ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 275 ความแค้นของมนุษย์ ความแค้นของเหล่าทวยเทพ
บทที่ 275 ความแค้นของมนุษย์ ความแค้นของเหล่าทวยเทพ
บทที่ 275 ความแค้นของมนุษย์ ความแค้นของเหล่าทวยเทพ
จักรพรรดิตะวันออกไท่อี?
ดวงตาเซียนอาวุโสหยางเบิกกว้าง
“เรื่องนั้น… ไม่ใช่ว่าท่านตายตกไปแล้วหรือ?!”
“โอ้ สิงเทียนยังใช้ศพเพื่อชุบชีวิตพลังวิญญาณขึ้นมาใหม่ได้ แล้วเหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าตายแล้วล่ะ?”
อิงเจาเอนหลังพิงบัลลังก์อย่างเกียจคร้านก่อนจะยิ้มกว้าง
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ประเมินภัยคุกคามของข้าไม่เทียบเท่าสิงเทียน?”
“แน่นอนว่านี่ร้ายแรงกว่าสิงเทียน แต่ท่าน…”
เซียนอาวุโสหยางสูดลมหายใจลึก
“แต่ท่านตายตกด้วยน้ำมือของบรรพชนกระบี่”
“บรรพชนกระบี่ อ่า… ภายหลังเขาถูกเรียกเช่นนั้นงั้นหรือ?”
อิงเจายิ้มออกมาอย่างมีความหมาย
“อ่า ไม่แปลกที่เจ้าจะคิดเช่นนั้น ความกล้าหาญของไป๋อ้ายชิง ข้าเองก็ยอมรับ… แต่ว่าผู้ใดเป็นคนบอกกล่าวว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเขา นั่นคือจุดจบของข้าเล่า?”
อีกฝ่ายค่อย ๆ ปีนขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ ก่อนจะย่อร่างให้อยู่ในท่านั่งยอง ๆ
“ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับเขา ข้าผนึกจิตวิญญาณไว้ในร่างของอิงเจา และค่อยฝังมันลงไปในสวนของข้า”
เซียนอาวุโสหยางเงียบอยู่นาน จากนั้นจึงถามว่า
“ฝ่าบาท เขา… ทราบถึงการกระทำนี้ของท่านหรือไม่?”
“แน่นอนว่าทราบ เจ้าก็รู้ดี ไม่เช่นนั้นร่างนี้จะเป็นของข้าได้อย่างไร?
อิงเจายกผนึกหยกพลังเทวะขึ้น ลำแสงสีขาวหลายดวงถูกดูดซับเข้าไปในร่างกาย เซียนอาวุโสหยางรู้สึกได้ทันทีว่ามีแรงกดดันมหาศาลที่น่าหวาดสะพรึงแผ่ออกมาจากเทพเจ้าตนนี้
“เอาล่ะ เซียนอาวุโสหยาง เจ้าคงทราบว่าข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อไปได้”
อิงเจาก้มศีรษะลง พลังควบแน่นปรากฏรอบกาย พลังเหล่านี้ก่อตัวขึ้นจากปราณแก่นแท้ ซึ่งดูน่าสะพรึงเกินกว่าจะคาดเดา แม้แต่จักรพรรดิเซียนก็ยังไม่อาจต้านทาน
“จงกลายเป็นภูตผีที่ฉลาดหลักแหลม นั่นคือรางวัลที่ข้ามอบให้เจ้า”
สิ้นเสียง ดวงดาวทั้งหมดก็ได้ร่วงหล่นกลายเป็นอุกกาบาตมหาศาล มันพุ่งเข้าใส่เซียนอาวุโสหยางและกองทัพจักรพรรดิเซียนอย่างรวดเร็ว
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ไม่อาจต้านทานได้ เซียนอาวุโสหยางก็ถอนหายใจ ก่อนจะนั่งลงบนพื้นแล้วเข้าสู่สมาธิ
ทว่าความเจ็บปวดที่จินตนาการไว้ก่อนหน้ากลับไม่เกิดขึ้น ไม่มีแม้การสั่นสะเทือน แรงระเบิด หรือพื้นดินที่สั่นไหวใด ๆ ไม่มีความรู้สึกใดทั้งสิ้น
เซียนอาวุโสหยางลืมตาขึ้นด้วยความใคร่รู้ และเห็นว่าบนศีรษะของเขาว่างเปล่า ไร้ซึ่งอุกกาบาตเมื่อครู่ ไร้ซึ่งสิ่งใด!
เขามองฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่นั่งของอิงเจา อีกฝ่ายกำลังมองไปด้านหลังของเขาด้วยสายตาประหลาดใจ อีกทั้งยังเผยความหวาดกลัวในแววตา
เขาหันตามอิงเจาไป ก่อนจะพบชายหนุ่มเรือนผมขาว สวมชุดคลุมสีขาวยืนอยู่ตรงทางเข้า อีกฝ่ายกำลังมองมาทางนี้พร้อมด้วยรอยยิ้ม
“โชคดีนัก ที่ข้าได้ยินบางอย่างที่น่าประทับใจเมื่อมาถึง”
เขายิ้มและกล่าวกับอิงเจาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
“สามแสนกว่าปีที่ผ่านมา ฝ่าบาท ดูเหมือนรูปร่างของท่านจะน่าเกลียดไม่เบา”
“ไป๋อ้ายชิง ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับเจ้าในเวลานี้… ยามนี้… ณ ที่แห่งนี้…”
อิงเจาพึมพำด้วยน้ำเสียงที่ซับซ้อน
“ในยามนี้ คนที่ข้าไม่อยากพบมากที่สุดก็คือท่าน แต่ในขณะเดียวกันคนที่ต้องการพบมากที่สุดก็คือท่านเช่นกัน”
“ฝ่าบาท”
ไป๋ชิวหรานกล่าวถ้อยคำประหลาด
“ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ได้เก่งกาจเช่นเดียวกับหลงหยาง”
“ฮึ่ม ข้าอยากพบเจ้าเพราะอยากบอกถึงความคับแค้นที่ข้ามีต่อเจ้าในช่วงสามแสนปีที่ผ่านมา!”
ดวงตาของอิงเจาเต็มไปด้วยความแค้นลุกโชน!
“เจ้ารู้หรือไม่นับตั้งแต่วันที่ถูกสังหาร ข้าทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่ในหุบเขาฮวายเจียง ในร่างกายของอิงเจา… ข้าทำได้เพียงมองดูเหล่าสนมถูกเทพตนอื่นชิงตัวไป ทำได้เพียงเฝ้ามอง ซ้ำยังไม่สามารถทำอะไรได้ ศิษย์ที่ยอดเยี่ยมล้วนถูกเจ้าสังหารหมดสิ้น แม้แต่ลูกหลานยังไม่ละเว้น ข้า… เกลียดชังเจ้านัก!”
“อืม ข้าทราบแล้ว”
ชายหนุ่มใช้นิ้วก้อยแคะหูอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้ว?”
“แล้ว? ข้าเพียงอยากกล่าวกับศัตรูในอดีต กล่าวถึงความแค้น…”
อิงเจาหัวเราะ
“และแน่นอนว่าต้องมีการแก้แค้น”
“โอ้ฝ่าบาท โปรดยกโทษให้ข้า”
ไป๋ชิวหรานหัวเราะ
“ด้วยร่างกายในปัจจุบันของท่านแล้ว ข้าไม่รู้ว่ามันจะสามารถใช้แก้แค้นได้หรือไม่?”
“วาจาของไป๋อ้ายชิงยังคงหยาบคายเช่นเคย”
อิงเจายิ้มพร้อมกับโบกมือราวกับว่ากำลังพูดคุยกับสหายเก่า
“ในช่วงสามแสนปีที่ผ่านมา ไป๋อ้ายชิง… เจ้าคิดว่าข้าเพียงนอนอย่างไร้ประโยชน์หรือไร? เจ้าคงจะเห็นเหล่าอสูรด้านนอกแล้วหรือไม่?”
“อ่า เข้าใจแล้ว”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าก่อนจะกล่าวตอบ
“มันเป็นของเล่นที่ยอดเยี่ยมไม่เบา”
“ใช่ พวกมันเหล่านั้นแค่ของเหลือจากการทดลอง”
ใบหน้าของอิงเจาเผยรอยยิ้มกว้าง
“สิ่งที่ข้าทดลองจริง ๆ คือร่างกายของเจ้า ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเจ้ามาจากคฤหาสน์สีม่วงใช่หรือไม่? สวรรค์ริษยา?”
“อ่า…”
ไป๋ชิวหรานลอบตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
“ข้าชื่นชมนัก ชื่นชมแล้ว ช่างเป็นจักรพรรดิผู้วางแผนแห่งแดนสวรรค์อย่างแท้จริง ในที่สุดฝ่าบาทก็กระทำเรื่องที่แหกกฎวิถีสวรรค์จนได้ ทั้งหมดนี้เป็นท่านที่กระทำสินะ”
“โอ้ จักรพรรดิเซียนเฝ้ามองข้ามาตลอด และยังสั่งการให้จักรพรรดิเซียนในโลกมนุษย์คอยเฝ้าระวังเป็นพิเศษ มันจึงยากที่จะทำให้ข้าหวนคืนกลับได้ ดังนั้นสามแสนปีที่ผ่านมา ข้าจึงโหยหาพลังไร้ใครเทียบของเจ้านัก และต้องการร่างกายที่ไร้ผู้ใดต้านทานในโลกนี้เพื่อสวมใส่จิตวิญญาณของตัวเองลงไป”
อิงเจา หรือ จักรพรรดิตะวันออกไท่อีกล่าวอย่างเชื่องช้า
“ความจริงแล้ว วิถีสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้ ทั้งหมดคือร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นโดยบังเอิญ ข้าถูกแช่แข็งมานานหลายแสนปี แต่สุดท้ายก็ได้รับมัน ข้าบังเอิญเจอศพที่มีลักษณะทางกายภาพคล้ายกับเจ้าในห้วงความว่างเปล่าที่ปั่นป่วน หลังจากพยายามพัฒนามันมานานหลายแสนปี ในที่สุดมันก็ประสบความสำเร็จ!”
สิ้นเสียง ในความมืดมิดมีอสูรยักษ์ปรากฏขึ้น
ภูเขาถล่มโดยไร้สัญญาณเตือน หิน และหมอกทมิฬที่ปกคลุมหุบเขาฮวายเจียงทั้งหมดก็ถูกปัดเป่าออกไปด้วยลมกระโชกอันน่าสะพรึง
แสงจากท้องฟ้าสาดส่องลงมา แต่ก็ยังคงมืดมน ไป๋ชิวหรานได้ยินเสียงครวญครางจากวิถีสวรรค์
ร่างกายของอิงเจาแตกสลายในทันที แสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมา จากนั้นแผ่นดินทั้งหมดก็สั่นสะเทือนก่อนจะปรากฏฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ไม่อาจจินตนาการถึง ยื่นออกมาปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดไว้
ทันใดนั้น ภูเขาและแม่น้ำหลายแสนลี้ก็พังทลายลง ยักษ์ตัวใหญ่ยืนขึ้นตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และปฐพี
กองทัพจักรพรรดิเซียนและเซียนอาวุโสหยางหลบหลีกอันตรายจากการล่มสลาย พวกเขาหยุดยืนในอากาศ และเห็นว่าเทพเจ้ายักษ์ยืนอยู่ระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์
“มันคือสิ่งใด…”
เขามองจากระยะไกล พร้อมพึมพำออกมาด้วยความไม่เชื่อสายตา
ด้านหน้า มีชายผู้หนึ่งซึ่งมีความสูงที่ไม่อาจทราบยืนอยู่บนพื้น ทว่าร่างกายนั้นใหญ่โตเกินไป และหลุบหายเข้าไปในก้อนเมฆ พวกเขาจึงมองเห็นเพียงแค่เข่าสองข้างเท่านั้น
“เซียนอาวุโสหยาง”
จู่ ๆ ไป๋ชิวหรานก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างของเซียนอาวุโสหยาง สิ่งนี้ทำให้เขาพลันตื่นตระหนกไม่น้อย
“ท่านคือ…”
ในใจของเขา ตัวตนของไป๋ชิวหรานชัดเจนนัก แน่นอนว่าเซียนอาวุโสหยางไม่ลังเลที่จะโค้งคำนับต่อชายหนุ่มด้วยความเคารพ
“ไม่จำเป็นต้องแสดงความสุภาพในยามนี้”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับเขา
“ข้ารู้สึกผิดแทนเจ้าน่ะ”
ท้ายที่สุดเขายกมือขึ้น และนำเซียนอาวุโสหยางพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสามพันคนของกองทัพจักรพรรดิเซียนเข้าไปในมิติที่เปิดขึ้นมา
จากนั้นไป๋ชิวหรานหันหน้ากลับมาเผชิญกับเทพเจ้ายักษ์
“ข้าไม่ได้คาดหวัง…”
จื้อเซียนที่ห้อยอยู่ตรงเอวกล่าวออกมาอย่างมีอารมณ์
“ข้าไม่คาดคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จจริง ๆ”