ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 27 พื้นธรณีจะกลายเป็นอาวุธของเจ้า
บทที่ 27 พื้นธรณีจะกลายเป็นอาวุธของเจ้า
เช้าวันหนึ่งหลังจากผ่านไปสามเดือน ไป๋ชิวหรานกำลังลากถังรั่วเวยออกมาจากโรงฝึก
เส้นผมของนางยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ และเสื้อผ้ายังเปียกโชกจากเหงื่อซึ่งไหลออกมาแทบทุกส่วนของร่างกาย จากสภาพของนางตอนนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเหมือนคนที่ตื่นเช้าอย่างมาก หรือไม่ก็คือคนที่ยังไม่ได้นอนมาทั้งคืน
เมื่อถูกไป๋ชิวหรานลากออกมาจากห้องฝึก นางจึงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ทำอะไรของท่าน ท่านอาจารย์ เหตุใดถึงมารบกวนการฝึกของข้า?”
“เจ้าเสพติดการฝึกฝนมากเกินไปจนไม่หลับไม่นอน…หากเจวี๋ยอวิ๋นจื่อมีความพากเพียรเช่นเจ้าตอนนี้ เขาคงทะยานไปถึงโลกเซียนแล้ว” ไป๋ชิวหรานถอนหายใจ “เอาล่ะ ๆ มากับข้า วิชาหลอมสร้างกายของเจ้าไม่อาจบรรลุได้ในวันเดียว อย่ารีบร้อนเกินไปหน่อยเลย”
“ท่านอาจารย์ ท่านจะพาข้าไปที่ใด?” ถังรั่วเวยเผยใบหน้าบึ้งตึง ดูเหมือนนางจะยังต้องการฝึกฝนวิชาหลอมสร้างกายเพื่อทำให้ความฝันเป็นจริง
“พาเจ้าไปยังสนามฝึกในอนาคต และบอกวิธีการฝึกฝนด้วยตัวเอง” ไป๋ชิวหรานเลิกคิ้วขณะกล่าว “หากฝึกเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ร่างกายจะได้รับการเปลี่ยนแปลง แต่หากพลังชีวิตในตัวต้องหมดลงจะทำอย่างไร? หากพลังชีวิตหมด เช่นนั้นเจ้าก็จะได้นอนในโลงไปพร้อมกับหน้าอกที่ใหญ่โตแน่นอน”
ถังรั่วเวยคิดตามและเห็นว่ามันสมเหตุสมผล นางจึงเดินตามไป๋ชิวหรานไปทางสะพานหินที่เพิ่งสร้างเมื่อคืนวาน มันทอดยาวจนมาถึงยังภูเขาหินสีดำ
“ยอดเขานี้ยังไม่ได้รับการปรับแต่ง ข้าจะปรับแต่งมันไปพร้อมกับสอนเจ้า”
ไป๋ชิวหรานพบหินก้อนหนึ่งบนยอดเขา จากนั้นเขาก็นั่งลงพร้อมปล่อยพลังปราณออกมาอย่างไม่สิ้นสุด พร้อมกันนั้นเขาก็พูดกับถังรั่วเวยไปด้วย
“รั่วเวย เจ้าเข้าใจขั้นพลังการบ่มเพาะและคุณสมบัติของรากฐานวิญญาณมากเพียงใด?”
“ข้าแค่เคยได้ยินชื่อของขั้นพลังมาก่อนเท่านั้น ขั้นพลังของผู้เชี่ยวชาญวิทยายุทธ์จะทัดเทียมได้กับขั้นกลั่นลมปราณ จากนั้นก็ขั้นสร้างรากฐาน และไปขั้นทองคำหรืออะไรสักอย่าง” ถังรั่วเวยตอบอย่างตรงไปตรงมาและดูเหมือนผู้มีความรู้ “สำหรับรากฐานวิญญาณ ข้าทราบเพียงแค่ธาตุทั้งห้า”
ไป๋ชิวหรานโคจรพลังลมปราณเพื่อเปลี่ยนภูมิประเทศด้านข้าง “สวรรค์และโลกกำเนิดมาจากความมืดมิดในธรรมชาติ และได้พัฒนามาเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่น ร่างของสิ่งมีชีวิตเองก็ไม่ต่างจากโลกอีกใบหนึ่งที่ประกอบไปด้วยโลหิต กระดูก กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน และเส้นชีพจร ผู้ฝึกตนนั้นได้บ่มเพาะพลังเพื่อดูดซับพลังของสวรรค์และโลกด้านนอก ดังนั้นมันจึงสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถไปได้ไกลกว่าขีดจำกัดของความเป็นความตาย ราวกับสามารถหลุดพ้นจากบ่วงโซ่ของโลกใบนี้ และรากฐานของวิญญาณนั้นก็คือ การบอกถึงความเหมาะสมระหว่างบุคคลผู้นั้นกับกฎของโลกนี้”
“เพื่อความสมดุล แต่ไม่ได้หมายความรากฐานของวิญญาณจะกำหนดทุกสิ่ง” ถังรั่วเวยยังคงเป็นหญิงที่ฉลาด ดังนั้นนางจึงเข้าใจสิ่งที่ไป๋ชิวหรานกล่าว “ผู้ที่ไม่มีรากฐานของวิญญาณ พวกเขาเพียงแค่อยู่ในระดับต่ำของความสมดุล แต่ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าถึงวิถีแห่งเซียน”
“ถูกต้อง ข้าบอกเจ้าและศิษย์คนอื่น ๆ ที่มีรากฐานวิญญาณระดับสวรรค์ว่าอย่าเพิ่งภูมิใจจนเกินไป อย่างเช่นเจวี๋ยอวิ๋นจื่อที่เป็นเจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงคนปัจจุบัน แต่ก่อนเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีรากฐานวิญญาณ อีกอย่างในโลกนี้ยังมีเม็ดยาที่ชื่อว่าเม็ดยาฟื้นสวรรค์อยู่” ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“ยิ่งกว่านั้นมันยังมีรากฐานวิญญาณและกฎอีกมากมายในโลกนี้ ถึงแม้คนในโลกแห่งการบ่มเพาะพลังจะค้นคว้ากันมาหลายปี พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ รากฐานวิญญาณห้าธาตุหลักนั้นถูกกำหนดขึ้น เพราะบรรพบุรุษได้วัดความสมดุลที่จำกัดระหว่างสวรรค์และโลก ซึ่งเมื่อนำธาตุเหล่านั้นมารวมกัน มันจะแบ่งได้เป็นห้าประเภทใหญ่ ๆ แต่อันที่จริงคุณสมบัติของรากฐานวิญญาณใหม่ ๆ เพิ่งจะถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ อย่างเช่นสายฟ้า พิษ ลม และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน ถึงแม้ข้าจะใช้เม็ดยาฟื้นสวรรค์ช่วยในการทราบรากฐานวิญญาณทั้งหมดในตอนนี้ แต่มันก็ยังมีกฎและความจริงอีกมากมายที่ข้าไม่อาจทราบ ตอนนี้ข้ากำลังพยายามเปิดเผยมันให้ได้ทั้งหมด”
ถังรั่วเวยรู้สึกตกตะลึง
“มันยังกว้างใหญ่เกินไป เหตุผลทั้งหมดก็คือการที่เจ้าต้องไม่ภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเอง และยับยั้งอารมณ์เย่อหยิ่งใจร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนสมควรปฏิบัติ” ไป๋ชิวหรานกล่าวต่อ “ประการที่สอง…เพื่อให้เจ้าเข้าใจว่าทุกสิ่งจะมองเห็นแก่นแท้ของความจริงผ่านปรากฏการณ์ต่าง ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการแบ่งขอบเขตของการบ่มเพาะพลังคือ ระดับความรู้ของตัวเจ้าและความเข้าใจโลกภายในและภายนอก ตั้งแต่ขั้นกลั่นลมปราณไปจนถึงการหลอมยา จากนั้นจึงจะไปสู่ขั้นปฐมวิญญาณ มันคือการสร้างตัวตนเจ้าอีกคนหนึ่งในร่างกาย กล่าวได้ว่าวิญญาณและร่างกายจะสะท้อนภาพตัวตนซึ่งกันและกัน ส่วนคุณสมบัติของรากฐานวิญญาณของเจ้า เจ้าคิดว่าจะได้สามารถใช้พลังธาตุดินได้อย่างไรเมื่อฝึกฝนมันจนสำเร็จ?”
“นี่…” ถังรั่วเวยนึกถึงฉากที่ไป๋ชิวหรานยกภูเขากลับมาในคืนนั้น “เคลื่อนย้ายภูเขาถมท้องทะเล? จัดการดินและหิน?”
“นั่นแค่ส่วนพื้นฐาน” ไป๋ชิวหรานยกฝ่ามือขึ้น “วิถีหลักที่แสดงถึงความสามารถของธาตุดินที่แท้จริงคือแรงโน้มถ่วง ซึ่งเรียกว่าต้นกำเนิดสนามแม่เหล็ก ตั้งใจดูให้ดี”
เขาสูดหายใจลึกพร้อมโคจรพลังลมปราณอันเกรี้ยวกราดภายในตัว จากนั้นฝ่ามือของชายหนุ่มได้ปรากฏแสงขึ้น ขณะเดียวกันถังรั่วเวยก็รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนจากพื้นดิน เมื่อมองออกไป นางจึงเห็นว่าพื้นแผ่นดินรอบด้านกำลังเคลื่อนที่ ภูเขาและแผ่นหินเปลี่ยนรูปเป็นมังกรดินแหวกว่ายไปมากลางอากาศราวกับว่าเป็นอีกโลกหนึ่ง
“ไม่ว่าจะเป็นดิน หิน ภูผา หรือพลังแห่งมังกรที่ซ่อนอยู่ในธรณี สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกจำแนกเป็นพลังธาตุดินโดยบรรพบุรุษ ตราบที่เจ้าสามารถควบคุมต้นกำเนิดสนามพลังแม่เหล็กได้ เจ้าก็จะสามารถควบคุมทุกอย่างได้อย่างอิสระ เหตุใดมนุษย์ถึงบินบนฟ้าไม่ได้ เหตุใดสิ่งของถึงร่วงลงสู่พื้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะต้นกำเนิดสนามพลังแม่เหล็กทั้งสิ้น”
หลังจากแผ่นดินสั่นสะเทือนอยู่หลายลมหายใจ ไป๋ชิวหรานจึงวางฝ่ามือลง เวลานี้ถังรั่วเวยรู้สึกว่ารัศมีของภูเขารอบด้านเข้ามาใกล้นางมากขึ้น
“ในฐานะอาจารย์…ข้าได้คิดวิธีการฝึกฝนให้เจ้าโดยจะเน้นไปทางการควบคุมแรงโน้มถ่วง” ไป๋ชิวหรานมองไปยังถังรั่วเวย “เมื่อเจ้าฝึกฝนจนชำนาญ เจ้าจะสามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงได้อย่างอิสระ เวลานั้นพื้นธรณีก็คืออาวุธของเจ้า…”
“โอ้” ถังรั่วเวยเผยใบหน้าตื่นเต้นก่อนจะถาม “แล้วอาจารย์ คุณสมบัติธาตุทั้งห้าธาตุที่เหลือแสดงถึงสิ่งใด?”
“อีกห้าธาตุงั้นหรือ?” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ชิวหรานจึงตอบกลับ “โลหะนั้นมีพลังในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา ไฟคือการปลดปล่อยพลังงานที่เป็นตัวแทนของความร้อน น้ำคือการลดอุณภูมิและแปรเปลี่ยนสสาร ไม้ที่ข้าฝึกเป็นอย่างแรกสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากเจ้าสนใจ ในอนาคตข้าสามารถสอนเกี่ยวพลังห้าธาตุที่เหลือ แต่ทุกอย่างจะต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ดังนั้นเจ้าควรฝึกสิ่งที่ข้าสอนอย่างแรกก่อน”
ไป๋ชิวหรานมอบม้วนคัมภีร์สำหรับฝึกฝนให้กับถังรั่วเวย “แบบฝึกหัดสำหรับฝึกฝนธาตุดินนี้ข้าสรุปให้หลังจากเรียนรู้มาสามพันปี ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวของมันคือระยะแรกจะยังอ่อนแอ เพราะขั้นพลังการบ่มเพาะของเจ้ายังมีจำกัดจึงยากที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ อีกทั้งความสามารถในการต่อสู้ก็มีจำกัดเช่นกัน แต่ทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อบรรลุขั้นสร้างรากฐานและมีกระบี่ที่ดี…” ขณะกล่าว เขาลังเลอยู่ชั่วครู่
“ข้ามีแค่คำถามเดียว รั่วเวย เจ้าคิดจะบรรลุขั้นสร้างรากฐานด้วยวิชาที่ข้าคิดขึ้นได้หรือไม่?”