันธุ์นี้”
ท่านผู้ทรงเกียรติหลี่กล่าวเยาะเย้ย
“ตราบใดที่เจ้าเชื่อฟัง นายท่านของเจ้าและข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นผู้นำของโลกอสูรอย่างราบรื่น”
หลังกล่าวจบ เขาเดินตรงไปที่ด้านหน้าของลำแสง ก่อนจะหลับตาลง และสื่อสารกับลำแสงสีทอง
ท่านผู้ทรงเกียรติหลานมองราชาอสูรฟ้าทมิฬที่กำลังปิดปากและหลับตา จากนั้นมองไปที่ท่านผู้ทรงเกียรติหลี่ที่ยืนสื่อสารกับลำแสงสีทองอยู่
“ภายใต้พละกำลังของเซียน ทั้งหมดย่อมเป็นเพียงมดปลวก…”
เขาถอนหายใจออกมา ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
…
หลังจากเอาชนะราชาอสูรหยกวิเศษได้แล้ว ไป๋ชิวหรานสามารถยึดเมืองหลวงของอาณาจักรอสูรหยกวิเศษได้สำเร็จ
เดิมทีราชาอสูรหยกวิเศษคิดจะเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป แต่ไป๋ชิวหรานกลับหยุดเขาเอาไว้
นอกจากนี้ ยังสั่งให้อสูรที่รับชมการต่อสู้ทั้งหมดเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอีกด้วย
แม้ว่าอสูรจำนวนมากอาศัยอยู่ในเมืองหลวงทางตอนใต้ทั้งหมด แต่อสูรที่ได้รับชมการต่อสู้ระหว่างเขากับราชาอสูรหยกวิเศษจริง ๆ มีเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา และอสูรที่ยืนอยู่เหนือกำแพงเมืองเท่านั้น
เพื่อความปลอดภัย เจียงหลานยังใช้ทักษะเวทเพื่อปิดผนึกปากของอสูรเหล่านั้น ซึ่งไป๋ชิวหรานสัญญากับทั้งหมดว่านี่คือการปิดปากเพียงชั่วคราวเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ขอให้ราชาอสูรหยกวิเศษรวบรวมอสูรที่อยู่ในอำนาจของโหวแห่งทิศใต้เข้ามายังที่แห่งนี้ ในเวลาต่อมาตัวเขากับเจียงหลานพร้อมด้วยราชาอสูรหยกวิเศษจึงกลับมายังเมืองหลวงแห่งอาณาจักรอสูรหยกวิเศษ
อสูรแห่งอาณาจักรอสูรหยกวิเศษเป็นอสูรที่บริสุทธิ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากกลับมาถึงวังของราชาอสูรหยกวิเศษแล้ว แม้ไป๋ชิวหรานจะไม่ต้องการ แต่ราชาอสูรหยกวิเศษยังคงมอบห้องที่ใหญ่ที่สุด และดีที่สุดของเขาให้กับไป๋ชิวหรานกับเจียงหลาน ส่วนตนนั้นย้ายไปอาศัยอยู่ในวังด้านข้างแทน
หลังจากพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น เขาสั่งคนให้ไปเรียกราชาอสูรหยกวิเศษเข้าพบ
ทั้งสองเดินอยู่ในวังที่ตกแต่งอย่างวิจิตร ขณะที่ไป๋ชิวหรานถามราชาอสูรหยกวิเศษเกี่ยวกับราชาอสูรฟ้าทมิฬ และอาณาจักรอสูรฟ้าทมิฬที่กำลังโจมตีโลกอสูร
ราชาอสูรหยกวิเศษเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเขา เช่นนั้นจึงตอบตามตรง หลังจากสนทนาเสร็จสิ้นแล้ว ไป๋ชิวหรานก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปในโลกใบนี้
อสูรที่โจมตีโลกอสูรในเวลานี้จริง ๆ แล้วอยู่ภายใต้คำสั่งของราชาอสูรฟ้าทมิฬเท่านั้น กองกำลังเหล่านี้ด้อยกว่ากองกำลังของโลกอสูรอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเร็ว ๆ นี้มีอสูรบางตัวภายใต้คำสั่งของราชาอสูรฟ้าทมิฬกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างคาดไม่ถึง!
และพวกเขาจะไม่ยอมจำนนอีกต่อไป เพราะความพ่ายแพ้ของราชาอสูรฟ้าทมิฬ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานนึกถึงตราประทับที่ท่านผู้ทรงเกียรติอิ๋นพาไปดู วิญญาณเทวะที่อ่อนแอในผนึกอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้…
[1] ฝูเจียง คือ ยศระดับรองขุนพล*