ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 256 จับตัวเอง
บทที่ 256 จับตัวเอง
บทที่ 256 จับตัวเอง
เจียงหลานเดินนำไป๋ชิวหรานมาที่ลานของวิหารฝูซาง และได้พบกับ ‘ยมทูต’ ที่มาหาเขา
ยมทูตผู้นี้คือหมิงอิง ซึ่งเป็นคนรักยมทูตเชวียหลิง หลังจากที่เชวียหลิงได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้ทรงเกียรติ สถานะของหญิงสาวผู้นี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำ ขณะนี้หญิงสาวตัวเล็กอกตูมยืนอยู่ในลานวิหารฝูซาง เมื่อเผชิญหน้ากับสาวใช้จำนวนมากที่มีขั้นการฝึกฝนแข็งแกร่ง ดูเหมือนว่านางจะไม่แตกต่าง
“หมิงอิง มีสิ่งใดกับข้างั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานเดินออกไป พร้อมแยกออกจากเหล่าสาวใช้
“เอ่อ ท่านบรรพชน”
หมิงอิงทักทายไป๋ชิวหราน ก่อนจะปรากฏคลื่นพลังปั่นป่วนขึ้นอย่างกะทันหัน
ไป๋ชิวหรานคิดในใจว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ เช่นนั้นจึงไม่อยากจับจ้อง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองออกไป
โชคดีที่รั่วเวยไม่ได้อยู่ที่นี่ มิฉะนั้นนางไม่อาจต่อสู้กับหมิงอิงได้
ดังที่ทราบ ครั้งสุดท้ายคือเขาพาสตรีสามคน คือซูเซียงเสวี่ย หลีจิ่นเหยา และถังรั่วเวยติดตาม ยามนั้นที่ถูกเชวียหลิงขวางทางเดินทางสู่ฝูซาง ในเวลานั้นสตรีทั้งสามดูดซับพลังหยินไว้มาก ดวงตาแห่งหยินหยางจึงเปิดออก และเขาเห็นยมทูตหมิงอิงผู้แข็งแกร่งน่าหวาดกลัว
“พี่ใหญ่เชวียส่งข้ามาหาท่าน”
หมิงอิงไม่ได้สังเกตว่าไป๋ชิวหรานกำลังคิดสิ่งใดในใจอยู่ หญิงสาวผู้นี้ดูธรรมดาทั่วไป อีกทั้งคำพูดยังแข็งทื่อในขณะที่นางกล่าวกับไป๋ชิวหราน
“ที่ยมโลก เมื่อเร็ว ๆ นี้มียมทูตจำนวนมากมาจากเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน พวกเขาต้องการให้ข้ามาเชิญท่านไปยังยมโลก”
ยมโลกรับยมทูตจากเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน?
ไป๋ชิวหรานขมวดคิ้วและครุ่นคิด
เป็นไปได้หรือไม่ว่าตลอดยี่สิบปีที่เขาไม่อยู่ ห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมและพันธมิตรฝ่ายมารลุกขึ้นมาทะเลาะวิวาทกันอีกครา?
อย่างไรก็ตาม หมิงอิงไม่ทราบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับจักรพรรดิภูตผี ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องปรากฏตัวอย่างโจ่งแจ้ง และไม่คิดยินยอม
เขาแสร้งเผยสีหน้าลำบากใจก่อนถามว่า
“ช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น? หมิงอิง ดังที่เจ้าทราบ ข้าคืออาญชากรที่ยมโลกต้องการตัว เกรงว่าเมื่อไปที่ยมโลกในคราวนี้ จะไม่ใช่การถูกฆ่าตายตกในยมโลกใช่หรือไม่?”
“อย่าได้กังวลเรื่องนี้ พี่ใหญ่เชวียเขาอาจไม่คิดที่จะโจมตีท่านอีกต่อไป…”
หมิงอิ๋งเหลือบมองไป๋ชิวหรานอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างลังเล
“เช่นนั้นหรือ?”
ใบหน้าของไป๋ชิวหรานเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ
“หากมองเพียงผิวเผินก็พอทราบได้ ข้าไม่เชื่อว่าเขาเลิกคิดที่จะจับกุมข้า”
“เรื่องนี้…”
หมิงอิงลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดนางก็ตัดสินใจที่จะบอกไป๋ชิวหราน
“ข้าจะบอกความลับให้ท่านบรรพชนฟัง แต่อย่าได้กล่าวมันแพร่งพราย และอย่าโกรธเคืองพี่ใหญ่เชวีย”
นางเดินเข้าหาไป๋ชิวหรานอย่างระมัดระวัง ก่อนจะลดน้ำเสียงลง
“ความจริงแล้ว ตำแหน่งจักรพรรดิภูตผีแต่เดิมที่สงวนไว้ให้กับท่าน มันถูกผู้คนปล้นชิงไปแล้ว!”
“ปล้น?”
ไป๋ชิวหรานแสร้งทำเป็นประหลาดใจ เขาเหลือบมองหญิงสาวพร้อมแสร้งทำเป็นตื่นเต้น และถามออกไปอย่างหน้าไม่อาย
“เป็นเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่มาจากที่ใดกัน…ถึงทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากเช่นนี้?”
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน จักรพรรดิภูตผีไม่เคยบอกนามที่แท้จริง และพวกเราก็ไม่กล้าถาม…”
หมิงอิงมองไป๋ชิวหราน
“เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิภูตผีเพิ่งออกจากยมโลกไปไม่นานนัก บางทีอาจจะ…”
นางส่ายศีรษะทันทีพร้อมกล่าวต่อ
“ไม่ ไม่ใช่ องค์จักรพรรดิภูตผีเป็นคนซื่อตรง ยุติธรรม และเสียสละ เขาจะเป็นผู้อาวุโสเช่นท่านได้อย่างไร?”
สตรีผู้นี้ไม่คิดกล่าวมันออกมา!
ไป๋ชิวหรานขมวดคิ้ว หากไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษและจะไม่ลงมือกับคนรักของคนรู้จัก ในเวลานี้เขากังวลว่าตนเองจะแขวนคอหมิงอิง และตีก้นของนางเพื่อที่จะได้เข้าใจเรื่องราวให้มากขึ้น ไม่มีความเท่าเทียมทางเพศใด ๆ ในใจของชายหนุ่มทั้งสิ้น
“ไม่เป็นไร”
ไป๋ชิวหรานแสร้งทำเป็นครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวต่อว่า
“เช่นนั้นรอข้าสักครู่”
เขาเดินแยกออกจากหมิงอิงเพื่อไปบอกกล่าวต่อเจียงหลานและคนอื่น ๆ จากนั้นจึงเดินไปรอบ ๆ แล้วกล่าวกับหมิงอิงว่า
“เอาล่ะ ไปกันเถิด”
หมิงอิงพยักหน้าแล้วดึงโซ่ตรวนออกมา
“ท่านบรรพชน อย่าขุ่นเคืองข้าเลย”
นางพันโซ่รอบข้อมือของไป๋ชิวหราน และไป๋ชิวหรานก็ไม่ได้ลำบากใจอะไร เพราะขั้นการฝึกฝนของหมิงอิงไม่ได้แข็งแกร่งมากพอ ดังนั้นนางจึงต้องใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อนำเขาซึ่งเป็นบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ไปยังยมโลก
หลังจากถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็ก ไป๋ชิวหรานก็รู้สึกถึงพลังงานที่ไม่อาจอธิบายได้กำลังแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย ราวกับว่าต้องการจับกุมวิญญาณของเขาโดยตรง แต่วิญญาณของไป๋ชิวหรานแข็งแกร่งราวกับหิน มันไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับเศษมะม่วงที่ติดอยู่ในซอกฟัน
พลังวิญญาณในโซ่ตรวนดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก และหลังจากพยายามอยู่สองสามครั้ง มันจึงพันรอบร่างกายของไป๋ชิวหราน และมุ่งสู่ดินแดนว่างเปล่า
เส้นทางแห่งดินแดนว่างเปล่าปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของทั้งสอง ถนนเส้นนี้จะพาไป๋ชิวหรานและหมิงอิงเข้าสู่ยมโลก
หลังจากผ่านม่านหมอกหนาทึบในความว่างเปล่าแล้ว ทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นที่ริมแม่น้ำแห่งความตาย เวลานี้ยมโลกฟื้นตัวกลับมาจนเกือบจะสมบูรณ์แล้ว เพียงมองด้วยตาเปล่าก็สามารถทราบได้ และผีที่ริมธารก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวเหยียดตามระเบียบเพราะต้องถูกส่งไปอีกด้านหนึ่งภายใต้การจัดการของยมทูต
หมิงอิงพาไป๋ชิวหรานเดินตรงไปที่กลุ่มผีเหล่านั้น และได้พบกับเชวียหลิงที่นั่น
คนบ้างานผู้นี้เผยสีหน้าตาย เขามาที่ริมแม่น้ำเพื่อดูแลงานของเหล่ายมทูตเป็นการส่วนตัว และเมื่อยมทูตเหล่านี้ถูกหนึ่งในสามของผู้ทรงเกียรติเฝ้ามอง พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะตกปลาโดยไม่ได้รับอนุญาตในระหว่างทำงาน
“พี่ใหญ่เชวีย”
หมิงอิงเดินเข้าไปพร้อมกับไป๋ชิวหราน และตะโกนเรียก
“ข้าพาเขามาที่นี่แล้ว”
เชวียหลิงหันกลับมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นเขาก็เห็นโซ่ที่พันรอบมือของหมิงอิงและไป๋ชิวหราน
เขาหยุดการกระทำทุกสิ่ง ก่อนจะกล่าวกับสตรีด้วยน้ำเสียงซับซ้อน
“หมิงอิง วันนี้เจ้าอาจถูกคลื่นแห่งความว่างเปล่าพัดไปจนถูกทำลาย…”
เกิดเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหมิงอิง
หมิงอิงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ลืมมันไปซะ กลับไปทำงานได้แล้ว”
เชวียหลิงลูบศีรษะของหมิงอิงอย่างอ่อนโยน นี่คือการกระทำที่พบเห็นได้ยาก หลังจากนางออกไปแล้ว เขาก็หันกลับมามองหน้าไป๋ชิวหรานอย่างจริงจัง
“คราวนี้มีวิญญาณจำนวนมากมาจากเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน ข้าเพียงแค่ต้องการรู้ว่าจะสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อหลอกล่อเจ้าได้หรือไม่ เจ้าบ้าที่ค้างชำระหนี้แค้น แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าทั้งหมดนี้จะถูกล่อลวง!”
เขาตะโกนเสียงดังเพื่อให้ยมทูตรอบ ๆ กายได้ยิน ยมทูตเหล่านั้นหันศีรษะกลับมาและเห็นว่าไป๋ชิวหรานยืนอยู่ตรงนั้น ทุกคนตื่นตระหนกพร้อมกับตั้งท่าต่อสู้
แต่ไป๋ชิวหรานพบว่าใบหน้าของตัวเองยังคงเฉยเมย เขาขยับศีรษะไปทางซ้ายและขวาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เห็นได้ชัดว่ากำลังจับจ้องทุกคนด้วยความไม่แยแส
ไป๋ชิวหรานเข้าใจและเขาลอบบังคับร่างจำแลงของจักรพรรดิภูตผีในวิหารจักรพรรดิภูตผี ขณะนั้นจักรพรรดิภูตผีก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านหลังของเชวียหลิง จากนั้นจับจ้องไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวคำเย็นชา
“ผู้ทรงเกียรติหลิง เหตุใดชายแปลกหน้าถึงมาที่แม่น้ำแห่งความของยมโลก?”
“ฝ่าบาท ข้าไม่ทราบ”
เชวียหลิงทราบเรื่องนี้ แต่เขาแสร้งทำเป็นภักดี และไม่กล่าวถึงแผนการที่คิดจะกระทำต่อจักรพรรดิภูตผี
“เชวียหลิง จิตวิญญาณแห่งความภักดีของเจ้านั้นไร้ผู้ใดเทียบเทียม!”
จักรพรรดิภูตผีกล่าวยกยอ
“แต่คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป เกรงว่าเจ้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เช่นนั้นควรให้จักรพรรดิองค์นี้จัดการด้วยตนเอง!”
เขาปรบมือก่อนจะคิดคว้าร่างกายของอีกฝ่าย ทว่า เมื่อไป๋ชิวหรานถอดโซ่เหล็กทั้งหมดออก ทั้งสองก็แลกเปลี่ยนฝ่ามือกันทำให้เกิดช่องว่างในอากาศมากมาย
“ไอ้บัดซบ หยุดมือซะ!”
จักรพรรดิภูตผีกล่าวเยาะเย้ยก่อนจะผลักไป๋ชิวหรานเข้าไปในช่องว่างของอากาศ จากนั้นเหล่ายมทูตรู้สึกถึงคลื่นพลังมหาศาลที่แทรกซึมออกจากช่องว่างนั้น จากนั้นจักรพรรดิภูตผีก็เดินออกมาพร้อมกับโซ่ตรวนในมือ ตามด้วยไป๋ชิวหรานที่ถูกมัดไว้อย่างแน่นหน้า ใบหน้าของเขาฟกช้ำและเต็มไปด้วยความหดหู่
“จักรพรรดิภูตผีผู้ยิ่งใหญ่!”
บรรดาเหล่ายมทูตที่ริมแม่น้ำโค้งคำนับและกล่าวสรรเสริญออกมาอย่างพร้อมเพรียง