ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 246 ตัดศีรษะ
บทที่ 246 ตัดศีรษะ
บทที่ 246 ตัดศีรษะ
ถูกต้อง… ไม่ว่าจะเป็นเสียงของอีกฝ่าย หรือลมหายใจที่เต็มไปด้วยแรงกดดันซุกซ่อนอยู่ เทพเจ้ายักษ์สิงเทียนจดจำมันได้อย่างแน่นอน ในส่วนลึกของจิตวิญญาณของมันไม่มีวันลืมเลือน…
ย้อนกลับไปในยุคของเทพเจ้า อีกฝ่ายใช้น้ำเสียงโอนอ่อนเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมจำนนตลอดช่วงบ่าย และก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ร่างที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายก็ปรากฏขึ้นก่อนจะตัดศีรษะของเขา และทำให้สิ้นชีพตายตก
คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ แม้จะสวมใส่หน้ากากบดบังเอาไว้ก็ไร้ซึ่งความหมาย แม้ฝ่ายตรงข้ามจะกลายเป็นขี้เถ้า เขาก็ไม่มีวันลืมเลือนบุรุษผู้นี้
“ประทับใจนัก ไม่น่าเชื่อว่าเจ้ายังจดจำข้าได้”
ไป๋ชิวหรานบิดยิ้มและพูดว่า
“คิดถึงไม่น้อยเลยทีเดียว”
เทพเจ้ายักษ์สิงเทียนฟื้นคืนสติกลับมา มันก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่เมื่อผู้ทรงเกียรติหลานเห็นปฏิกิริยาและท่าทางของยักษ์เมื่อได้พูดคุยกับไป๋ชิวหราน เขากลับรู้สึกไม่สบายใจ
“เอาล่ะ เป็นการพบกันอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านมาหลายร้อยหลายพันปีแล้ว อย่ามัวกล่าวถึงเรื่องเก่าเลย”
ชายหนุ่มมองสิงเทียนก่อนจะยกมือขึ้น
“มาเริ่มกันเถอะ”
สิงเทียนตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเผยวาจาแกร่งกล้า
“เจ้าคิดว่าข้าเกรงกลัวงั้นหรือ?! ข้าคือเทพเจ้าแห่งสงคราม!”
มันยกขวานยักษ์ขึ้นก่อนจะกระตุ้นด้วยพลังเทวะ ขวานยักษ์อันน่าสะพรึงฉีกอากาศแหวกว่ายม่านเมฆออกจากกัน เหล็กกล้าขนาดมหึมาเกินกว่าจะจินตนาการกำลังฟาดลงมาจากท้องฟ้าอย่างเร็วยิ่งยวด ซึ่งไป๋ชิวหรานที่ยืนอยู่ด้านล่างมีขนาดเพียงเท่ามดปลวกตัวน้อย!
เมื่อเห็นการโจมตีของสิงเทียน ไป๋ชิวหรานก็คว้าร่างกายของเจียงหลานไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้น
ขวานฟาดฟันแหวกอากาศลงมาทำให้เกิดคลื่นยักษ์และความผันผวนของอากาศ บรรยากาศทั้งหมดไหลเวียนอย่างรุนแรง และกลุ่มยมทูตที่อยู่บนช่องว่างระหว่างอากาศก็โซซัดโซเซไปมาอย่างไม่มั่นคง
ทว่าใบมีดของขวานยักษ์เล่มนั้นมาได้เพียงครึ่งทาง แล้วมันก็หยุดลงอย่างกะทันหันอยู่บนท้องฟ้า
รอยมือขนาดมหึมาที่สร้างจากพลังวิญญาณที่แท้จริงได้ปิดกั้นขวานยักษ์ของเทพแห่งสงครามไว้ ความรุนแรงของพลังทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดระเบิดเป็นระลอกคลื่นพลังในแนวระนาบของโลกอสูร
ในเวลาเดียวกัน ไป๋ชิวหรานยกฝ่ามืออีกข้างหนึ่งพร้อมกับตบสิงเทียนอย่างรุนแรง
หัวใจของสิงเทียนสั่นคลอนพร้อมมีลางสังหรณ์ร้ายผุดขึ้นมา เขารีบหันข้าง และหยิบยกโล่ขนาดใหญ่ในมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาตั้งรับ
เคร้ง!
เสียงแตกหักพร้อมเสียงสะท้อนก้องกังวานราวกับว่ามีผู้ใดทุบระฆังขนาดใหญ่
โลหิตพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของสิงเทียน เมื่อฝุ่นควันระเบิดบนโล่ของมันก็หายไป รอยฝ่ามือขนาดใหญ่จึงปรากฏต่อสายตาทุกคน พวกเขาเห็นรอยฝ่ามือนี้เจาะทะลุเกราะของสิงเทียนอย่างชัดเจน ทั้งโล่และแขนบิดเบี้ยวกลายเป็นรูปร่างที่ประหลาด
แต่มันยังมีชีวิตอยู่ และยังเหลือพละกำลังสำหรับต่อสู้!
หลังจากได้รับชมการต่อสู้เช่นนี้ ทุกคนที่กำลังมองอยู่ปิดปากเงียบ เหล่ายมทูตที่ยืนอยู่ตรงช่องว่างของอากาศตื่นตระหนกกับความแข็งแกร่งของผู้มีอำนาจปกครองในอนาคต อีกทั้งผู้ทรงเกียรติหลานที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามยังไม่กล้าจะกล่าวคำ
“เจ้าแข็งแกร่งขึ้น”
ไป๋ชิวหรานดึงมือกลับก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
“นี่คือวิธีที่ข้าใช้ตัดศีรษะเจ้าในตอนนั้น”
หน้าอกของสิงเทียนขยับขึ้นลงอย่างรุนแรงด้วยอาการหอบหนัก ลมหายใจหนักหน่วง โลหิตพวยพุ่งออกจากร่างกายเริ่มไหลเวียนกลับมาอย่างช้า ๆ และแม้แต่แขนที่บิดเบี้ยวยังมีการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด เสียงกระดูกเสียดสีกันดังขึ้นก่อนที่ทุกสิ่งจะกลับสู่สภาพเดิม
“อย่าคิดว่าเทพเจ้าจะไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้”
สิงเทียนตะโกนลั่น
“ถ้าเช่นนั้น โปรดรับกระบวนท่าที่สองของข้า”
ไป๋ชิวหรานพลิกฝ่ามือ ขณะนั้นกระบี่เหล็กธรรมดาปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา
เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่เกี่ยวข้องทราบถึงตัวตนที่แท้จริง เขาจึงไม่ได้เรียกใช้กระบี่วารีสารทกระจ่างฟ้าที่เจียงหลานมอบให้ แต่กลับนำอาวุธสำรองที่ไม่ค่อยได้ใช้ออกมาจากถุงเก็บสมบัติ
ไป๋ชิวหรานดึงกระบี่ยาวออกมาพร้อมกับโยนฝักทิ้งไป เขายกกระบี่เรียวแบนขึ้นก่อนที่เปลวไฟสีขาวลุกไหม้บนใบมีด มันส่องประกายด้วยคลื่นพลังเย็นเหยียบอย่างเชื่องช้า
เปลวเพลิงค่อย ๆ ลุกลามเป็นชั้นบาง ๆ จนกระทั่งพันรอบใบมีดทั้งหมด ไป๋ชิวหรานยกกระบี่ขึ้นก่อนจะฟาดฟันไปที่สิงเทียนโดยตรงอย่างไม่ลังเล
เปลวไฟสีขาวบนใบมีดถูกชายหนุ่มขว้างออกไป มันแยกออกจากกระบี่และยืดออกเป็นลำแสงสีขาวนวลตา จากนั้นจึงกลายเป็นเปลวเพลิงรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งตรงสู่ใบหน้าของสิงเทียน!
สิงเทียนไม่กล้าประมาท… ร่างกายของมันใหญ่โต และไม่ง่ายที่จะหลบเลี่ยง แต่ยังพยายามบิดตัวหลีกเลี่ยงเส้นทางการโจมตีของไป๋ชิวหรานอย่างเต็มที่ ในขณะที่กำลังหลบ มันก็ไม่ลืมที่จะเหวี่ยงขวานยักษ์ในมือและวาดฟันออกไป
ทว่า ขณะที่ใบมีดขวานสัมผัสกับลำแสงจันทร์เสี้ยว พลังทั้งหมดพลันระเบิดออกด้วยความน่าสะพรึงกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน มันกลายเป็นเศษเสี้ยวพลังเหนือจะคณานับที่เกิดจากเปลวไฟสีขาวเมื่อครู่ จากนั้นก่อตัวเป็นวิถีแห่งกระบี่มากมาย ทั้งหมดระเบิดขึ้นในคราวเดียว ทำให้ขวานยักษ์ โล่ และร่างกายของสิงเทียนหลายส่วนถูกระเบิดออกแล้วสูญสลายไป
การเคลื่อนไหวของสิงเทียนหยุดลง… มันหยุดนิ่งอยู่กับที่
เพียงไม่กี่อึดใจถัดมา เส้นเลือดเริ่มปรากฏบนร่างกายส่วนบนของมันนับตั้งแต่ช่วงไหล่จนมาถึงสีข้าง และค่อย ๆ ขยายออก… ยามนี้ได้เกิดบาดแผลบนร่างกายของมัน และแผลกำลังฉีกออกอย่างช้า ๆ เมื่อถูกแยกออกจากร่างกายส่วนล่าง มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นบนร่างกายมากขึ้น บาดแผลทั้งหมดค่อย ๆ ขยายออกอย่างน่าหวาดหวั่น!
หลังจากนั้นบาดแผลหลอมรวมเป็นหนึ่งมีโลหิตพวยพุ่งออกมา ทั้งอาวุธ โล่ และร่างกายของสิงเทียนทั้งหมดทรุดลงราวกับภูผาถล่ม มันถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและร่วงหล่นลงไปในหลุมอากาศสีดำของโลกอสูร
เศษเนื้อและโลหิตทะลักออกมา โลหิตทั้งหมดค่อย ๆ เติมเต็มร่องลึกที่แตกออก และเศษซากศพกลายเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่จมอยู่กลางทะเลโลหิต!
เลือดจากร่างกายส่วนบนของมันกระจัดกระจายออกกลายเป็นห่าฝนที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า เมื่อตกลงสู่ทะเล มันยังทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เจียงหลานหยิบร่มกระดาษสีม่วงออกมาแล้วกางมันออกเพื่อปิดกั้นสิ่งเหล่านั้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวนางกับไป๋ชิวหราน ทว่าความสูงของนางเตี้ยกว่าไป๋ชิวหรานมาก แม้ว่าจะพยายามเขย่งปลายเท้าแล้วก็ตาม… แต่ทันใดนั้นก็มีเลือดหยดหนึ่งพุ่งมากระทบคางของชายหนุ่ม
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานจึงย่อตัวลงกลับสู่รูปร่างเดิม เขาหันหลังพร้อมกับถอดเกราะต่อสู้ออกก่อนจะสวมชุดสีดำเพื่อแสดงถึงขั้นวิญญาณแท้จริง
จากนั้นเขาก็หยิบร่มในมือของเจียงหลานพร้อมกับยืนเคียงข้างนาง ก่อนจะมองขึ้นไปที่ผู้ทรงเกียรติหลานที่ยืนตกตะลึงอยู่บนท้องฟ้า
ผู้ทรงเกียรติหลานดูเหมือนจะยังไม่ฟื้นคืนสติกลับมาหลังจากเห็นว่าสิงเทียนถูกสังหารอีกครั้ง เขากำลังจ้องมองทะเลเลือดใต้ฝ่าเท้าด้วยแววตาว่างเปล่า และดูเหมือนว่าจะไม่ทันรู้ตัวว่าตนเองกำลังเปียกโชกไปด้วยฝนโลหิตจนร่างกายและใบหน้าชุ่มฉ่ำ
“หยุดมอง!”
ไป๋ชิวหรานตะโกนใส่เขา
“มันตายแล้ว”
ผู้ทรงเกียรติหลานฟื้นคืนสติ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มและอ้าปากอยากจะกล่าวบางคำ แต่ไป๋ชิวหรานกลับเอื้อมมือออกไปและคว้าร่างกายของเขาเอาไว้
พลังปราณแก่นแท้แทรกซึมฝนโลหิตในร่างกายของผู้ทรงเกียรติหลานผ่านฝ่ามือของชายหนุ่ม และด้วยความตื่นตระหนกทำให้ผู้ทรงเกียรติหลานที่เคยผ่านสังสารวัฏมาแล้วถึงสองครั้งหมดสติไปโดยไร้การต่อต้าน
“ข้าเกียจคร้านจะกล่าวเรื่องไร้สาระกับเขา”
ไป๋ชิวหรานเงยหน้าขึ้นมองเหล่ายมทูตที่อยู่บนช่องว่างของอากาศ
“จับตัวเขาไป นำกลับไปลงโทษ”
“ขอรับ”
ผู้ทรงเกียรติกู่พยักหน้า จากนั้นก็ยื่นมือออกมาและกระดูกสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปจากแขนเสื้อ ทั้งหมดเกิดเป็นโซ่ตรวนและกรงขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้จับกุมผู้ทรงเกียรติหลานเอาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นทั้งหมดก็หดกลับเขาไปในแขนเสื้อของเขา
“และยังเหลือเรื่องวุ่นวายตรงนี้”
ไป๋ชิวหรานมองที่ทะเลโลหิตใต้ฝ่าเท้าก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ผืนดินหายไปหมดแล้ว แล้วเช่นนี้จะทำอย่างไร”
เจียงหลานมองดูก่อนจะกะพริบตาและถามว่า
“ชิวหราน สำหรับคำถามนี้ข้าจะตอบเอง”