ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 266 จะตามตอแยข้าไปถึงเมื่อใด
บทที่ 266 จะตามตอแยข้าไปถึงเมื่อใด?
บทที่ 266 จะตามตอแยข้าไปถึงเมื่อใด?
หลังจากฟังคำอธิบายของเซียนหงเฉินแล้ว ไป๋ชิวหรานมองชายชราที่ไม่ธรรมดาตรงหน้า ภายในใจรู้สึกแปลกประหลาด
หากกล่าวถามศักดิ์แล้ว จักรพรรดิเซียนหงเฉินเป็นศิษย์และหลานชายที่แท้จริงของเขา
แต่ในความเป็นจริงหากมองในแง่ของอายุ จักรพรรดิเซียนหงเฉินผู้นี้อายุเยอะกว่ามากนัก และในวันที่เขาวิ่งไปพร้อมกับน้ำมูกน้ำตาบนใบหน้า ชายชราผู้นี้ก็ยังดูแลเขาอย่างดี
ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง และสรุปว่าความสัมพันธ์ของตนกับจักรพรรดิเซียนหงเฉินนี้น่าจะเป็นเพียง ‘จะตามตอแยข้าไปถึงเมื่อใด?’
“ถ้าเช่นนั้นภารกิจของเจ้าก็น่าจะเสร็จสิ้นแล้ว”
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ไป๋ชิวหรานก็ทำได้เพียงหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญ และเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นว่า
“แล้วเหตุใดถึงยังอยู่บนโลกนี้ล่ะ? ไป๋ลี่ไม่เรียกเจ้ากลับงั้นหรือ?”
“ศิษย์ชื่นชอบโลกมนุษย์มากกว่าแดนเซียน ซ้ำยังคุ้นเคยกับการอยู่ในโลกมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นเมื่อถึงเวลา ท่านอาจารย์จะเรียกศิษย์กลับสู่แดนเซียนอย่างแน่นอน”
จักรพรรดิเซียนหงเฉินกล่าวตอบ
“สิ่งสำคัญสำหรับชีวิตในปัจจุบัน ประการแรกคือศิษย์มีความสัมพันธ์กับเหล่าศิษย์และหลานของท่าน และอีกประการหนึ่งคือศิษย์ผู้นี้คิดว่าแดนเซียนจะส่งคนมา”
“แดนเซียน… จะส่งคนมา?”
ไป๋ชิวหรานแตะคางก่อนจะครุ่นคิด
“ถูกต้องแล้ว แม้สามผู้ทรงเกียรติจะได้ปิดเส้นทางสู่แดนเซียน แต่หากเกิดเรื่องอย่างเช่นเผ่ามารบุกเข้ามา เหล่าเซียนย่อมไม่ยอมอยู่เฉยแน่”
จักรพรรดิเซียนหงเฉินลูบเคราก่อนจะกล่าวตอบ
“ยิ่งไปกว่านั้น เผ่ามารยังมีความสัมพันธ์กับเทพเจ้าซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเรา”
“สัมพันธ์อย่างไร?”
ไป๋ชิวหรานถาม
“เผ่ามารถือกำเนิดขึ้นมาจากเทพเจ้า”
จักรพรรดิเซียนหงเฉินกล่าวตอบ
“กล่าวอีกอย่างคือ จากที่ข้าสังเกต เผ่ามารนั้นเกิดขึ้นจากความแค้นของเหล่าเทพเจ้าหลังความตาย ตราบใดที่ความขุ่นเคืองของเหล่าทวยเทพยังคงอยู่ เผ่ามารจะไม่มีวันสูญสิ้น และจะถือกำเนิดต่อเนื่องไปตลอดกาล นี่คือความสามารถพิเศษที่เทพเจ้ามอบให้เหล่าทวยเทพที่พวกเขารักเมื่อให้กำเนิดขึ้นมา”
“แต่… เผ่ามารสามารถเติบโตได้ด้วยงั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานกล่าว พร้อมกับนำศพของอสูรผู้ทรงเกียรติออกมา
“ข้าได้ยินว่าสิ่งนี้ถูกเรียกขานว่าอสูรผู้ทรงเกียรติ และเป็นอสูรที่มีความก้าวหน้า พวกมันไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมอสูรระดับล่างได้ มันสร้างวินัยและควบคุมให้อสูรทุกตนสงบได้”
“นี่คือ?”
เมื่อมองศพที่ไป๋ชิวหรานหยิบยกออกมา จักรพรรดิเซียนหงเฉินถึงกับตกตะลึง
“เจ้าเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนหรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานถาม
“ศิษย์ไม่เคยเห็นมันมาก่อน”
จักรพรรดิเซียนหงเฉินส่ายศีรษะอย่างอับจนปัญญา
“เช่นนั้นข้าจะมอบสิ่งนี้ให้กับชิวอวี่เซวียนจากสำนักเสวียนฝ่า เขาน่าจะตรวจสอบได้ว่ามันคือตัวอะไรกันแน่”
ไป๋ชิวหรานเก็บศพลงไป ก่อนจะเดินไปที่ภูเขา
“หากไม่มีอะไรจะกล่าวกับข้าแล้ว เจ้าก็กลับไปได้”
“ขอรับ”
จักรพรรดิเซียนหงเฉินเดินตามหลังไป๋ชิวหรานก่อนจะกล่าวขึ้นว่า
“ศิษย์อยากช่วยเหลือ”
“เช่นนั้น งานคงจะหนักเสียหน่อย”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
ทั้งสองกลับมาที่ภูเขา ซูเซียงเสวี่ยกับหลีจิ่นเหยารออยู่บนถนน เมื่อพวกเขาได้พบกับซูเซียงเสวี่ย จักรพรรดิหงเฉินก็กล่าวทักทายนางอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ทำให้นางตื่นตระหนกไม่น้อย
“โอ้”
หลังจากฉวยโอกาสตอนที่จักรพรรดิเซียนหงเฉินเผลอ นางก็ดึงไป๋ชิวหรานมาถาม
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจียงหลานงั้นหรือ?”
“ก็เกือบ ๆ น่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าและพูดว่า
“ศิษย์และหลานชายของเราอายุราวสองแสนปี เป็นจักรพรรดิเซียน ทำความรู้จักเขาไว้เถิด”
ซูเซียงเสวี่ยปิดใบหน้า ก่อนจะสูดลมหายใจลึก
ทั้งกลุ่มเดินตรงไปยังสถานที่ของคนจากสำนักเสวียนฝ่า ระหว่างทางซูเซียงเสวี่ยบอกกล่าวกับเขาถึงสถานการณ์เฉพาะของสำนักใหญ่ต่าง ๆ เมื่อถูกเผ่ามารบุกโจมตี
อย่างเช่น โหยวเหมยเฉียว และคนอื่น ๆ เมื่อเผ่ามารบุกเข้ามา พวกมันเอาชนะสำนักต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เมื่อสำนักเหล่านั้นถูกล้อมรอบ ผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักใหญ่ยังสามารถหลบหนีได้ พวกเขาทั้งหมดใช้ถ้ำเซียนที่เชื่อมต่อกับสำนักใหญ่พร้อมเดินทางในห้วงมิติ
เจวี๋ยอวิ๋นจื่อ และคนอื่น ๆ อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน เขาสั่งให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดรวมตัวกันที่สำนักกระบี่ชิงหมิง ในเวลานั้นด้วยอำนาจของประมุข ทั้งหมดจึงหลบหนีเข้าไปในถ้ำเซียนผ่านห้วงมิติ
จากนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เผ่ามารตามเข้ามา ชายผู้นั้นชักกระบี่ออกมาพร้อมกับทำลายเครื่องเคลื่อนย้าย ทว่าคลื่นพลังทำลายล้างในห้วงมิติกลับผลักอาวุโสและศิษย์โชคร้ายสองสามคนให้หลุดออกไป และพวกเขาก็ถูกเผ่ามารจับกุมไป
ผู้อาวุโสและศิษย์เหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือ แต่ชะตากรรมของบางคน… ไป๋ชิวหรานได้เห็นมันแล้ว
กล่าวได้คำเดียวว่า หนี้แค้นระหว่างเขากับเผ่ามารยังไม่จบสิ้นเพียงเท่านี้แน่นอน
เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ ทุกคนในสำนักเสวียนฝ่ากำลังปะปนอยู่กับคนของสำนักอสูรสวรรค์ และขณะที่กำลังง่วนทำงานอย่างหนัก ความประมาทเลินเล่อของเหล่าศิษย์สำนักอสูรสวรรค์ก็ก่อเรื่องมากมาย พวกเขาตะโกนออกมาว่า ‘น่าสนใจยิ่ง’ พร้อมกับวิ่งโล่เข้ามาปะปนเพราะอยากทราบเรื่องราวด้วย
บังเอิญว่าพวกเขากำลังศึกษาโครงสร้างร่างกายของเผ่ามารอยู่
ชายหนุ่มยืนดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปและนำร่างที่แท้จริงของชิวอวี่เซวียนออกมาจากฝูงชน
แม้ว่าเขาเพิ่งจะออกมาจากคุกของเผ่ามาร ทว่าชายผู้นี้ยังเปี่ยมไปด้วยพลัง ยามนี้อยู่ร่วมกับฝูงชนและต้องการจะตรวจสอบสิ่งตรงหน้า เมื่อไป๋ชิวหรานลากเขาออกมา ชายผู้นั้นก็ตะโกนเสียงดังอย่างขุ่นเคือง
“ทำอะไร? โอ้ บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง”
“ข้ามีสิ่งหนึ่งจะให้เจ้าตรวจสอบ”
ไป๋ชิวหรานไม่ได้กล่าวไร้สาระ และโยนศพของอสูรผู้ทรงเกียรติมาให้
ชิวอวี่เซวียนรับมันไว้ก่อนจะจับจ้องอสูรผู้ทรงเกียรติร่างสีน้ำเงินเข้มอยู่สองสามอึดใจ หลังจากนั้นรอยยิ้มแห่งความสุขจึงปรากฏขึ้น
“บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง! ขอบคุณแล้ว! ทุกคน เตรียมเครื่องมือผ่าตัดและสถานที่เดี๋ยวนี้ เราได้รับอาจารย์ใหญ่แล้ว!”
เขาโค้งศีรษะให้กับไป๋ชิวหราน ก่อนจะกอดศพเอาไว้และวิ่งออกไปอย่างสดชื่นราวกับว่าได้อุ้มหญิงสาวผู้ทรงเสน่ห์ไว้ในอ้อมแขน
“โอ้ เดี๋ยวก่อน!”
ไป๋ชิวหรานรีบคว้าตัวเขาไว้พร้อมกล่าวว่า
“ข้าจะบอกเจ้าว่า คนของข้าต้องการเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ดังนั้นให้เขาติดตามไปด้วย”
“คนของท่าน?”
ชิวอวี่เซวียนเหลือบมองจักรพรรดิเซียนหงเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างไป๋ชิวหราน เขาตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลย ตราบใดที่เขาไม่วุ่นวาย ผู้ใดก็สามารถรับชมได้”
“เขาก็เป็นเช่นนี้ แต่อย่าได้ถือสา”
ชายหนุ่มปล่อยให้ชิวอวี่เซวียนวิ่งไปจนลับสายตา เขาส่ายศีรษะพร้อมกล่าวกับจักรพรรดิเซียนหงเฉินอย่างช่วยไม่ได้
“หากเจ้าขุ่นเคือง เจ้าสามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว”
จักรพรรดิเซียนหงเฉินหัวเราะตอบ
“อย่างไรข้าก็เป็นนักปราชญ์ และศิษย์ไม่สนใจคำพูดเขา”
“อืม เช่นนั้นก็ดี”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“เช่นนั้นเรื่องนี้ข้าฝากเจ้าด้วย ข้าต้องไปแล้ว”
“ท่านอาจารย์จะไปที่ใด?”
จักรพรรดิหงเฉินกล่าวเตือน
“แดนเซียนอาจจะส่งคนมาที่โลกในเร็ว ๆ นี้ และพวกเขาก็ไม่มีความเมตตาต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่รอดตาย”
“ข้าทราบ ดังนั้นหลังจากที่ข้าจากไป หากมีคนจากแดนเซียนมาที่นี่ เช่นนั้นจะขอให้เจ้าปกปิดเรื่องที่พบเจอข้าในวันนี้แล้วกัน”
ไป๋ชิวหรานกล่าวพร้อมกับตบบ่าของจักรพรรดิเซียนหงเฉินเบา ๆ
“สำหรับยามนี้ ข้าจะกลับบ้านแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หวงฝู่เฟิงกล่าวในก่อนหน้านี้ว่าการล่มสลายของสำนักกระบี่ชิงหมิงเป็นเพราะศิษย์ภายในห้าคน ตอนนี้เจวี๋ยอวิ๋นจื่อ และคนอื่น ๆ เพิ่งหนีตายกลับมา และพวกเขากำลังพักฟื้น สภาพร่างกายตอนนี้ไม่อาจวิ่งออกไปรอบ ๆ ได้ ดังนั้นภารกิจในการทำความสะอาดจึงกลายเป็นหน้าที่ของอาวุโสผู้นี้!