ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 264 เคารพท่านอาจารย์
บทที่ 264 เคารพท่านอาจารย์
บทที่ 264 เคารพท่านอาจารย์
ไป๋ชิวหรานและจื้อเซียนไม่ได้อยู่ห่างไกลนัก เขากำลังมองดูเหล่าอสูรแปลกหน้า
“ข้าไม่เคยเห็นอสูรตัวเล็กเช่นนี้มาก่อน”
ไป๋ชิวหรานมองอสูรมนุษย์ตรงหน้าพร้อมกล่าวคำ
“และก็ไม่เคยเห็นอสูรที่สามารถกล่าวคำพูดเช่นกับมนุษย์ได้ แม้แต่อสูรยักษ์ที่ครอบครองพลังเหนือธรรมชาติยังไม่สามารถกล่าวคำได้ชัดเจนเช่นนี้”
จื้อเซียนใช้พลังวิญญาณตรวจสอบ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า
“จากสิ่งที่ภูมิปัญญาอันยิ่งใหญ่บอกกล่าว อสูรเหล่านี้ถูกเรียกว่าอสูรผู้ทรงเกียรติในเผ่ามาร พวกมันเป็นอสูรที่อยู่ในระดับสูงกว่าอสูรยักษ์ในเผ่ามารเสียอีก แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของมันน่าสะพรึงกลัวยิ่ง”
“ปรากฏว่าที่เผ่ามารต่อสู้กับพวกเราก่อนหน้านี้ เป็นเพราะพวกมันไม่เผยพลังที่แท้จริงออกมางั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานมองเหล่าอสูรผู้ทรงเกียรติตรงหน้าพร้อมกล่าว
“ไม่ใช่ อสูรผู้ทรงเกียรตินี้ใช้เวลาหลายพันปีกว่าจะสามารถพัฒนาได้ ซึ่งมันไม่ได้มีผลสำเร็จที่มากมายนัก”
จื้อเซียนตอบกลับ
“มันน่าจะเป็นการตายและเกิดขึ้นมากกว่า”
“เอาล่ะ ฆ่าพวกมันทั้งหมดเลยก็แล้วกัน”
ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นก่อนจะหยุดมือและกล่าวถามอีกครั้ง
“หากข้าเก็บศพของพวกมันเอาไว้ จื้อเซียน เจ้าสามารถวิเคราะห์ต้นกำเนิดของอสูรพวกนี้ได้หรือไม่?”
“ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน แต่อาวุโสระดับสูงของสำนักเสวียนฝ่าถูกชายชราผู้นั้นเอาไปแล้วไม่ใช่หรือ? หากเจ้าเอาศพของอสูรผู้ทรงเกียรตินี้ให้เขาดู บางทีมันอาจจะเผยเบาะแสบางอย่างได้”
จื้อเซียนแนะนำ
“อืม”
ไป๋ชิวหรานก้าวออกจากป่าไผ่ การปรากฏตัวของเขาทำให้เหล่าอสูรทั้งหมดหันมาจับจ้อง
“เจ้าเป็นใคร?”
มีนักบวชผู้ยอมจำนนบินอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาเหล่านั้นกล่าวถามขึ้นทันที
“ต่อหน้าผู้ทรงเกียรติอสูร เจ้ากล้าดีอย่างไร?!”
“หืม? เผ่าพันธุ์มนุษย์?”
อสูรผู้ทรงเกียรติหันหลังกลับมาพร้อมกับแขนขาในมือ มันกล่าวคำอย่างเฉยเมย
“ทราบหรือไม่ว่าเจ้าอาจหาญมาก…”
แสงสีขาวสว่างวาบขึ้น และอสูรผู้ทรงเกียรติยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทว่าดวงตากลับหรี่ลง
ชายหนุ่มปัดโลหิตที่ดำแดงบนมือออก ก่อนจะตรงเข้าไปหาอสูรผู้ทรงเกียรติ เขาคว้าลำคอของมันเอาไว้ก่อนจะปิดผนึกด้วยอาคม จากนั้นใส่ลงถุงเก็บของ ในตอนนี้เองที่เหล่านักบวชโดยรอบตระหนักได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
“ท่าน… ผู้ทรงเกียรติตายตกไปแล้ว?”
เหล่านักบวชร้องตะโกนเสียงดัง
“เร็วเข้า วิ่ง!”
หลังจากที่พวกเขาตะโกน อสูรตัวสูงใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดปากขนาดใหญ่ออกกว้าง และกลืนกินลำตัวครึ่งบนของผู้หลบหนีในคำเดียว!
ซี่ฟันคมปลาบตัดขาดร่างกาย โลหิตสาดกระเซ็น และผู้ฝึกตนทั้งหมดถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างหวาดหวั่น
หลังจากที่สูญเสียพลังอำนาจของอสูรผู้ทรงเกียรติไป สถานการณ์ทั้งหมดกลับตาลปัตรวุ่นวาย และเหล่าอสูรจำนวนมากก็ไม่สามารถระงับความดุร้ายของตนเองได้ มันเริ่มโจมตีเผ่ามนุษย์ หรือสิ่งที่ไม่ใช่เผ่าเดียวกันอย่างไม่เลือกหน้า
ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เหล่านักบวชที่ก่อกบฏได้ถูกสังหารไป จากนั้นเหล่าอสูรทั้งหมดต่างก็เพ่งสายตาตรงไปที่ไป๋ชิวหราน
“ต้องการเล่นกับข้างั้นหรือ?”
ชายหนุ่มมองอสูรที่กำลังหิวกระหายตรงหน้า ก่อนจะกางมือออกและยักไหล่อย่างไม่แยแส
ปราณกระบี่ไร้ใครเทียบปรากฏขึ้น ไม่กี่ลมหายใจถัดมา ไป๋ชิวหรานเดินออกจากป่าพร้อมกับล้างเลือดอสูรในมือออก เขาไม่คิดหันกลับไปมองซากศพกองใหญ่และทะเลโลหิตด้านหลัง ชายหนุ่มเดินจากมาอย่างไม่คิดสนใจ ยามนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องไล่ตามจักรพรรดิอมตะที่มีนามว่าเซียนหงเฉิน
…
จักรพรรดิเซียนผู้นี้รวดเร็วและยังเก่งกาจในการปกปิด หากไม่ใช่เพราะจื้อเซียนสามารถติดตามเขาได้… เช่นนั้นไป๋ชิวหรานอาจจะต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่งในการไล่ตามอีกฝ่าย
ไป๋ชิวหรานติดตามเขาไปตลอดทาง ในที่สุดก็พบว่าจักรพรรดิเซียนผู้นี้มาหยุดยืนที่สำนักอสูรสวรรค์ในเป่ยหมิงโดยตรง
ดูเหมือนว่าจักรพรรดิเซียนผู้นี้จะสามารถเข้าไปด้านในด้วยโดยตรง หรือว่ามีคนภายในยินยอมให้จักรพรรดิเซียนตนนี้เข้าไปอย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ใช้กระบวนท่าบิดเบือนมิติเพื่อเข้าสู่ภายในของสำนักอสูรสวรรค์
บังเอิญว่าหลังจากเข้ามาแล้ว เขาได้เห็นชายชรายืนอยู่บนจัตุรัสของสำนักอสูรสวรรค์ โดยมีผู้อาวุโสระดับสูงยืนอยู่ข้างกายจำนวนมาก ทั้งหมดเป็นคนจากห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมและผู้ฝึกตนฝ่ายมาร
คนเหล่านี้อยู่ภายใต้การปกครองของจู๋เฟิงกับหวงฝู่เฟิง พวกเขากล่าวขอบคุณชายชราอย่างพร้อมเพรียง
ไป๋ชิวหรานไม่คิดหลบซ่อนอีกต่อไป เขาเดินตรงเข้ามาด้านใน
“บรรพชนกระบี่”
เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานเดินเข้ามา ผู้คนจากสำนักอื่น ๆ ต่างเร่งรีบทักทาย
“ท่านอาจารย์ลุง”
ในสำนักกระบี่ชิงหมิง จู๋เฟิงและเจวี๋ยอวิ๋นจื่อที่เพิ่งไปช่วยเหลือต่างเร่งรีบที่จะทักทายเช่นกัน
“อืม”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า จากนั้นแลสายตามองชายชราก่อนจะกล่าวถาม
“ไม่ทราบว่าท่านผู้เฒ่ามีนามว่าอะไร?”
“นี่คือผู้เฒ่าหงเฉิน พวกเราพบเขาในป่าไผ่โดยบังเอิญ”
เจวี๋ยอวิ๋นจื่อกล่าวตอบ
“ครั้งนี้พวกเราหนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย จึงต้องขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่ให้ความช่วยเหลือ”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองพวกเขา ความจริงแล้วหลังจากที่หนีออกจากคุกและมุ่งตรงไปที่ภูเขา ไป๋ชิวหรานก็ติดตามอยู่ข้างหลังของพวกเขาตลอด แม้ว่าชายชราผู้นี้ไม่ปรากฏตัว แต่พวกเขาจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน
แต่ไป๋ชิวหรานสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังของชายชราในภูเขา ดังนั้นจึงตัดสินใจหลบซ่อนและเฝ้ามองว่าชายชราผู้นี้คิดทำสิ่งใด
“เข้าใจแล้ว”
เขาแสร้งทำเป็นไม่ทราบ พร้อมกล่าวขอบคุณชายชรา
“สำหรับเด็กเหล่านี้ ข้าต้องขอขอบคุณอาวุโสที่ช่วยดูแลพวกเขา”
หลังจากไป๋ชิวหรานปรากฏตัว ชายชรามองมาราวกับว่าคิดสิ่งใดอยู่ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราโบกมืออย่างรวดเร็วก่อนจะกล่าวตอบ
“ไม่เลย ไม่เป็นไรเลยเจ้าหนุ่ม ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็คือเผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นกัน มันเป็นสิ่งที่ข้าควรกระทำ”
หลังจากหยุดชั่วขณะ เขามองคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้น หลังจากลังเลอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าหนุ่ม ข้ามีเรื่องจะกล่าวกับสหายเพียงลำพัง เจ้าสามารถพูดคุยกับข้าได้หรือไม่?”
เขาจำข้าได้หรือ?
ไป๋ชิวหรานประหลาดใจ จากนั้นเงยหน้ามองไปที่คนอื่น ๆ ก่อนจะไอเบา ๆ แล้วกล่าวว่า
“ไปทำงานของพวกเจ้าต่อ ข้าจะไปเดินเล่นกับท่านผู้เฒ่าสักหน่อย”
คนอื่น ๆ มองหน้ากันก่อนจะแยกย้าย และตอนนี้พวกเขามีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการจริง ๆ
ก่อนจะจากไป ซูเซียงเสวี่ยที่กำลังดึงโหยวเหมยเฉียวและหลีจิ่นเหยาซึ่งถูกจี้หลิงอวิ๋นฉุดรั้งไว้ ทั้งสองมองไป๋ชิวหรานก่อนจะจากไป ในขณะเดียวกันไป๋ชิวหรานก็ส่ายศีรษะส่งสัญญาณว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
หลังจากทุกคนออกไปแล้ว ไป๋ชิวหรานประสานมือให้กับชายชราแล้วกล่าวว่า
“เชิญท่านผู้เฒ่า แม้ว่านี่จะไม่ใช่สำนักของข้า แต่ข้าเคยมาที่นี่หลายครา จึงสามารถพาท่านเดินชมได้”
“ข้าไม่กล้า”
ชายชราก้มศีรษะลงพร้อมกล่าวตอบ
“ท่านผู้เฒ่า ให้ข้าเป็นคนนำทาง”
“ท่านไม่เคยมาที่นี่ แต่ท่านรู้เส้นทางงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เรื่องนั้น…”
ชายชราคิดอยู่สักครู่ก่อนจะตอบอย่างช่วยไม่ได้
“เช่นนั้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
“ท่านมีปัญหาใดหรือไม่?”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานพาชายชราเดินไปตรงทางขึ้นภูเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของประตูสำนักอสูรสวรรค์
ระหว่างทางเขากล่าวถามออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ดูเหมือนว่าท่านผู้เฒ่าจะรู้จักข้า?”
ชายชราลังเลหลังจากเงียบอยู่นาน ในที่สุดจึงกล่าวขึ้นว่า
“เป็นเช่นนั้น”
“แต่ข้าไม่เคยเห็นท่านผู้เฒ่ามาก่อน”
ไป๋ชิวหรานกล่าวต่อ
“บอกข้าได้หรือไม่ ว่าท่านรู้จักข้าได้อย่างไร?”
“ย่อมได้…”
ชายชราคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดหลังจากที่ไป๋ชิวหรานและเขาเดินมาถึงสถานที่เปลี่ยว เขาก็พุ่งไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไป๋ชิวหราน ก่อนจะคุกเข่าและโค้งคำนับจนศีรษะติดพื้น
“ศิษย์โม่เฉิน เคารพท่านอาจารย์”