ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 245 เป็นเจ้า!
บทที่ 245 เป็นเจ้า!
บทที่ 245 เป็นเจ้า!
เสียงคำรามดังกึกก้อง โลกของอสูรพลันสั่นไหว
แม้โลกใบนี้จะเป็นเพียงโลกใบเล็กที่อยู่ภายใต้สังสารวัฏหกวิถีแห่งการกลับชาติมาเกิดในยมโลก มันไม่ได้กว้างใหญ่เท่ากับยมโลก หรือรัฐหลิ่วโจวอู๋ แต่พื้นที่ภายในย่อมไม่เล็กอย่างแน่นอน ในขณะนี้ ทุกคนมองไปรอบ ๆ และเห็นชัดเจนว่าโลกอสูรใบนี้กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ!
ปลายสุดของเขตแดนตะวันออกและตะวันตกมีฝ่ามือขนาดใหญ่คู่หนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินทางทิศใต้ เท่าขนาดใหญ่ทั้งสองข้างโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินในขอบชายแดนของทิศเหนือ แผ่นดินแยกออกเป็นวงกว้าง คอไร้เศียรปรากฏขึ้น
นี่คือเทพเจ้ายักษ์ ณ ขณะนี้เขาหลุดพ้นจากพันธนาการ ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้รวมทั้งอาวุโสสูงสุดในยุคโบราณอย่างเช่น ผู้ทรงเกียรติอิ๋น และเซียนโบราณอีกสามคน ในจิตใจของพวกเขาพลันปรากฏเงาแห่งความหวาดกลัวฉายชัด
แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป พวกเขาเข้าใจได้ชัดเจนว่านี่คือคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจต่อต้าน
ทว่ายามนี้ ไป๋ชิวหรานและเจียงหลานมองหน้ากัน
“สหายเก่าไง”
เจียงหลานกล่าวออกอย่างไร้อารมณ์
“อืม ก็แค่สหายเก่า”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“ถ้าเขาเห็นเจ้า เขาคงประหลาดใจไม่น้อย”
เจียงหลานยิ้ม
ไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสองคน ในขณะนี้ความสนใจทั้งหมดของทุกคนถูกดึงดูดไปที่สิ่งที่กำลังจะออกมาจากภายใต้ผืนดินของโลกอสูร
“สิงเทียน และจักรพรรดิได้ต่อสู้กับเขาที่นี่ ซ้ำยังตัดเศียรของเขาทิ้งไป มันคือสิ่งที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุด”
ผู้ทรงเกียรติหลานยืนอยู่บนพื้นที่แตกร้าวก่อนจะมองไป๋ชิวหรานด้วยสายตาเมินเฉย
“แต่เขายังไม่ตาย ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แม้จักรพรรดิเซียนอู่ฟางจะลงมือเป็นการส่วนตัว แต่ไม่อาจคว้าชัยชนะได้ และเพื่อรักษาชีวิตของทุกคนไว้ ในตอนนี้พวกเราควรจะวิ่งออกไปโดยเร็วที่สุด”
“ผู้ทรงเกียรติหลาน”
ชายหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า
“ข้าขอถามได้หรือไม่ ว่าเหตุใดเจ้าถึงปล่อยเขา?”
“ทำไมน่ะหรือ?”
ผู้ทรงเกียรติหลานหัวเราะเสียงเบา
“ข้าก็เพียงไม่อยากเป็นเบี้ยล่างของผู้อื่น… นอกจากนี้ไม่คิดว่าเซียนควรเข้ามาแทรกแซงสังสารวัฏหกวิถีแห่งการกลับชาติมาเกิด”
“เช่นนั้น เจ้าถึงปล่อยเขาออกมาเพราะต้องการขับไล่เสือและกลืนกินหมาป่า ปล่อยให้เทพปีศาจโบราณตนนี้ต่อสู้กับจักรพรรดิอู่ฟาง?”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะก่อนจะกล่าว
“เจ้าประมาทเกินไป นี่คือการเล่นกับไฟ… เจ้าไม่มีกำลังแม้จะเป็นรากฐานที่มั่นคง ทั้งหมดเป็นเพียงเจ้าที่จุดไฟเผาตนเอง”
“ประมาท?”
ผู้ทรงเกียรติหลานเย้ยหยัน
“ไม่ใช่เวลาที่จะมาสั่งสอนข้า เอาชีวิตรอดจากเขาให้ได้เสียก่อนเถิด”
“เขา…”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองเทพเจ้ายักษ์โบราณที่หลุดพ้นจากพันธนาการของแผ่นดินแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน และจากนั้นเขาก็ไม่เคลื่อนไหวอะไรอีก
“จักรพรรดิภูตผี”
เมื่อเห็นว่าเทพเจ้ายักษ์โบราณกำลังจะหลุดพ้นจากผนึก ผู้ทรงเกียรติอิ๋นที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าโค้งคำนับต่อไป๋ชิวหรานและถามว่า
“ผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นข้าควรทำอย่างไร?”
“แค่รับชม”
ไป๋ชิวหรานกล่าวคำเบา
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง”
ผู้ทรงเกียรติอิ๋นพยักหน้ารับ จากนั้นก็วางมือของตนลง ร่วมกับผู้ทรงเกียรติกู่ และผู้ทรงเกียรติเสวี่ย พวกเขานำคนมากว่าครึ่งของยมโลก พลังของการต่อสู้ทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับสูง ตอนนี้พวกเขากำลังรับชมและเฝ้ามองอยู่บนช่องว่างบนท้องฟ้าอย่างสงบ
ในไม่ช้า โลกก็แตกสลาย และกลายเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นเพื่อออกคำสั่ง ก่อนจะรวบรวมกองทัพของราชาอสูรหยกวิเศษและตรงเข้าไปยังพื้นที่แห่งนั้น ช่วงเวลาของความโกลาหลจึงเกิดขึ้นนับตั้งแต่ตอนนี้!
อสูรนับไม่ถ้วนกรีดร้องและล้มลง บ้างก็เดินโซเซขึ้นไปกลางอากาศและรอดพ้นจากภัยพิบัติ แต่ยังมีอสูรโชคร้ายอยู่มาก ต่อให้บินขึ้นไปแล้วจะถูกหินกระแทกจนร่างกายฉีกขาดร่วงหล่นสู่ด้านล่าง
ผู้ทรงเกียรติหลี่กำลังรวบรวมกองทัพสำรองของเขา ซ้ำตอนนี้ยังเหาะเหินขึ้นไปอย่างยากลำบาก และเพิ่งรวบรวมกงล้อแสงสีดำที่ด้านหลังศีรษะได้ ในความมืดมิด มีมือขนาดใหญ่จับร่างกายของเขาเอาไว้พร้อมกับบีบรัดอย่างแน่นหนา
“ไอ้บัดซบ!”
เขาดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเริ่มสาปแช่ง
“เจ้านี่เป็นหมูที่ไม่เชื่อง!”
“น่าอร่อย…”
เสียงที่ต่ำและแหบแห้งดังขึ้นจากในความมืด จากนั้นผู้ทรงเกียรติหลี่ก็ถูกมือยักษ์ดึงเข้าไปในความมืดมิด มีเพียงเสียงเคี้ยวแสบหูและเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้ทรงเกียรติหลี่เท่านั้นที่ดังออกมา!
เขาตายแล้ว และแม้แต่จิตวิญญาณยังไม่สามารถหลบหนีได้
ผู้ทรงเกียรติหลานหลีกเลี่ยงฝ่ามือใหญ่นั้นอย่างคล่องแคล่ว และพยายามจะบินให้สูงขึ้น
“ไม่มีประโยชน์ที่จะต่อสู้”
เขามองลงมา ดวงตาจับจ้องที่ไป๋ชิวหรานเขม็ง
“ข้าต้องการทำลายสังสารวัฏหกวิถีที่เน่าเฟะนี้ วันนี้จะไม่มีใครหยุดได้”
“ช่างบังเอิญ”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าและพูดว่า
“ผู้ทรงเกียรติหลาน เพราะเจ้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนี้ ข้าจึงต้องจัดการเจ้าด้วยการลงโทษตามกฎของยมโลก”
“ดูแลชีวิตของตนเองก่อนเถิด”
ผู้ทรงเกียรติหลานเย้ยหยัน
“เว้นแต่ว่าพลังของเจ้าอยู่เหนือจักรพรรดิเซียนอู่ฟาง ไม่เช่นนั้นคงเป็นเพียงอาหารของเขาแม้ว่าเจ้าจะบินหนีไปถึงสุดขอบฟ้าก็ตาม”
“ผู้ทรงเกียรติหลาน ข้าทราบว่าเจ้าไม่พอใจข้ายิ่ง”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับผู้ทรงเกียรติหลานที่อยู่กลางอากาศ
“แล้ววันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าได้รับชม ว่าเพราะเหตุใดถึงได้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิภูตผี”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากดำรงตำแหน่งนี้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน ไป๋ชิวหรานก็ยอมรับความจงรักภักดีของเหล่าอสูรทั้งหมดในยมโลก
หากสิ่งที่ผู้ทรงเกียรติหลานกล่าวออกเป็นความจริง แม้จะไม่ต้องการนั่งบนบัลลังก์ของจักรพรรดิภูตผี แต่ก็ต้องนั่ง!
พื้นดินของโลกอสูรค่อย ๆ พังทลายลง เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าและมืดมิด อสูรยักษ์โบราณขนาดใหญ่ค่อย ๆ ลุกยืนขึ้น และร่างกายครึ่งหนึ่งของมันเผยให้เห็นพื้นที่มืดเบื้องล่างต่อหน้าทุกคน
ร่างนั้นไม่มีศีรษะ และร่างกายใหญ่โตถูกล้อมรอบด้วยควันและม่านหมอก ดวงตาขนาดใหญ่ประทับอยู่ที่หน้าอก ส่วนสะดือคือปากที่กว้างใหญ่ มันยังคงเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง เลือดไหลซึมออกมาระหว่างฟันและเยิ้มออกมาทางมุมปากเล็กน้อย
อสูรยักษ์โบราณเอนกายลงเพื่อคลำหาบางสิ่งในความมืดสักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงดึงเกราะทองสัมฤทธิ์สี่เพชรขนาดใหญ่และขวานยักษ์ออกมาจากความมืด
เขากลืนร่างกายกับวิญญาณเซียนของผู้ทรงเกียรติหลี่เข้าไป จากนั้นจึงเปิดปากและกล่าวว่า
“หลังจากผ่านไปนานหลายปี ข้าแทบลืมรสชาติที่วิเศษของเลือดและวิญญาณเสียแล้ว…”
เสียงของเขาเบาบางทว่ากึกก้องราวกับระฆัง มันแผ่กระจายออกไปและก้องกังวานอยู่ในโลกอสูร
“ข้าได้ยินมาว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ล้มล้างปราสาทสวรรค์ เอ… เป็นพวกที่ถูกเรียกว่า… เหนือเซียน?”
เขาเหยียดกายขึ้นมองดูเหล่ายมทูตที่ยืนอยู่ในช่องว่างของอากาศ ดวงตาหรี่ลงจนคล้ายกับรอยกรีดที่หน้าอก
“ลืมมันไปซะ ไม่ว่าพวกเจ้า ผู้ใดจะเป็นใครอย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหมดเป็นของข้าแล้ว ไปหาอาหารอย่างเช่นเลือดดี ๆ มา มิฉะนั้นข้าจะกลืนกินพวกเจ้าทั้งหมด”
ที่เขาพูดไม่ใช่การโอ้อวด แต่สามารถทำได้จริง พลังของเผ่าพันธุ์เทพนั้นมากมายเหนือจะคณานับ เหล่าอสูรที่อยู่เบื้องล่างล้วนแต่มีเพียงกำลังที่ดุร้ายเท่านั้นแต่ไร้ซึ่งสายเลือด ความแข็งแกร่งของพวกมันจึงนับว่าอ่อนแอ ทว่าสถานะสูงกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็เท่านั้น และมันยังเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าทวยเทพอสูร
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น อย่างน้อยยังอยากจะท้าทายผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า!
และเหล่าเทพที่ได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ ระดับความแข็งแกร่งของสิ่งเหล่านี้ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แม้แต่ระดับเหนือเซียนก็ยังยากที่จะหลบเลี่ยง
ในฐานะเทพเจ้าโบราณ ยักษ์ตนนี้คือสิ่งมีชีวิตระดับสูงสุดในเผ่าพันธุ์ของมัน
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขากล้าที่จะท้าทายอย่างโจ่งแจ้งเพื่อแย่งชิงบัลลังก์กับจักรพรรดิสวรรค์ แม้ว่าความแข็งแกร่งไม่อาจเทียบเท่ากับจักรพรรดิตะวันออกไท่อี แต่ยังแข็งแกร่งกว่าผู้นำระดับสูงสองคนของจักรพรรดิสวรรค์ ทั้งลู่อู๋และอิงเจา
หากไม่ใช่เพราะบุรุษผู้นั้นที่ปรากฏตัว และชายผู้นั้นตัดศีรษะของเขาก่อนจะพุ่งเข้าโจมตี ในยุคของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีแล้ว… ผู้ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นกบฏยังคงมีชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบาย
ในฐานะผู้ที่ท้าชิงจักรพรรดิสวรรค์ หนึ่งในเทพสวรรค์ชั้นยอด แม้จะเป็นเซียนอมตะแห่งแดนสวรรค์จริง ๆ ก็ตาม แต่ยังด้อยกว่าเขาเล็กน้อยในแง่ของความแข็งแกร่ง ไม่ต้องกล่าวถึงว่าช่วงหลายปีที่อยู่ในตราประทับมายาวนาน วิญญาณกับพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาเป็นเพียง ‘ผู้ถูกคุมขัง’ มันเพียงแค่ถูกปิดผนึกเอาไว้ไม่ใช่ถูกกลืนหายไปโดยสมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะกำจัดเหล่าทูตผู้สูงศักดิ์ทั้งหมดนี้
ยักษ์โบราณคิดว่าคนเหล่านี้อาจจะฉลาดและยอมเชื่อฟัง แต่ถึงกระนั้นสุดท้ายก็กลายเป็นคนรับใช้ของเขาอยู่ดี การก่อกบฏ สุดท้ายแล้วมีเพียงสิ่งเดียวที่รออยู่… คือกระเพาะอาหารของยักษ์โบราณ
แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว คนเหล่านั้นกลับไม่แสดงท่าทีใด ไม่มีการยอมแพ้ หรือต่อต้าน ราวกับว่าไม่ได้ยิน…
ยักษ์โบราณรู้สึกรำคาญใจ แต่ในขณะนี้เขาได้ยินเสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยดังขึ้น
“สิ่งนั้นไม่อาจทำได้ พวกเขาทั้งหมดเป็นคนของข้า การที่เจ้าทำเช่นนี้มันไร้มารยาทเกินไป”
ยักษ์โบราณหันกลับมามองชายผมขาวสวมหน้ากากผีด้วยความสงสัย เขาอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้
“จำข้าไม่ได้งั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานยิ้ม
“สิงเทียน ข้าไม่ได้พบเจ้านานมากแล้ว ดูเหมือนว่าจะตัวใหญ่ขึ้น เจ้ามีความสุขที่จะกินและเติบโตต่อไปงั้นหรือ?”
หลังจากที่ยักษ์สิงเทียนฟังอย่างระมัดระวัง ในที่สุดเขาก็จดจำน้ำเสียงของอีกฝ่ายได้ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าสะพรึง
“เป็นเจ้า!”