ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 250 จัดการให้ชัดเจน
บทที่ 250 จัดการให้ชัดเจน
บทที่ 250 จัดการให้ชัดเจน
หลังจากถอดถอนจิตสำนึกออกจากฟากฟ้าได้แล้ว ไป๋ชิวหรานก็ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
เจียงหลานนั่งลงเช่นเดียวกัน เมื่อจิตสำนึกทั้งห้าโจมตีเข้ามา นั่นทำให้สตรีไม่อาจเคลื่อนไหวได้… นางไม่คิดโอ้อวดภูเขาหรือแม่น้ำ และบางครั้งมันก็น่าหวาดกลัวกว่าทักษะที่เฉียบแหลมและซ่อนเร้น
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าบรรดาอาวุโสเซียนที่อยู่ตรงนี้กำลังรู้สึกสับสน
ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ณ ปัจจุบันล้วนแต่เป็นอาวุโสเซียนระดับสูง และพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงการเผชิญหน้าระหว่างเหล่าทวยเทพและจักรพรรดิเซียน!
“แค่ก ๆ”
ไป๋ชิวหรานกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะกล่าวกับผู้ทรงเกียรติอิ๋นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผู้ทรงเกียรติอิ๋น ดำเนินการต่อได้”
“ขอรับ”
ทุกคนฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง และผู้ทรงเกียรติอิ๋นจึงโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวต่อ
“สิ่งต่อไปที่จะขอให้จักรพรรดิภูตผีตัดสินใจเกี่ยวกับยมทูตทั้งสามตน คนแรกคือผู้ทรงเกียรติหลานผู้ทรยศ”
“อืม”
ไป๋ชิวหรานเอ่ยถาม
“ความผิดของเขาควรถูกจัดการอย่างไรในยมโลกแห่งนี้?”
“การก่อกบฏและสร้างความโกลาหล การกระทำของเขาส่งผลกระทบต่อชีวิตกับความตายของเหล่าอสูรนับไม่ถ้วน และหากไม่มีภรรยาของท่านที่สามารถเปลี่ยนแปลงกระแสโลหิตได้ เช่นนั้นเขาก็คือผู้ที่ทำให้โลกอสูรล่มสลายไปโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสังสารวัฏหกวิถีแห่งการกลับชาติมาเกิด ยิ่งไปกว่านั้นยังสมรู้ร่วมคิดกับเหล่าทวยเทพที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าพันธุ์มนุษย์เรา”
ผู้ทรงเกียรติอิ๋นก้มศีรษะก่อนจะกล่าวต่อ
“ข้าปรึกษากับราชาหลัวแล้ว หากยึดตามกฎยมโลกล่าสุด… ผู้ทรงเกียรติหลานต้องถูกถอนพลังการฝึกฝนทั้งหมด และวิญญาณจะต้องอยู่ในนรกมหาอเวจีเป็นเวลาหนึ่งแสนปี หลังจากนั้นต้องไปรับความทรมานจากเปลวเพลิงนรกเป็นเวลาเก้าพันปี และรับความทุกข์ทรมานจากนรกอันหนาวเหน็บอีกเก้าพันปี เท่านั้นจึงจะเข้าสู่สังสารวัฏหกวิถีแห่งการกลับชาติมาเกิด… เขาจะได้เริ่มต้นจากแดนนรกที่ชั่วร้าย ซ้ำยังโหดเหี้ยมมากที่สุด จากนั้นจะมีโอกาสกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง… อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กฎของยมโลกไม่เคยตัดสินผู้ที่อยู่เหนือระดับเซียนเลยแม้สักหนึ่งคน”
“นี่คือจุดเริ่มต้น”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างไม่ลังเล
“ทำตามกฎ ตัดสินทุกสิ่งตามกฎของยมโลก”
“ท่าน…”
เมื่อผู้ทรงเกียรติเหล่ยที่อยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาเผยความกังวลใจเล็กน้อย
“ผู้ทรงเกียรติเหล่ย ท่านมีความคิดเห็นอื่นหรือ?”
ชายหนุ่มจับจ้องไปที่อีกฝ่าย
“ท่านสามารถกล่าวคำได้อย่างอิสระ แม้ว่าท่านจะตำหนิข้า ทว่าจักรพรรดิองค์นี้ไม่คิดขุ่นเคือง”
“ข้ารับใช้ไม่อาจหาญกล้า”
ผู้ทรงเกียรติเหล่ยตอบกลับมา
“ข้ารับใช้เพิ่งได้ยินคำพูดของผู้ทรงเกียรติหลานในโลกอสูร ข้ารู้สึกว่าแม้ผู้ทรงเกียรติหลานจะทำบาปที่ไม่อาจอภัย แต่ในแง่ของแรงจูงใจ มันน่าจะให้อภัยได้…”
“ราชาหลัว”
ไป๋ชิวหรานหันศีรษะมาถามชายวัยกลางคนหน้าดำ
“เมื่อครั้งลงโทษเหล่ายมทูตธรรมดา พวกท่านพิจารณาถึงเหตุผลนี้ด้วยหรือไม่?”
“อาญชากรรมร้ายแรงของผู้ทรงเกียรติหลาน โดยทั่วไปแล้วถือว่าไร้เหตุผล”
ราชาหลัวกล่าวตอบพร้อมโคลงศีรษะไปมา
“ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของเขานั้นเกิดกว่าจะหาเหตุผลมาโต้แย้งได้”
“ผู้ทรงเกียรติเหล่ยได้ยินแล้วหรือไม่ ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของผู้ทรงเกียรติหลานนั้นเกินขอบเขตที่จะรับได้ สิ่งที่จักรพรรดิองค์นี้มองเห็นมีเพียงความตายและการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นภายในยมโลก อีกทั้งยังมียมทูตตายตกนับไม่ถ้วน ทั้งยังไม่ได้กล่าวถึงยมโลกที่เชื่อมโยงกับชีวิตและความตายทั้งหมดในโลก”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับผู้ทรงเกียรติเหล่ย
“จักรพรรดิองค์นี้ทราบดีว่าท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ผู้ทรงเกียรติหลานต้องการเปลี่ยนสถานการณ์ที่วุ่นวายของเหล่าเซียน แน่นอนว่าแรงจูงใจของเขาเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่การกระทำกลับโง่เขลาเกินไป ไม่ว่าจะเป็นสิงเทียนหรือจักรพรรดิเซียนแห่งทิศทั้งห้า เขาไม่มีความสามารถในการใช้ตัวเองเป็นหมาก แต่ยังเป็นเพราะความโง่เขลา… เราจึงต้องแสดงจุดยืนของยมโลกให้เหล่าเซียนได้รับทราบ เข้าใจหรือไม่?”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ผู้ทรงเกียรติเหล่ยโค้งคำนับ
“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน”
ไป๋ชิวหรานออกคำสั่ง
“หากไม่รบกวน จะดียิ่งหากพวกท่านถ่ายทอดคำพูดของจักรพรรดิในวันนี้ให้กับผู้ทรงเกียรติหลานอย่างถูกต้อง”
“ขอรับ”
“แล้วเรื่องต่อไป”
ไป๋ชิวหรานมองผู้ทรงเกียรติอิ๋น
“ต่อไปเป็นเรื่องของยมทูตสามตน”
ผู้ทรงเกียรติอิ๋นกล่าวต่อ
“ผู้ทรงเกียรติหลี่ตายตกไปแล้ว ส่วนผู้ทรงเกียรติหลานถูกลงโทษ ตอนนี้เหลือเพียงผู้ทรงเกียรติเหล่ยเท่านั้น… เพื่อรักษากระบวนการทำงานของยมโลก ท่านต้องเลือกคนใหม่ขึ้นมาแทนที่คนที่ขาดหาย”
ไป๋ชิวหรานทราบว่าพวกเขาหมายถึงสิ่งใด แม้ว่าจะเป็นจักรพรรดิภูตผี แต่ยมโลกแห่งนี้เพิ่งมีผู้บัญชาการสูงสุดเป็นครั้งแรก และท้ายที่สุดแล้วเขายังใหม่สำหรับโลกใบนี้มาก มันคือสิ่งที่ไม่คุ้นเคย…
ยมโลกนั้นกว้างใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้มาใหม่เช่นเขาจะดูแลวงจรชีวิตและความตายทั้งหมดได้โดยปราศจากความโกลาหล
ดังนั้นภายในยมโลกแห่งนี้ต้องการผู้อาวุโสสามคน ก่อนที่ไป๋ชิวหรานจักรพรรดิแห่งภูตผีจะได้เรียนรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดการยมโลก เหล่าคนที่ถูกเลือกจะทำงานกันต่อไปตามปกติ และวงจรชีวิตกับความตายจะสามารถดำเนินต่อไปได้
หรือแม้แต่ในอนาคต ไป๋ชิวหรานยังต้องใช้สามคนนี้เพื่อปกครองยมโลกแทนเขา
ท้ายที่สุดชายหนุ่มเพียงมาอยู่ที่นี่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น… ทั้งหมดนั่นก็เพื่อยับยั้งเหตุร้าย เขาไม่สามารถอยู่ในยมโลกได้ตลอดชีวิต หากไม่ออกไปด้านนอกและอยู่แต่ในยมโลก เขาจะยังฝึกฝนรากฐานของตนได้หรือไม่?
“เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน”
ชายหนุ่มพยักหน้าและกล่าวตอบ
“หากเป็นเช่นนั้น ผู้ทรงเกียรติหลิน ผู้ทรงเกียรติกู่ ผู้ทรงเกียรติเสวี่ย ท่านทั้งสามจะออกมาช่วยข้าจัดการเรื่องราวทั้งหมดได้หรือไม่?”
“ท่านจักรพรรดิภูตผีคือโชคชะตา และเราสามคนล้วนแต่เคารพท่าน แต่เราสามคนเกษียณอายุมานานหลายปีแล้ว ข้าเกรงว่าพวกเราอาจจะไม่คุ้นเคยเรื่องภายในยมโลกมากนัก”
ผู้ทรงเกียรติกู่ที่ยืนด้านข้างก้มศีรษะก่อนจะกล่าวต่อ
“เช่นนั้น เราสามคนสามารถแนะนำท่านได้”
“ผู้ใด?”
ผู้ทรงเกียรติอิ๋น ผู้ทรงเกียรติเสวี่ย และผู้ทรงเกียรติกู่มองไปที่เชวียหลิงพร้อมกัน ขณะนั้นผู้ทรงเกียรติเสวี่ยเผยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“เชวียหลิงอายุยังน้อยนัก แต่กลับอยู่ในขั้นเซียน ทั้งยังมีมโนธรรมและเชื่อถือได้ ซ้ำยังมีความสามารถโดดเด่น… ในความโกลาหลคราวนี้ เขาได้สร้างผลงานที่น่าประทับใจ เราทั้งสามชื่อว่าเชวียหลิงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นหนึ่งในสามของผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้”
“อืม ข้าก็คิดเช่นนั้น”
ไป๋ชิวหรานเผยยิ้มบางและมองไปอีกด้าน ผู้ทรงเกียรติเหล่ยกับราชาหลัวต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“เรื่องนี้…”
เชวียหลิงลังเล
“แต่ข้าน้อยคิดว่าความสามารถของตนเองยังคงอ่อนด้อยอยู่มาก”
“สุดท้ายแล้วข้อบกพร่องจะได้รับการแก้ไข ข้าเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์และการทำงานอย่างหนักของเชวียหลิง ในไม่ช้าเจ้าจะสามารถจัดการทุกสิ่งได้”
ผู้ทรงเกียรติอิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ยิ่งไปกว่านั้น องค์จักรพรรดิภูตผีได้ไตร่ตรองแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าคิดจะขัดคำสั่ง?”
หลังจากนั้นเรื่องราวทั้งหมดจึงจบลง
เชวียหลิงเหลือบมองไป๋ชิวหราน จากนั้นเขาจึงก้มโค้งคำนับชายหนุ่มพร้อมกล่าวว่า
“ถ้าเช่นนั้น เชวียหลิง… ขอบคุณความเมตตาของท่าน”
“ยังเหลือที่ว่างอยู่”
ไป๋ชิวหรานมองไปยังทิศทางของราชาหลัว
“แล้วราชาหลัวเป็นอย่างไร ดีหรือไม่?”
“หากเป็นความประสงค์ของท่าน ข้ารับใช้ย่อมไม่คิดคัดค้าน”
ขณะนั้นราชาหลัวกลับกล่าวด้วยความลังเลขึ้น
“แต่… ข้ารับใช้ผู้นี้ยังคาดหวังว่าจะได้ดำรงตำแหน่งราชาหลัวต่อไป”
ผู้ทรงเกียรติอิ๋นและทั้งสามกล่าวพร้อมกัน
“เป็นการดีกว่าที่ราชาหลัวจะดำรงตำแหน่งในปัจจุบันต่อไป”
“ด้วยเหตุใด?”
ไป๋ชิวหรานถามด้วยความสงสัย
“เพราะการพิจารณาคดีคนตายต้องการผู้พิพากษาที่แข็งแกร่งและเด็ดขาด”
ผู้ทรงเกียรติอิ๋นตอบกลับ
“เป็นเช่นนั้น ราชาหลัวจะคงอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไป”
ไป๋ชิวหรานกล่าวพร้อมคิดไตร่ตรอง
“เหลือที่ว่างอยู่หนึ่ง… มีเซียนตนอื่นในยมโลกอีกหรือไม่?”
ทุกในในห้องโถงต่างส่ายศีรษะอย่างพร้อมเพรียง
“เฮ้อ เช่นนั้นก็ให้มันว่างชั่วคราวไปก่อน”
ชายหนุ่มทำได้เพียงทอดถอนหายใจ
“นอกจากนี้ ข้าหวังว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะดีขึ้น… ผู้ทรงเกียรติอิ๋น ข้าสามารถไปดูพลังเวทที่เก็บไว้ภายในยมโลกได้หรือไม่?”