ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 247 จักรพรรดิภูตผี
บทที่ 247 จักรพรรดิภูตผี
บทที่ 247 จักรพรรดิภูตผี
ร่างกายทั้งหมดของสิงเทียนเปรียบได้กับโลกอสูรทั้งใบ ดังนั้นหลังจากที่มันตายตก เลือดจากร่างกายจะไหลเวียนเข้าไปในร่องลึกของผืนแผ่นดินและก่อเกิดเป็นทะเลเลือดในโลกอสูร!
ในทะเลเลือดนี้ยังมีอสูรใต้บังคับบัญชาของอสูรฟ้าทมิฬที่ยังไม่ตายตก พวกมันกำลังลอยล่องอยู่ในคลื่นและกำลังกระวนกระวายเพราะไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อ
ตอนนั้นไป๋ชิวหรานเห็นราชาอสูรฟ้าทมิฬกอดชิ้นส่วนของร่างกายที่หลุดออกจากร่างของสิงเทียนด้วยแขนทั้งหก ราวกับว่าเกรงกลัวจะถูกทะเลเลือดนี้กลืนกินไปด้วย
หลังจากที่สิงเทียนตายตก ความแข็งแกร่งของอสูรฟ้าทมิฬที่ได้รับจากสิงเทียนก่อนหน้านี้พลันลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ความแข็งแกร่งของเขากลับมาสู่ระดับเดิม และการลดลงของพลังเทวะทำให้พลังบำเพ็ญเพียรของเขาต่ำกว่าเมื่อก่อน…
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถอดทนหายใจอยู่ได้นานนัก เนื่องจากสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังบางกลุ่มกำลังก่อตัวขึ้นจากโลหิตศักดิ์สิทธิ์!
แม้สิงเทียนจะไม่สามารถรับกระบวนท่าที่สองของไป๋ชิวหรานได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือเทพเจ้าระดับจักรพรรดิสวรรค์ ความน่ากลัวของพลังบริสุทธิ์ในโลหิต… ไม่ใช่สิ่งธรรมดาที่ใครจะคาดเดาได้
หลังจากที่โลหิตของมันไหลออกมาจากร่างกาย และสูญเสียพลังพร้อมทั้งจิตวิญญาณทั้งหมดไป ทะเลเลือดแห่งนี้พลันปั่นป่วน มันก่อเกิดเป็นร่างของยักษ์ที่มีรูปร่างแปลกประหลาด บางส่วนเริ่มควบแน่นหลอมรวมกันจนเกิดเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ
ยักษ์เหล่านี้มีรูปลักษณ์แปลกประหลาด พวกมันทั้งหมดดุร้าย โดยทั่วไปแล้วรูปร่างคล้ายกับหนอน แต่แขนขาเป็นปล้อง ซ้ำยังมีปากแหลมคม ปากและเท้าเปรียบดั่งอาวุธร้ายแรง อีกทั้งยังมีความคมจนเกิดแสงวูบวาบด้วยคลื่นพลังเย็นเฉียบ
ทันทีที่พวกมันเกิดมา สัตว์ประหลาดเหล่านี้ก็เริ่มสังหารกันเอง และบางตนก็เริ่มทำตามสัญชาตญาณ พวกมันกลืนกินอสูรที่บังเอิญตกลงมาในทะเลเลือดแห่งนี้
อสูรไม่ใช่สายเลือดที่นิ่งเฉยต่อการกระทำใด ๆ ทันทีที่ถูกโจมตีโดยสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายเหล่านี้ สัญชาตญาณความดุร้ายจะถูกกระตุ้นขึ้นทันที และพวกมันจะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ในทะเลเลือดด้วยความเดือดดาล
อย่างไรก็ตาม เหล่าอสูรก็ไม่ใช่สัตว์น้ำ ในทะเลเลือดจึงทำให้พลังของพวกมันถูกจำกัดเอาไว้… ในเวลานี้จึงเริ่มทุกข์ทรมาน
เหล่าอสูรที่มีสมองเริ่มปีนขึ้นจากซากศพที่หลุดลอยมาของสิงเทียน ศพนี้ล่องลอยอยู่ในทะเลเลือด สำหรับอสูรแล้วนั่นคือเกาะในทะเล หลังจากได้ยืนหยัดอยู่บนสถานที่แห่งนี้แล้ว เหล่าอสูรทั้งหมดที่ปีนขึ้นมาได้ก็เริ่มใช้พลังเวทเพื่อตอบโต้กลับ
“เป็นช่วงการต่อสู้ที่สุขสันต์เสียจริง”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะ
แม้ว่าอสูรเหล่านี้จะถูกสัตว์ประหลาดผู้แกร่งกล้าโจมตี แต่หลังจากที่ได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ดูเหมือนว่าบางตัวจะเริ่มสนุกสนาน ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบว่าควรจะกล่าวอะไรในเวลานี้
จากความคิดของชายหนุ่ม… ราชาอสูรฟ้าทมิฬมีท่าทีประหลาดไป หลังจากที่เห็นสถานการณ์นี้ เขาก็พบซากขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด และปีนขึ้นไปก่อนจะหลบซ่อนตัวอย่างเงียบ ๆ อีกทั้งยังปกปิดความแข็งแกร่งและพลังในกายไว้อย่างแนบเนียน เห็นได้ชัดว่ากำลังวางแผนที่จะล่าถอย!
ไป๋ชิวหรานหันมามองอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้เจียงหลานตระเตรียมคาถาพร้อมแล้ว ในเวลานี้นางหยิบแส้ยาวที่ทอด้วยไม้เลื้อยออกมา ก่อนจะถือไว้ในมือข้างหนึ่ง และปลดปล่อยเวทในมืออีกข้างหนึ่ง จากนั้นกงล้อแสงที่แข็งแกร่งกว่าผู้ทรงเกียรติอิ๋นก็ปรากฏขึ้นด้านหลังศีรษะ ในกงล้อแสง ทุกคนสามารถมองเห็นวัฏจักรสวรรค์ศึกดวงดาวที่แผ่กระจายอย่างเจือจางในท้องฟ้าได้ชัดเจน
นางลืมตาขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามอง และแสงดาวสีเขียวเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนนิ้วเรียวยาว
แสงดาวตกลงสู่ทะเลเลือดและลุกลามแผ่กระจายเป็นวงกว้างทันที เหล่าสัตว์ประหลาดที่ต่อสู้กับอสูรอยู่ถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว และทะเลเลือดก็เริ่มกระจ่างใสขึ้น แม้ว่ายังเป็นสีแดงเข้ม แต่ไร้ซึ่งกลิ่นคาวหรือความเหนียวเหนอะของโลหิต
ประกายแสงดาววาววับยังคงแผ่ขยายออกไปจนสิ้นสุดขอบเขตของโลกอสูร ซากศพกับอาวุธของสิงเทียนที่ลอยอยู่ในทะเลเลือดถูกเจียงหลานคว้าเอาไว้ด้วยพลังเวทก่อนจะหลอมรวมมันเป็นหนึ่งเดียวกัน
นางกล่าวคำเบาก่อนจะขว้างแส้ออกไปฟาดใส่เนื้อและเศษโลหะที่หลอมรวมไว้
หลังจากถูกฟาดด้วยแส้ยาว ชิ้นเนื้อกับโลหิตของสิงเทียนค่อย ๆ กลายเป็นดินที่อุดมไปด้วยสารอาหาร อวัยวะภายในก่อตัวเป็นเส้นใยใต้พื้นดิน โลหะกับกระดูกก่อตัวเป็นแร่ธาตุฝังอยู่ใต้ดิน และส่วนที่กระจัดกระจายก่อตัวเป็นทะเลสาบ แม่น้ำ และยอดเขา
ด้วยวิธีนี้เจียงหลานได้ขัดเกลาร่างกายของตนเอง ก่อเกิดเป็นร่างใหม่ในโลกอสูรยืนอยู่ศูนย์กลางของแผ่นดินใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลสีแดงฉาน!
แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ
เมื่อเห็นเจียงหลานกระทำสิ่งนี้ ไป๋ชิวหรานถึงกับต้องปรบมือ
“ชิวหราน จงกลับคืนสู่แผ่นดินที่ท่านทอดทิ้งไป”
เจียงหลานกล่าวกับไป๋ชิวหราน
ชายหนุ่มพยักหน้า จากนั้นยกมือขึ้นและปลดปล่อยอสูรหยกวิเศษและกองกำลังของเขาจากเบื้องบน ก่อนจะวางพวกเขาทั้งหมดลงในแผ่นดินที่เจียงหลานเพิ่งสร้างขึ้น
เขาตั้งใจวางราชาอสูรหยกวิเศษและกองกำลังเอาไว้ใกล้ ๆ กับราชาอสูรฟ้าทมิฬกับกองกำลังที่เหลือ เมื่อได้รับคำสั่งจากไป๋ชิวหราน ราชาอสูรหยกวิเศษที่สับสนก่อนหน้าพลันมีความสุขทันทีเมื่อพบเจอกับอสูรฟ้าทมิฬ
“ว่าอย่างไรเจ้าเด็กน้อย”
เขาหัวเราะเสียงดังพร้อมกำหมัดแน่นเดินตรงเข้าหาอสูรฟ้าทมิฬ
“ข้าเคยคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้พบเจ้าเสียแล้ว แต่นายท่านปฏิบัติต่อข้าอย่างดี เจ้าฟ้าทมิฬ! มาเป็นกระสอบทรายให้ข้าลองกระบวนท่าใหม่ที่นายท่านเพิ่งสั่งสอนกันดีกว่า!”
ราชาทั้งสองแห่งโลกอสูรและกองทัพของพวกเขาต่อสู้กันอีกครั้ง แต่คราวนี้ราชาอสูรหยกวิเศษมีอำนาจเหนือกว่า และราชาอสูรฟ้าทมิฬไร้ซึ่งหนทางหลบหนี
ไป๋ชิวหรานไม่สนใจเหล่าอสูรที่กำลังมีความสุข เขาเก็บร่มและตรงไปที่ช่องว่างของอากาศพร้อมกับเจียงหลาน
“จักรพรรดิภูตผี”
ยมทูตทั้งสามรวมทั้งผู้ทรงเกียรติเหล่ยทักทายเขา คราวนี้นอกเหนือจากอาวุโสสูงสุดทั้งสาม ใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็แสดงออกถึงความจริงใจและสัตย์ซื่อเช่นกัน
“พวกท่านสามารถกลับไปก่อนได้ พวกเราจะตามกลับไปภายหลัง”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับพวกเขา
ผู้ทรงเกียรติอิ๋น ผู้ทรงเกียรติกู่ และผู้ทรงเกียรติเสวี่ยลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ตอบรับ
“ขอรับ”
ทั้งหมดหันหลังไปพร้อมกับยมทูตจำนวนมาก ช่องว่างในอากาศก็ปิดลง ก่อนที่รอยแยกของอากาศจะปิด เชวียหลิงหันศีรษะกลับมาเหลือบมองไป๋ชิวหรานที่สวมใส่หน้ากากเอาไว้
จากนั้นพื้นที่ทั้งหมดก็ปิดสนิท และการเชื่อมต่อระหว่างยมโลกกับโลกอสูรถูกตัดขาดไป…
ไป๋ชิวหรานกับเจียงหลานเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เวลาดำเนินผ่านไปไม่นานสตรีกล่าวขึ้นว่า
“ข้าต้องการกลับไปที่วิหารฝูซาง”
“มีอะไรหรือ?”
ไป๋ชิวหรานถาม
“กลับไปเอาบางสิ่ง ท่านจะได้อยู่ที่นี่นาน ๆ กว่านี้”
เจียงหลานเหลือบมองเขาก่อนจะตอบ
“เอ่อ…”
ชายหนุ่มหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“หลานเอ๋อร์ เจ้าทราบหรือไม่?”
“ข้าทราบว่าท่านไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิภูตผี ท่านไม่อยากถูกผูกมัดและอยากเป็นอิสระ”
เจียงหลานกล่าวคำเบา
“แต่ข้าก็ทราบเช่นกันว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อท่านต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดัน… เช่นนั้นคงไม่คิดจะถอยกลับใช่หรือไม่? ท่านบรรพชนเซียนของข้า?”
“ข้าจะให้เวลากับที่นี่สักสามสิบปี”
ไป๋ชิวหรานกล่าวคำหนักแน่น
“สามสิบปีก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชื่อเสียงของจักรพรรดิภูตผีเป็นที่ตกตะลึงในแดนเซียน เพียงทำให้เหล่าศิษย์รุ่นใหม่ไม่กล้าเอื้อมมือเข้ามายุ่งกับสังสารวัฏแห่งชีวิตและความตายก็เพียงพอ”
“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ข้าย่อมเห็นด้วย และคิดว่าเชวียหลิงรวมไปถึงคนอื่น ๆ จะสนับสนุนท่านอย่างแน่นอน”
เจียงหลานส่ายศีรษะก่อนจะกล่าวว่า
“เมื่อกลับไป ข้าจะไปพักที่สำนักกระบี่ชิงหมิงในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน แล้วค่อยอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านฟังภายหลัง”
“ขอบคุณ”
ไป๋ชิวหรานตื่นเต้นยิ่งในเวลานี้
“แล้วเหตุใดท่านถึงต้องกล่าวขอบคุณ?”
เจียงหลานยืนเขย่งปลายเท้า และช่วยไป๋ชิวหรานจัดหน้ากากของเขา
“ต่อไปพวกเราคงต้องทำงานหนักขึ้น… จักรพรรดิภูตผี”