ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 257 เผ่ามารโจมตี
บทที่ 257 เผ่ามารโจมตี
บทที่ 257 เผ่ามารโจมตี
จักรพรรดิภูตผีลากไป๋ชิวหรานผู้มีใบหน้าฟกช้ำออกมา ท่ามกลางสายตาแห่งความเคารพนับถือจากเหล่ายมทูต ทั้งสองลงเรือลำเล็กไปยังอีกฟากหนึ่งของปรภพ
ไป๋ชิวหรานคือจักรพรรดิภูตผีในอนาคต มีเพียงเชวียหลิงเท่านั้นที่รับช่วงภารกิจลับสุดยอดคราวนี้ และในคราวแรกเขาต้องเรียกใช้คนสนิทของตนเพื่อที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง ใบหน้าของเขาเรียบเฉยราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น และควบคุมทุกสิ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากหมิงอิงแล้ว… ก็ไม่มีผู้ใดอื่นทราบเรื่องนี้
ชื่อเสียงของไป๋ชิวหรานในฐานะคนบาปยังคงฉาวโฉ่ในแดนยมโลก ท้ายที่สุดแล้วเขาคือศัตรูตัวฉกาจของยมโลกแห่งนี้ ชื่อเสียงเหล่านี้คอยหลอกหลอนยมโลกแห่งนี้เสมอมา เขาคือบุคคลที่แม้แต่วิหารเทียนหลัว หรือสามผู้ทรงเกียรติยังไม่สามารถต่อกรได้
มีหลายคนเพียงแค่รับชม ทั้งหมดไม่มีใครกล้าเดินผ่านชายผู้นี้ มีข่าวลือมาจากเหล่ายมทูตว่าคนบ้านี้มีนิสัยที่แปลกประหลาดที่ชื่นชอบการทุบตียมทูต พวกเขาจึงกังวลว่าตนเองจะถูกจับให้กลายเป็นกระสอบทรายระบายอารมณ์
แต่ตอนนี้ไป๋ชิวหรานผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือถูกจักรพรรดิภูตผีที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ไม่นานนี้จับกุมอย่างง่ายดาย เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว ปรากฏว่าเป็นจักรพรรดิภูตผีแห่งยมโลกนี้ที่ไร้เทียมทาน
และในวันนี้ ไป๋ชิวหรานกับเชวียหลิงสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อแสดงละครที่ยอดเยี่ยม ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแต่ศักดิ์ศรีของจักรพรรดิภูตผีจะดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ไป๋ชิวหรานยังสามารถจัดการความสัมพันธ์ระหว่างตนกับจักรพรรดิภูตผีได้ในระดับหนึ่ง
มีคนฉลาดมากมายอยู่ในยมโลก และพวกเขาย่อมมีข้อสงสัยมากมาย ทว่าทั้งหมดไม่พบเจอหลักฐานชัดเจน
แต่เพื่อมุ่งเป้าไปที่จักรพรรดิเซียนทั้งห้าแห่งแดนเซียน ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่าเขาไม่ควรเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงก่อนเวลาอันควร มิฉะนั้นด้วยความเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกเหล่านั้น เขาอาจจะจัดการพวกมันไม่ได้
การเล่นละครในวันนี้หยุดผู้ที่สงสัยในตัวตนของเขาไว้ชั่วคราว
จักรพรรดิภูตผีลากคอไป๋ชิวหรานที่ใบหน้าบวมช้ำไปยังวิหารเทียนหลัว ราชายมโลกกับราชาเทียนหลัวรีบเข้าเฝ้าในทันที เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานอยู่ในมือของจักรพรรดิภูตผี พวกเขาก็แสดงสีหน้ายินดีก่อนจะเร่งรุดรีบเข้าไปทำความเคารพจักรพรรดิภูตผี
“องค์เหนือหัวจักรพรรดิภูตผีช่างไร้เทียมทาน! ท่านสามารถจับตัวบัดซบนี้ได้!”
“ข้าจะเป็นคนจัดการเจ้าตัวบัดซบนี้เอง!”
จักรพรรดิภูตผีไป๋ชิวหรานร่างจำแลงหันมองราชายมโลก ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้น
“จะตัดสินอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องปรานี”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น ท่านไม่ต้องกังวล ข้ารอวันนี้มาสองพันกว่าปีแล้ว!”
ราชายมโลกหัวเราะเยาะก่อนจะหยิบโซ่ที่จักรพรรดิภูตผียื่นให้
เขายกโซ่ขึ้นพร้อมกับมองไป๋ชิวหรานที่กำลังดิ้นรนก่อนจะเย้ยหยันว่า
“เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว เจ้าทุบตีราชาองค์นี้จนหลับใหลอยู่บนเตียงไปสามเดือน ในเวลานี้กฎแห่งสวรรค์ยังเมตตาข้า เราจึงได้พบกันอีกครา! ราชาองค์นี้จะมอบบทเรียนที่ยอดเยี่ยมแก่เจ้าเอง!”
นี่มันเรื่องใดกัน?
ไป๋ชิวหรานรู้สึกสับสน และเขาจำไม่ได้ว่าเคยเอาชนะราชายมโลกหรือไม่ แต่เมื่อดูจากสีหน้าของราชายมโลกแล้ว อีกฝ่ายอาจจะพ่ายแพ้ต่อเขาจริง ๆ
ดังนั้นเขาจึงเพียงลอบกล่าวขอโทษราชายมโลกในใจ จากนั้นก็ตรงไปหาเชวียหลิงที่อยู่เคียงข้างจักรพรรดิภูตผี
ว่ากันว่าเหล่าวิญญาณที่ถูกส่งตัวข้ามแดนจากเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่ตายตกอย่างลึกลับ เชวียหลิงเลือกวิญญาณของเหล่าผู้ฝึกตนที่พอจะมีความรู้ และจัดให้พวกเขารออยู่ที่วิหารจักรพรรดิภูตผี
หลังจากที่ไป๋ชิวหรานกลับสู่บัลลังก์ เชวียหลิงก็สั่งให้ใครบางคนนำวิญญาณจากเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินออกมาทันที
วิญญาณที่ถูกฝึกฝนมาก่อนที่จะตายตกนั้นยังมีรูปวิญญาณที่สมบูรณ์ ทั้งหมดสวมเสื้อคลุมแห่งเต๋าเอาไว้ และผู้นำของนักบวชเหล่านี้อยู่ในวัยกลางคน หลังจากที่ถูกยมทูตพาตัวมายังภพปรโลกในยมโลกเป็นการส่วนตัว พวกเขาทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียดระคนเป็นกังวล อย่างไรแล้วทั้งหมดก็เป็นผู้ฝึกตน
“นี่คือจักรพรรดิภูตผีปกครองยมโลกทั้งหมด”
เชวียหลิงกล่าวเตือนออกมาด้วยสุ้มเสียงเย็นเยือก
“จะเงียบอีกนานหรือไม่?”
ผู้ฝึกตนสองสามคนไตร่ตรองว่าขั้นบำเพ็ญเพียรของพวกเขาไม่ได้สูงส่งเป็นพิเศษในช่วงชีวิตที่ผ่านมา หลังจากเชวียหลิงกล่าวออกมาเช่นนี้ ทั้งหมดจึงรีบแสดงความเคารพ
“เคารพองค์จักรพรรดิภูตผี”
“ไม่ต้องมีมารยาทนัก”
ต่อหน้าผู้อื่น ไป๋ชิวหรานพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของจักรพรรดิภูตผี
“ไม่กี่วันก่อน จักรพรรดิผู้นี้ได้ยินผู้ใต้บังคับบัญชารายงานว่ามีการตายตกอย่างผิดธรรมชาติมากภายในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน และวิญญาณมากมายหลั่งไหลเข้าสู่ยมโลก ส่งผลกระทบต่อกระบวนการของยมโลก เช่นนั้นจักรพรรดิองค์นี้จึงต้องการถามพวกเจ้าว่า… คิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณ์ตายตกครั้งใหญ่ในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน?”
“แน่นอน พวกข้าทราบ”
นักบวชเต๋าวัยกลางคนก้มศีรษะพร้อมกล่าวตอบ
“ฝ่าบาททราบหรือไม่ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เผ่ามาร’ อาศัยอยู่ในโลกของเรา?”
“จักรพรรดิองค์นี้ทราบดี”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“จักรพรรดิองค์นี้ทราบด้วยว่าพวกมันจะโจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นช่วง ๆ เอ่อ… อะไรนะ? เผ่ามารโจมตีอีกแล้วงั้นหรือ?”
“เป็นเช่นนั้น”
นักบวชเต๋าโค้งคำนับ
“มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น”
ไป๋ชิวหรานขมวดคิ้วยุ่ง
“เท่าที่จักรพรรดิองค์นี้ทราบ ผู้ฝึกตนในสำนักของพวกเจ้าควรจะมีกองกำลังพิเศษต่อต้านเหล่ามาร แม้ว่าเผ่ามารจะบุกเข้ามา แต่พลเรือนจำนวนมากถูกสังหารได้อย่างไร?”
“ฝ่าบาทกำลังหมายถึงห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมที่ประจำการในเขตแดนพงไพร กับกลุ่มผู้ฝึกตนของกองทัพเทพยุทธ์งั้นหรือ?”
ชายวัยกลางคนกล่าวตอบ
“กองกำลังเหล่านั้นถูกเผ่ามารใช้กลลวงเพื่อแฝงตัวเข้ามา และเหล่ามารก็หลั่งไหลเข้ามาในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน นั่นคือสาเหตุที่ทำให้มนุษย์ตายตกไปจำนวนมาก”
ง่ายดายถึงเพียงนั้น? เผ่ามารแข็งแกร่งขึ้น?
ไป๋ชิวหรานรู้สึกสับสน เขาจึงถามออกไปอีกครั้ง
“เช่นนั้น ผู้ฝึกตนที่อยู่เคียงข้างเจ้ายังเหลือรอดอยู่หรือไม่? เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าสิ่งใด… จากห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรม?”
“ข้าไม่ทราบว่าเรื่องนี้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมหรือไม่”
ชายวัยกลางคนก้มศีรษะก่อนจะกล่าวต่อ
“การรุกรานของเผ่ามารตัดการสื่อสารของหลายสำนักออกจากกัน แม้ว่าข้าจะเป็นผู้นำของสำนัก แต่สำนักของเราก็เป็นเพียงสำนักเล็ก ๆ ในอันดับที่แปด เมื่อเผ่ามารโจมตี พวกเราต่างร่วมใจกันต่อสู้เพื่อปกป้องเขตแดนของสำนัก แต่สุดท้ายก็ถูกสังหารหมดสิ้น ยามนี้เราจึงไม่ทราบว่าสถานการณ์ปัจจุบันของห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมเป็นอย่างไร”
“งั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานโบกมือ
“จักรพรรดิองค์นี้ได้ถามเสร็จสิ้นแล้ว พวกเจ้าทุกคนกลับออกไปได้ ผู้ทรงเกียรติหลิงจัดการตามกฎ สำหรับผู้ใดที่ควรกลับชาติมาเกิด ก็กระทำตามนั้น และผู้ใดที่สมควรต้องถูกทรมาน ก็จงพิพากษาไปตามความเป็นจริง”
“ขอรับ”
เชวียหลิงสั่งให้เหล่ายมทูตพาวิญญาณเหล่านี้ออกไป ก่อนจะหันมาถามไป๋ชิวหราน
“ไปเดินเล่นกันสักหน่อยดีหรือไม่?”
“เจ้าคงมีสิ่งใดอยากจะถามข้า”
ไป๋ชิวหรานโบกมือพร้อมถอนหายใจ
“ข้าไม่ต้องการที่จะหาเรื่องใส่ตัว นี่เป็นเรื่องใหญ่ และ… เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างแปลกประหลาดเกี่ยวกับการรุกรานของเผ่ามาร ผู้นำห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมถูกข้าฝึกฝนมา ข้าทราบถึงทักษะของพวกเขาดี มารทั่วไปไม่อาจเข้าใกล้พวกเขาได้ อาจมีผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และข้าก็คิดว่ามีใครบางคนในโลกเซียนเข้ามาข้องแวะ”
“เป็นไปได้”
เชวียหลิงพยักหน้า
“เจ้ายังอยู่ที่นี่ แล้ว เอ่อ…”
ร่างของไป๋ชิวหรานสั่นสะท้าน เขาแปลงกายเป็นจักรพรรดิภูตผีและกลับมายังที่นั่งของตนเองแล้ว จิตวิญญาณของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ผู้ที่ถูกราชายมโลกจับขังอยู่ในคุกแห่งยมโลกนั้นไม่มีเสียแล้ว… ไป๋ชิวหรานหายตัวไปราวกับผีสาง
ยมทูตที่เห็นห้องขังว่างเปล่ารีบตะโกนเสียงดัง
“บัดซบ! ไอ้สุนัขตัวนั้นมันหนีไปแล้ว!”