ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 25 วิชาเซียนพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา
บทที่ 25 วิชาเซียนพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา
ไป๋ชิวหรานคว้ามือของถังรั่วเวยไว้ จากนั้นจึงยื่นมือของตนเองออกมากดลงบนฝ่ามือของนาง
ถังรั่วเวยพลันรู้สึกว่ามีกระแสความร้อนไหลผ่านฝ่ามือของไป๋ชิวหรานไปยังร่างกายของตนเอง สิ่งมหัศจรรย์นั้นไหลผ่านเส้นลมปราณในร่าง เปิดและขยายเส้นลมปราณของนางให้กว้างขึ้นตลอดทาง เมื่อมันค่อย ๆ พองตัวผ่านเลือดลมที่ไหลเวียนภายในร่างกาย ความรู้สึกชาระคนเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวเหงื่อแตกพลั่กอย่างไม่อาจหักห้าม
นางเปล่งเสียงคร่ำครวญแผ่วเบา รู้สึกว่าร่างกายพลุ่งพล่านไปทุกส่วนทั้งยังบวมขึ้น ทว่ากระแสความร้อนนั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ซ้ำยังวนเวียนไปตามเส้นลมปราณภายในร่างนานหลายสัปดาห์ ก่อนจะหลั่งไหลไปรวมตัวอยู่ในจุดตันเถียนของกระแสลมปราณบริเวณใต้สะดือ
ข้างหูของถังรั่วเวยคล้ายได้ยินเสียง ‘เป๊าะ!’ เบา ๆ ราวกับมีฟองสบู่เปราะบางถูกเข็มทิ่มแทงจนแตกสลาย จากนั้นกระแสความร้อนก็จางหายไปประหนึ่งที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพหลอน ไป๋ชิวหรานปล่อยมือจากนาง สติของถังรั่วเวยจึงฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ
“เอาล่ะ” ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าทำลายเคล็ดวิชามังกรทมิฬที่เจ้าเคยฝึกฝนมาตั้งแต่ครั้งก่อนหน้า อาจารย์ได้เตรียมเคล็ดวิชาที่เหมาะสมให้กับเจ้าเพื่อทำการขัดเกลาร่างกายต่อไป เจ้าควรฝึกฝนทักษะภายนอกเสริมกำลังของร่างกายเสียก่อน”
เขาผลักตำราเล่มหนึ่งที่ห่อหน้าปกไว้ด้วยผ้าไหมไปตรงหน้า ถังรั่วเวยพลิกเปิดดู พบว่าหน้าแรกของตำราเขียนชื่อวิชายุทธ์ดังกล่าวไว้
เคล็ดวิชาหลอมสร้างกาย
“ข้าจำได้ว่า นี่คือวิชาที่ท่านถามว่าข้าเคยร่ำเรียนมาก่อนหรือไม่…” ถังรั่วเวยพึมพำ
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า “ถูกแล้ว ข้าร่วมสร้างวิชาเซียนกับสหายคนหนึ่งขึ้นเมื่อหลายปีก่อน โดยปกติแล้ววิชาเทพเซียนที่ตกทอดเป็นมรดกสืบมาแต่โบราณเป็นวิชาที่สามารถฝึกฝนเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐานใด ๆ ดังนั้นจึงเหมาะสมยิ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มฝึกตน”
“แต่วันนั้นท่านถามข้าถึงเรื่องความบกพร่องบริเวณหน้าอก… นั่นหมายความว่า ข้าต้องฝึกฝนวิชานี้จึงจะเป็นปกติใช่หรือไม่?” ใบหน้าถังรั่วเวยซับสีแดงก่ำ พยายามอดทนต่อความเขินอายขณะเอ่ยถามด้วยความหวัง
“ใช่” ไป๋ชิวหรานกุมมือถังรั่วเวยไว้อีกครั้งพร้อมกล่าวตอบด้วยความเอ็นดู “เด็กน้อยเอ๋ย เจ้ารอดแล้ว”
เขาปล่อยมือจากถังรั่วเวยก่อนหยิบผลแอปเปิลสีแดงสดออกมาจากความว่างเปล่าแล้วโยนมันทิ้งไป ทันใดนั้นสองมือของเขายังไม่ทันขยับเคลื่อน จู่ ๆ กลับมีแขนปริศนางอกขึ้นมาบริเวณใกล้กับซี่โครงของเขาและรับแอปเปิลลูกนี้ไว้
“วิชาหลอมสร้างกายนี้เป็นเคล็ดวิชาระดับเซียน ยากที่จะฝึกฝนให้บรรลุได้ แม้เป็นเพียงวิชาเสริมสร้างทักษะภายนอกที่เรียบง่าย ทว่าสามารถเพิ่มพูนพลังการต่อสู้ได้มากโข ถึงกระนั้นกลับไร้ซึ่งประโยชน์ต่อการพัฒนาระดับขั้นการฝึกตน”
ไป๋ชิวหรานโยนแอปเปิลขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นแขนที่งอกขึ้นมาใหม่ก็สามารถรับมันไว้ได้อีกครั้ง จากนั้นถังรั่วเวยเห็นแขนอีกหกข้างงอกออกมาจากร่างกายของเขา แขนสองข้างกำลังสั่งสอนอบรมนาง ส่วนอีกสี่ข้างกำลังโยนแอปเปิลส่งต่อกันเป็นวงกลม
“ตราบใดที่เจ้าเพียรฝึกฝนกระทั่งเข้าใจเคล็ดวิชานี้ได้อย่างลึกซึ้ง เจ้าจะสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายหรือเพิ่มความยืดหยุ่นทนทานของร่างกายได้ตามใจต้องการเช่นเดียวกันกับข้า” ขณะนั้นเอง ไป๋ชิวหรานเห็นว่าดวงตาของถังรั่วเวยพลันเปล่งประกายราวแสงดาวสุกสว่าง
“นี่คือ…เคล็ดวิชาเซียนอย่างแท้จริง!” องค์หญิงผู้ซึ่งก่อนหน้านี้มีฐานันดรศักดิ์สูงส่ง กลับคุกเข่าลงกับพื้นและคำนับไป๋ชิวหรานด้วยความเคารพศรัทธาจากใจจริง
“ท่านคืออาจารย์ของข้า…ไม่สิ ท่านคือเทพเซียนของข้า!”
“เจ้าเด็กบ้า ข้าเป็นเพียงอาจารย์ของเจ้าเท่านั้น!” ไป๋ชิวหรานเคาะศีรษะนางเบา ๆ “ลุกขึ้นเสียเถิด เด็กโง่เอ๋ย”
“ท่านอาจารย์!” ถังรั่วเวยแสดงออกถึงพลังมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางกระโดดลุกขึ้นจากพื้น ถือตำราในมือไว้แน่นพร้อมกล่าวว่า “ข้าจะขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ให้สำเร็จ!”
หญิงสาวแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะทำความเข้าใจเคล็ดวิชาดังกล่าวให้ถ่องแท้ หลังจากขอตัวลาแล้ว นางรีบวิ่งกลับไปที่ห้องส่วนตัวของตนด้วยความกระตือรือร้น ก่อนจะนั่งศึกษาเนื้อหาภายในตำราเล่มนี้อย่างละเอียด
ไป๋ชิวหรานมองตามหลังของถังรั่วเวยไปพร้อมยกมือขึ้นลูบคาง เผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่าง
การมองขาดถึงจุดอ่อนของศิษย์แต่ละคนแล้วจึงใช้มันเพื่อกระตุ้นให้ศิษย์เกิดความพากเพียรที่จะเอาชนะ เป็นการสร้างความกระตือรือร้นเพื่อให้พวกเขาใฝ่ร่ำเรียนวิชาอย่างหนัก สิ่งนี้นับเป็นกลวิธีพื้นฐานของเหล่าอาจารย์ที่ใช้ได้ผลอย่างยอดเยี่ยม
รั่วเวย อาจารย์ไม่ได้โกหกเจ้า ตำราเคล็ดวิชาหลอมสร้างกายเล่มนี้ หากฝึกจนถึงขั้นปลายก็สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ดังที่ว่า เพียงแต่ยิ่งถึงขั้นปลายมากเท่าไร เคล็ดวิชานี้ก็ยิ่งฝึกฝนได้ยากเข็ญขึ้นเท่านั้น
ด้วยพรสวรรค์และอุปนิสัยส่วนของผู้ฝึกตนทั่วไป ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาสามารถฝึกฝนได้สูงสุดเพียงขั้นที่สิบเท่านั้น หากต้องการเปลี่ยนแปลงร่างกายตนเองดั่งใจนึก อย่างน้อยต้องฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นที่ห้าสิบขึ้นไป
เจ้าจะสามารถฝึกฝนจนบรรลุได้ถึงขั้นใดกัน? อาจารย์จะเฝ้ารอดู…
—
ถังรั่วเวยวิ่งกลับห้องอย่างรีบร้อน แล้วจึงเริ่มฝึกฝนตามเนื้อหาที่ระบุไว้ในตำรานั้น
ไป๋ชิวหรานเดินวนไปรอบ ๆ ห้องส่วนตัวของนาง ผลจากการตรวจสอบผ่านจิตวิญญาณ พบว่าแม่นางผู้นี้อดใจรอไม่ไหวที่จะเริ่มฝึกวิชาหลอมสร้างกายในระดับแรก
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้สร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้น ไป๋ชิวหรานย่อมเข้าใจเกี่ยวกับระดับขั้นของวิชาหลอมสร้างกายอย่างแตกฉาน สามขั้นแรกของเคล็ดวิชานี้อยู่ในระดับเดียวกันกับวิทยายุทธ์ขั้นพื้นฐานที่แพร่หลายอยู่ในโลกฆราวาส
สามขั้นแรกเป็นการขัดเกลารูปร่าง แต่ละขั้นแบ่งออกเป็นสามกระบวน ซึ่งสามกระบวนนี้ก็สามารถฝึกฝนได้อย่างไม่ยากเย็น หากฝึกสำเร็จจะสามารถบรรลุผ่านขั้นการฝึกตนระดับที่หนึ่งได้ทันที
กระบวนท่าเหล่านี้สำหรับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปแล้วยากที่จะแสดงออก ทว่าถังรั่วเวยมีประสบการณ์และพื้นฐานในการฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรทมิฬมาตั้งแต่อายุหกปี นางจึงบรรลุผ่านสามขั้นแรกโดยไร้ซึ่งอุปสรรค
ทว่าเมื่อมาถึงขั้นที่สี่ก็มิใช่วิธีการฝึกฝนที่คนธรรมดาจะพอต้านทานได้อีกต่อไป นับจากระดับนี้เป็นต้นไป ผู้ฝึกเคล็ดวิชาหลอมสร้างกายจะต้องเริ่มใช้ร่างกายเพื่อรับพลังงานจากภายนอกเพื่อช่วยในการฝึกฝน เริ่มจากขัดเกลาผิวหนังกำพร้าชั้นแรก และขัดเกลาทีละชั้นจนถึงผิวหนังชั้นใน เมื่อมาถึงขั้นนี้วิชาหลอมสร้างกายจึงจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
เมื่อเห็นความกระตือรือร้นในการขัดเกลาร่างกายของนาง ไป๋ชิวหรานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตนประเมินความตั้งใจของนางต่ำเกินไปในตอนแรก
ในขณะที่หญิงสาวกำลังฝึกฝน นางยังคงปฏิเสธที่จะถอดเกราะสมมติออกจากหน้าอกของตน ทำให้ไป๋ชิวหรานนึกกังวลว่าแม่นางผู้นี้อาจบรรลุไปยังอีกขั้นหนึ่งเร็วเกินไป จนร่างกายนางรับไม่ไหวและตายตกไปได้
เพื่อไม่ให้ถังรั่วเวยต้องมาสูญสิ้นชีพอย่างกะทันหันเพราะความบกพร่องเรื่องหน้าอกของตน ไป๋ชิวหรานจึงเริ่มตระเตรียมสมุนไพรที่ช่วยส่งเสริมรับกันกับการขัดเกลาร่างกายของนางทันที โดยผสมเข้ากับน้ำยาอาบน้ำเพื่อบำรุงและซ่อมแซมในส่วนของร่างกายที่สึกหรอ
นอกจากนี้สถานที่ฝึกฝนและและเคล็ดวิชาก็ต้องเฟ้นหาให้เหมาะสมกับถังรั่วเวยไว้พร้อมสรรพ ถังรั่วเวยมีระดับฐานวิญญาณสวรรค์ทำให้มีธาตุดิน ทว่าสภาพแวดล้อมบนยอดเขาชีซิงกลับเอื้ออำนวยกับธาตุไม้มากกว่า ดังนั้นเขาจึงต้องเสาะหาหนทางเพื่อปรับสภาพแวดล้อมเสียใหม่ให้เหมาะสมกับธาตุดินของหญิงสาว นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่สำคัญ เช่นเม็ดยา จิตวิญญาณแห่งเต๋า ยุทธภัณฑ์เวท รวมถึงสิ่งของอื่น ๆ ที่เขาต้องพิจารณาให้กับถังรั่วเวย
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้มาก่อน แม้ว่าเจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงจะเคยได้รับคำสั่งสอนชี้แนะจากเขามาแล้วหลายยุคหลายสมัย แต่พวกเขาต่างก็มีอาจารย์สายตรงเป็นของตนเอง ซึ่งอาจารย์ของพวกเขาได้พิจารณาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้เบื้องต้นก่อนแล้ว ไป๋ชิวหรานเพียงช่วยเหลือพวกเขาเพิ่มเติมในภายหลัง
ทว่านับตั้งแต่รับถังรั่วเวยให้เป็นศิษย์สายตรง ไป๋ชิวหรานกลับรู้สึกคล้ายกำลังเลี้ยงดูลูกสาวคนโต
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของถังรั่วเวยแล้ว เขาจึงรีบกลับไปยังห้องตำราของตนเอง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงหยิบพู่กันขึ้นมาและเริ่มขีดเขียนเคล็ดวิชาให้ถังรั่วเวยได้ฝึกฝน
ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่าสามพันปีที่ไป๋ชิวหรานได้พานพบมา เขามีโอกาสได้ลองผิดลองถูกกับเคล็ดวิชาอันน่าอัศจรรย์นับไม่ถ้วน ตำราเคล็ดวิชาฝึกตนต่าง ๆ ที่เก็บรวบรวมไว้ในหอคัมภีร์ของสำนักกระบี่ชิงหมิง ส่วนใหญ่ล้วนได้รับการปรับแต่งโดยไป๋ชิวหราน หรือแม้แต่สร้างมันขึ้นมาใหม่โดยตรง
ถึงกระนั้นพวกมันกลับไม่ใช่เคล็ดวิชาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับถังรั่วเวย เพื่อศิษย์สายตรงคนแรกของเขา ไป๋ชิวหรานจึงตัดสินใจร่างตำราฝึกตนขึ้นใหม่ด้วยตัวเอง
ภายในห้วงความคิดของเขามีข้อมูลทุกแขนงจากหลากหลายสำนักเกี่ยวกับเคล็ดวิชาธาตุดินนับไม่ถ้วน ไป๋ชิวหรานยกพู่กันขึ้นจรดปลายลงบนกระดาษเปล่าด้วยแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม หลังจากจรดปลายพู่กันอย่างขยันขันแข็ง ในที่สุดเขาก็ถ่ายทอดเคล็ดวิชาดังกล่าวตั้งแต่ช่วงแรกในขั้นกลั่นลมปราณไปจนถึงขั้นสูงสุดได้สำเร็จ
ไป๋ชิวหรานวางพู่กันลงพร้อมถอนหายใจออก ก่อนร่ายเวทคัดลอกมันลงในกระดาษเปล่าอีกแผ่นเป็นอันเสร็จสิ้น
จากนั้นจึงร่ายเวทอีกครั้งเพื่อเรียกนกสีฟ้าตัวหนึ่งออกมาจากแดนวิญญาณ ออกคำสั่งให้มันใช้กรงเล็บจับม้วนกระดาษที่สลักข้อความไว้แล้วบินตรงไปยังหอคัมภีร์ที่ผู้อาวุโสสี่ควบคุมดูแลอยู่
ดูเหมือนว่าเขาบังเอิญสร้างตำราเคล็ดวิชาที่พิเศษเหนือธรรมดาขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง ทว่าเมื่อโยนมันเข้าไปในหอคัมภีร์ของสำนักกระบี่ชิงหมิงแล้ว ไม่แน่ว่านอกจากถังรั่วเวยอาจยังมีศิษย์รายอื่นที่สามารถฝึกฝนจนสำเร็จ
ไป๋ชิวหรานเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าที่ ก่อนลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากตำหนักของตน
ปัญหาวิชายุทธ์ได้รับการแก้ไขจนลุล่วงแล้ว สิ่งที่ต้องทำเป็นขั้นต่อไปคือการเสาะหาสมุนไพรมากลั่นเป็นเม็ดยา และเสาะหาสถานที่สำหรับให้ถังรั่วเวยได้เริ่มฝึกฝน