ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 255 มอบประโยชน์แก่ท่าน
บทที่ 255 มอบประโยชน์แก่ท่าน
บทที่ 255 มอบประโยชน์แก่ท่าน
ซูเซียงเสวี่ยผลักประตูพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ
“มาแล้วหรือ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้นางตกใจ จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าไป๋ชิวหรานกลับมาที่ห้องแล้ว และตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะใต้แสงเทียน อีกทั้งกำลังขีดเขียนบางอย่างด้วยความขะมักเขม้น
เมื่อเห็นว่าซูเซียงเสวี่ยเข้ามาในห้อง เขาก็วางมือ และหันศีรษะมาถามด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ากับหลานเอ๋อร์ไปรับชมลูกศิษย์ของนาง เมื่อเทียบกับเหมยเฉียวแล้วเป็นอย่างไร?”
ซูเซียงเสวี่ยรู้สึกผิด… ในขณะนี้จะทราบระดับของเฟิงเจียนเหยาได้อย่างไร ในเมื่อตนกับเจียงหลานไม่ได้ไปพบนาง แต่ทั้งสองยืนพูดคุยกับหลีจิ่นเหยาต่างหาก
นางไม่อาจกล่าวกับไป๋ชิวหรานได้ว่า ‘สามี ข้ากำลังคุยกับภรรยาอีกคนของท่านว่าจะหาภรรยาเพิ่มให้อีก!’ ใช่ไหม? หากกล่าวออกไปเช่นนั้นจริง ๆ ซูเซียงเสวี่ยคิดว่าไป๋ชิวหรานต้องมีคำตอบที่เหนือความคาดหมายอย่างแน่นอน
ดังนั้น เมื่อชายหนุ่มถามถึงเรื่องนี้ ซูเซียงเสวี่ยจึงกล่าวตอบออกไปอย่างคลุมเครือ
“ก็ไม่มีสิ่งใด ไม่ได้เก่งกาจไปกว่าเหมยเฉียวของเราสักเท่าไหร่”
“เท่านั้นก็ดีแล้ว”
ไป๋ชิวหรานรู้สึกประหลาดใจ
เจียงหลานไม่ได้ยอมรับศิษย์จากความแข็งแกร่ง ด้วยนิสัยของนางแล้ว ตราบใดที่ถูกใจ แม้ว่าความเก่งกาจของอีกฝ่ายจะน้อยนิด แต่นางก็จะยอมรับเป็นลูกศิษย์
ความแข็งแกร่งของเฟิงเจียนเหยาไม่ค่อยดีนัก นางอายุมากกว่าถังรั่วเวยอย่างน้อยสองร้อยปี และตอนนี้มีแนวโน้มที่จะถูกศิษย์ของไป๋ชิวหรานแซงหน้า
และโหยวเหมยเฉียวเป็นอัจฉริยะแห่งเวทที่ซูเซียงเสวี่ยคัดเลือกมาอย่างดี แม้ว่าจะไม่ดีเท่ากับหลีจิ่นเหยาในร่างอสูรสวรรค์ แต่เมื่อเทียบกับสาวกคนอื่น ๆ ในโลกแห่งการบำเพ็ญฝึกฝนตนแล้ว นางก็ถือเป็นต้นกล้าที่ดีและหาพบได้ยากยิ่ง
“แล้วกำลังเขียนสิ่งใดอยู่หรือ?”
ซูเซียงเสวี่ยเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังของไป๋ชิวหราน นางโน้มตัวลงไปดูและถาม
“อ้อ สิ่งนี้น่ะหรือ… ข้าเขียนให้เจ้า”
ไป๋ชิวหรานได้กลิ่นหอมกำจายที่คุ้นเคย เขายิ้มพร้อมกล่าวต่อ
“ข้าอยู่ในยมโลกกว่ายี่สิบปี และเกือบจะค้นพบพลังเหนือธรรมชาติในยมโลกได้แล้ว พลังเหนือธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุดของยมโลกไม่มีอะไรมากไปกว่าภาพลวงตา ชีวิต และความตาย เมื่อใช้พลังแห่งการเกิดและความตาย พวกเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเซียนเพราะความแตกต่างของพลังหยิน ส่วนร่างกายของเจ้ายังไม่เหมาะสมเช่นกัน แต่ภาพลวงตาของพวกเขาก็เข้ากันได้ดีกับร่างกายของเจ้า ข้าจึงปรับเปลี่ยนมันเล็กน้อยให้ และดูเหมือนว่ามันจะไม่เลว”
แม้ว่านางจะรู้สึกเสียใจกับเรื่องของหลีจิ่นเหยา แต่หลังจากเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แล้ว ซูเซียงเสวี่ยก็รู้สึกประทับใจ ตอนนี้นางโอบกอดเอวของไป๋ชิวหรานพร้อมกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา
“เหตุใดท่านถึงดีกับข้านัก?”
น่าละอายที่จะบอกว่าแม้แต่ผู้นำของสำนักเหอฮวนยังเป็นสิ่งที่ชีวิตที่ชอบสร้างความสุขบนความเจ็บปวดของผู้อื่น ธรรมชาติของมนุษย์ก็มักจะเป็นเช่นนี้
“แน่นอน ว่าข้ายินดีทำให้เจ้า”
ไป๋ชิวหรานวางสิ่งของในมือลงก่อนจะกล่าวประโยคต้องห้ามกับภรรยาของเขาโดยไม่รู้ตัว
“ข้าดีต่อเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะดีต่อข้าเช่นกัน”
เมื่อเห็นลักษณะที่เป็นธรรมชาติของเขา ซูเซียงเสวี่ยตกตะลึงชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา
“หากสตรีผู้นี้ไม่รู้จักท่านดีพอ เชื่อหรือไม่… เพียงแค่คำพูดนี้ก็ทำให้ข้าถีบท่านลอยไปไกลได้”
“ข้ากล่าวสิ่งใดผิดงั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานจับศีรษะของอีกฝ่าย ก่อนจะถามออกมาอย่างสงสัย
“สามีภรรยาก็ควรจะเป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ? เคารพซึ่งกันและกันน่ะ”
“ไม่ผิด แต่หากท่านกล่าวออกมาตอนนี้ มันจึงเป็นความผิดของท่าน…”
ซูเซียงเสวี่ยสัมผัสศีรษะของไป๋ชิวหราน
“ลืมมันไปเสีย ท่านอาจจะไม่เข้าใจ เพราะนิสัยส่วนตัวของท่าน และข้าก็ไม่ได้คาดหวังนัก”
ทำไมเขารู้สึกราวกับว่านางกำลังดุด่าอยู่…
ชายหนุ่มรู้สึกไร้คำพูดไปชั่วขณะ
“แล้วก็…”
ในเวลานี้ ซูเซียงเสวี่ยกอดรัดเขารุนแรงขึ้น ในขณะนี้ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่าด้านหลังของศีรษะกำลังจมลงไปในความนุ่มนิ่มและอบอุ่น ซูเซียงเสวียก้มศีรษะลงและใช้ริมฝีปากอวบอิ่มกระซิบข้างหูชายหนุ่มเนิบนาบ ลมหายใจร้อนผ่าวทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว นางกล่าวถามว่า
“ข้าไม่ดีพอสำหรับท่านหรือ?”
“แน่นอนว่าเจ้าดีพอ”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าโดยไม่ลังเล
ชายหนุ่มไม่ใช่คนเนรคุณ หลายปีที่ผ่านมาซูเซียงเสวี่ยในฐานะคนจากสำนักเหอฮวนได้ช่วยเหลือเอาไว้ และเขาก็จดจำมันไว้เสมอมา
“เจ้าเป็นคนดี”
ซูเซียงเสวี่ยดึงใบหน้าของไป๋ชิวหรานให้หันกลับมา จากนั้นนางจึงนั่งลงด้านหน้าเขา
“วันนี้ข้าจะมอบประโยชน์เล็กน้อยให้กับท่าน”
ไป๋ชิวหรานกำลังจะถามถึงประโยชน์ที่จะได้รับ แต่ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้น เขาเห็นซูเซียงเสวี่ยแยกร่างออกเป็นสองคน
หนึ่งในนั้นสวมชุดสีขาว เป็นร่างกายของซูเซียงเสวี่ยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากล้น
อีกหนึ่งเป็นหญิงสาวมังกรผมยาว ใบหน้าละม้ายคล้ายกับซูเซียงเสวี่ย ทว่าอารมณ์เย็นชา และทรงเสน่ห์ยิ่งกว่า อีกทั้งเรือนร่างอรชรยังสวมชุดเกราะต่อสู้ที่ดูคล้ายกับเกล็ดมังกร
ทั้งสองคนเดินตรงเข้ามาพร้อมกับกอดแขนของไป๋ชิวหรานเอาไว้
ชายหนุ่มรู้สึกว่ากำลังจมลงในดินแดนที่นุ่มนิ่มและอบอุ่น ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน
เวลานี้ ซูเซียงเสวี่ยทางด้านซ้ายกล่าวขึ้นว่า
“ในเมื่อท่านปรับปรุงเคล็ดวิชาบรรพชนจักรพรรดิอสูรให้ เมื่อได้เรียนรู้ ข้าจึงสามารถแยกโลหิตอสูรออกจากร่างกาย และสามารถสร้างร่างกายที่สองนี้ขึ้นมาได้”
“เป็นเช่นนั้น”
มังกรสาวซูเซียงเสวี่ยด้านขวากล่าวเสริม
“ร่างกายนี้ของข้าถือว่าถูกท่านสร้างขึ้นมา ยามนี้ข้าเป็นหนึ่งวิญญาณสองร่าง แต่ยังเป็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบ”
“วันนี้ข้าจะให้ท่านได้ลิ้มรสความสุขสมแห่งมวลมนุษย์”
ซูเซียงเสวี่ยทางด้านซ้ายดึงเขาเข้ามาก่อนจะกล่าวว่า
“อย่าทำตัวราคาถูกเช่นนั้น”
จากนั้นทั้งสองสาวงามก็ผลักไป๋ชิวหรานเข้าไปในห้อง
…
ใกล้เที่ยงวันของวันถัดมา ไป๋ชิวหรานลุกขึ้นจากเตียง
ซูเซียงเสวี่ยตื่นแล้ว หลังจากที่มองดูโต๊ะเครื่องประทินโฉม นางน่าจะใช้มันไปสักพักใหญ่แล้ว
นางเทน้ำอุ่นลงในอ่างทองแดงข้างเตียง วางผ้าขนหนูสีขาวไว้บนโต๊ะสำหรับมื้อเช้า ไป๋ชิวหรานสัมผัสลูบไล้แผ่วเบา และพบว่ามันยังอุ่น ๆ อยู่
หลังจากอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นในอ่างทองแดง และรับประทานอาหารเช้าที่กลายเป็นมื้อเที่ยงไปแล้ว ไป๋ชิวหรานก็ผลักประตูออกไป เขาได้พบกับซูเซียงเสวี่ยและหลีจิ่นเหยา
ทั้งสองยืนอยู่ใต้บันไดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าพระราชวังนัก ซูเซียงเสวี่ยเปรียบกับท่านพี่คนโตที่กำลังพูดคุยกับหลี่จิ่นเหยา ในขณะที่หลีจิ่นเหยารับฟังอีกฝ่ายอย่างถ่อมตน
ขณะพูด ซูเซียงเสวี่ยหันศีรษะไปหาไป๋ชิวหราน ทันใดนั้นนางเห็นไป๋ชิวหรานยืนอยู่ที่ประตู ใบหน้าเริ่มแดงก่ำก่อนจะหันหลังกลับอย่างเร่งรีบ
ดีแล้วที่นางไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ แม้แต่ไป๋ชิวหรานยังอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวร้อนวูบไปทั่วสรรพกาย เขายังจดจำภาพเหตุการณ์ทรงเสน่ห์ตรงหน้าได้อย่างกระจ่างชัด
“เมื่อคืนท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ขณะนี้ น้ำเสียงของหญิงสาวดังขึ้นข้าง ๆ ไป๋ชิวหราน เขาหันกลับมาแล้วพบว่าเป็นเจียงหลานที่กำลังยืนมองมาด้วยรอยยิ้ม
“เซียงเสวี่ยเป็นผู้นำสำนักเหอฮวน และยังมีความเชี่ยวชาญในหลาย ๆ สิ่งในพื้นที่แห่งนี้”
เจียงหลานยังคงไม่สนใจที่จะพูดเรื่องนี้ในที่สาธารณะกับไป๋ชิวหราน ทั้งสองคือสามีภรรยาที่เปิดเผยต่อกัน
“นางคงจะให้การปรนนิบัติท่านได้ดีกว่าข้า”
“หลานเอ๋อร์ เจ้าอย่าประเมินตนเองต่ำนัก”
ไป๋ชิวหรานตอบเพียงเท่านี้
“เอาล่ะ ข้าไม่เย้าหยอกท่านแล้ว”
เจียงหลานยิ้มพร้อมกล่าวคำ
“ไหน ๆ ท่านก็มาแล้ว เช่นนั้นมากับข้าเถิด ใครบางคน… ไม่สิ มียมทูตมาหาท่าน”