ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 276 หากรากฐานไม่ดี เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไร
บทที่ 276 หากรากฐานไม่ดี เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไร?
บทที่ 276 หากรากฐานไม่ดี เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไร?
เทพเจ้ายักษ์โน้มตัวลงมาจากก้อนเมฆ คราวนี้ผู้คนในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินสามารถมองเห็นใบหน้าของยักษ์ตนนี้ได้อย่างชัดเจน
ดวงตาจับจ้องไป๋ชิวหราน คลื่นเสียงจากปากของมันบดขยี้ภูเขาตรงหน้าพร้อมกับแผ่คลื่นพลังไปไกลกว่าหลายพันลี้
“ไป๋อ้ายชิง เจ้าดูสิว่าร่างกายนี้ยอดเยี่ยมหรือไม่?”
มือทั้งหลายของเทพเจ้ายักษ์ยื่นออกมาจากม่านเมฆ ก่อนจะก่อตัวเป็นผนึกต่าง ๆ… ในช่วงสามแสนปีที่ผ่านมา จักรพรรดิตะวันออกไท่อีที่นอนเฉย ๆ ได้ดูดซับพลังเวทจำนวนมากจากผู้ฝึกตนมนุษย์ และขัดเกลามันอย่างต่อเนื่อง
“สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิตะวันออกไท่อี”
ไป๋ชิวหรานประสานมือพร้อมกล่าว
“หากท่านอยู่ในร่างกายเช่นนี้ แม้แต่จักรพรรดิเซียนอู่ฟางก็ยังไม่อาจต้านทาน… ต่อให้ศิษย์ที่ไม่คู่ควรของข้ายังสามารถหยุดยั้งได้ ทว่ายังคงมีข้อสงสัยอยู่ดี ยามนี้จักรพรรดิตะวันออกไท่อีกำลังสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ของข้าอย่างแท้จริง”
“ศิษย์ของเจ้างั้นหรือ? เจ้ากล่าวถึงจักรพรรดิเซียนไป๋ลี่?”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีหัวเราะก่อนจะกล่าวต่อ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ? ไป๋อ้ายชิง ข้าคิดว่าเจ้าประเมินเขาสูงเกินไปหน่อย… ไม่ต้องกล่าวถึงศพของจักรพรรดิเซียน แม้จักรพรรดิเซียนไป๋ลี่จะเกิดใหม่อีกคราด้วยร่างกายนี้ ข้าก็ไม่คิดหวั่นเกรง”
“ศพของจักรพรรดิ? ท่านหมายถึงสิ่งใด?”
ไป๋ชิวหรานถามอย่างประหลาดใจ
“หรือว่าลี่ตายแล้ว…”
“หมายความว่าอย่างไร… ก็เดาเอาเองเถิด”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“เอาล่ะ ถึงเวลาที่ข้าจะปลิดชีพของเจ้าแล้ว ไอ้สารเลวไป๋อ้ายชิง!”
เขาเหยียดมือออกพร้อมถือตราประทับหยางบริสุทธิ์ไว้ ก่อนจะเขวี้ยงมันเข้าหาไป๋ชิวหราน
“รับไปซะ!”
ฝ่ามือของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีกว้างใหญ่ ในขณะที่เคลื่อนไหว วงล้อสีแดงก็ปรากฏขึ้นรอบฝ่ามือ มันเสียดสีกับอากาศจนเกิดประกายไฟรุนแรง ก่อนจะเกิดลมแห่งการมอดไหม้กระโชก
ทันใดนั้น ตราประทับหยางบริสุทธิ์ก็ได้ระเบิดออกมาจากระหว่างนิ้ว ฝ่ามือใหญ่จึงกลายเป็นดวงอาทิตย์ที่กำลังมอดไหม้อย่างสมบูรณ์ มันพุ่งทะยานลงสู่พื้น ความร้อนและพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใด!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานจึงหยิบตราประทับขึ้นมา ซึ่งก็คือตราประทับหยินบริสุทธิ์ ซึ่งตรงกันข้ามกับตราประทับหยางบริสุทธิ์
ปราณแก่นแท้ปรากฏขึ้น กลายเป็นพลังกัดกร่อนเย็นเยือกหลั่งไหลออกมาจากฝ่ามือ ร่างกายของไป๋ชิวหรานปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ก่อนจะแพร่กระจายความหนาวเหน็บออกไปไกลกว่าหลายพันลี้ ทั้งน้ำแข็งและหิมะปกคลุมพื้นที่รัศมีพันลี้อย่างรวดเร็ว
ร่างกายของเขากลายเป็นโลกที่หนาวเหน็บโดยสมบูรณ์ ยามนี้มันเผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์ร้อนแรงของจักรพรรดิที่อยู่เหนือเมฆ
เมื่อทั้งสองปะทะกัน โลกทั้งใบจึงต่างก็มองเห็นการต่อสู้นี้ ดวงอาทิตย์สีชาดกับดวงอาทิตย์เหมันต์ปะทะกันอย่างรุนแรง คลื่นพลังของทั้งสองกระแทกออกไปทั่วโลกในชั่วพริบตา
ดวงอาทิตย์ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ โลกทั้งใบพลันสั่นสะเทือน แม้แต่รากฐานที่ก่อเกิดขึ้นเป็นดวงอาทิตย์นี้ยังคร่ำครวญออกมาอย่างเจ็บปวด
มือของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีถูกผลักกลับไป ไป๋ชิวหรานล้มลงบนพื้น และมีหลุมขนาดใหญ่ทอดยาวหลายพันลี้ปรากฏขึ้น
เขาปีนป่ายขึ้นมาจากซากปรักหักพังก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ยามนี้เทพเจ้ายักษ์ตะวันออกไท่อีก้มศีรษะลงมามองดูเขาด้วยเช่นกัน
ทั้งสองมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นไป๋ชิวหรานจึงยกกระบี่ขึ้น ปรากฏรอยแตกด้านหน้า และชายหนุ่มใช้รอยแยกมิตินี้เข้าสู่ห้วงอวกาศ
“ฮ่า ๆ ไป๋อ้ายชิง ข้าไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเจ้าจะหนีข้า”
เมื่อเห็นเช่นนั้น จักรพรรดิตะวันออกไท่อีส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“น่าเสียดายนัก ที่วันนี้ข้าไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้!”
ท้ายที่สุด เขาก็ยื่นมือออกไปก่อนจะฉีกอากาศเปิดห้วงมิติขนาดใหญ่เช่นกัน จากนั้นจึงก้าวเข้าสู่ห้วงอวกาศตามไป
…
ในอวกาศ ไป๋ชิวหรานหายใจไม่ออก เขากำลังบินตรงไปข้างหน้า
ในการเผชิญหน้ายามนี้ เขาคิดว่าการต่อกรกับจักรพรรดิตะวันออกไท่อีไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่กลับรู้สึกว่าเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินจะไม่สามารถอดทนต่อพลังที่ปลดปล่อยมาครั้งต่อไปได้
ทางเลือกสุดท้าย เขาจึงต้องหลบหนีเข้ามาในห้วงมิติ ก่อนจะบังคับให้จักรพรรดิตะวันออกไท่อีตามมาต่อสู้กันภายในนี้
อวกาศนอกโลกเป็นเรื่องที่อันตราย แม้แต่จักรพรรดิเซียนยังไม่กล้าคิดว่าจะปลอดภัย ทั้งพายุและกระแสน้ำทั้งหมดล้วนน่าสะพรึงยิ่ง บางครั้งแม่น้ำแห่งความว่างเปล่านี้สามารถทำลายล้างโลกได้!
อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่ก่อกวนไป๋ชิวหรานไม่ใช่อันตรายที่ซุกซ่อน แต่เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้ว่างเปล่า และทำให้ไม่มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใด
หากต้องการตรงเข้าไปในความว่างเปล่าและไปให้ไกล เขาจะต้องบินไปด้วยตนเอง ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ไป๋ชิวหรานยังไม่ออกไปต่างโลกเพื่อหาวิธีทะลวงการสร้างรากฐาน
โชคดีที่ยามนี้เขามีลมปราณธาตุ และดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เจียงหลานผู้เป็นภรรยาขอให้จินวูสร้างให้ เช่นนี้จึงทำให้ไป๋ชิวหรานสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในความว่างเปล่านี้
ท่ามกลางพายุของพลังงานที่ปั่นป่วนในความว่างเปล่า เขายังคงพุ่งตรงไปด้านหน้าและมาถึงความว่างเปล่ากว้างใหญ่ที่ไม่มีดาวดวงใดใกล้เคียง ด้านหลังมีคลื่นพลังรุนแรงกำลังพุ่งทะยานเข้ามา มันคือจักรพรรดิตะวันออกไท่อีที่กำลังแบกพลังไร้เทียมทานติดตามเขามาอย่างไม่ลดละ
“ไป๋อ้ายชิง เจ้าคิดจะหนีไปไหน?”
เขาหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือทั้งหลายออกมา ทั้งหมัด และกรงเล็บทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวคือไป๋ชิวหราน!
ชายหนุ่มเหยียดมือออกเพื่อตั้งรับ ในความว่างเปล่า หมัดเงานับไม่ถ้วนปะทะกันจนเกิดแรงกระแทกรุนแรงภายในห้วงแห่งความว่างเปล่า
หลังจากไม่กี่อึดใจ ไป๋ชิวหรานกับไท่อีต่างถอยกลับ ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้น มีรอยแตกบนฝ่ามือพร้อมโลหิตหลั่งออกมา อย่างไรก็ตาม ครู่ถัดมาวิชาหลอมร่างกายก็ถูกเปิดใช้งาน บาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติในทันตา
เขาเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิตะวันออกไท่อี และเห็นว่าแขนของอีกฝ่ายมีบาดแผลเช่นกัน แต่เพียงแค่อีกฝ่ายหายใจเข้าออกเล็กน้อย บาดแผลทั้งหมดของเทพเจ้ายักษ์ก็พลันหายเป็นปกติด้วยเช่นกัน
“ไป๋อ้ายชิง เจ้าไม่อาจทำลายข้าได้ เพราะข้ามีความสามารถในการฟื้นฟูเช่นเดียวกับเจ้า”
เมื่อเห็นการจับจ้องของไป๋ชิวหราน จักรพรรดิตะวันออกไท่อีจึงเปล่งเสียงหัวเราะ
“นับตั้งแต่ที่ข้าบอกเจ้าว่าร่างกายนี้สมบูรณ์แบบ เช่นนั้นจึงใช้ความสามารถทั้งหมดของเจ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นพลังในคฤหาสน์สีม่วงที่ไร้ขีดจำกัด การฟื้นฟู หรือความสามารถทั้งหมด ข้าก็ได้รับมันแล้ว!”
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่อาจเอาชนะได้ ฝ่าบาท…”
ชายหนุ่มลอบเกาศีรษะ
“เมื่อคู่ต่อสู้มีความสามารถเทียบเท่ากัน แต่ถึงอย่างไรเสียความเชี่ยวชาญของข้าย่อมสูงกว่า”
“ไป๋อ้ายชิง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่ฝึกฝนมันงั้นหรือ?”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีกล่าวอย่างภาคภูมิ
“ร่างกายของข้า บนรากฐานการฝึกฝนของเจ้า ทั้งหมดได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากคฤหาสน์ม่วงพิเศษ และยังมีพลังปราณแก่นแท้”
“โอ้? เสริมความแข็งแกร่งของคฤหาสน์สีม่วงและพลังปราณแก่นแท้?”
ดวงตาของไป๋ชิวหรานเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขารีบกล่าวชื่นชม
“ข้าสงสัยว่าฝ่าบาทสามารถผ่านพ้นขั้นสร้างรากฐานสำเร็จแล้วหรือ?”
“รากฐาน? เจ้ากำลังกล่าวถึงการควบรวมพลังพิเศษในร่างกายให้เป็นปราณแก่นแท้ของผู้ฝึกตนงั้นหรือ?”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีหัวเราะก่อนจะกล่าวต่อ
“ไป๋อ้ายชิง เจ้าชอบกล่าวเรื่องไร้สาระเสียจริง ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง หรือพลังเหนือธรรมชาติของเจ้า มันย่อมสูงกว่าพลังปราณแก่นแท้ของผู้ฝึกตนมากจนไม่อาจเทียบ หากข้าต้องมานั่งควบรวมพลังแล้วสร้างรากฐานมันจะไม่เสียเวลางั้นหรือ?”
“โอ้ น่าผิดหวังไม่น้อย ข้าคิดว่าความคิดของฝ่าบาทน่าจะมีอะไรที่มหัศจรรย์ และสามารถช่วยพัฒนาขั้นการฝึกฝนของข้าได้… น่าเสียดาย”
ไป๋ชิวหรานถอนหายใจ ก่อนจะมองจักรพรรดิตะวันออกไท่อีอย่างรังเกียจ
“ท่านยังไม่ผ่านขั้นสร้างรากฐาน แล้วเช่นนั้นจะมีประโยชน์ใด? ก็เป็นเพียงขยะ กลับบ้านเก่าไปซะ!”