ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 279 ผู้กล้าขัดแข้งขัดขา
บทที่ 279 ผู้กล้าขัดแข้งขัดขา
บทที่ 279 ผู้กล้าขัดแข้งขัดขา
“เรื่องนั้น…”
ผู้ฝึกตนเหล่านั้นมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะกล่าวตอบ
“พวกข้าไม่ทราบ ที่นี่มิใช่แดนเซียนหรอกหรือ?”
“แดนเซียน?”
ไป๋ชิวหรานมองผู้ฝึกตนที่แตกต่างกันเหล่านี้พร้อมขมวดคิ้วเป็นร่องลึก
“พวกเจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่บรรลุขั้นมหายาน แล้วเกี่ยวอะไรกับแดนเซียน? เป็นผู้ฝึกตนบนโลกเช่นเดียวกับข้างั้นหรือ?”
“เรื่องนั้น…”
เมื่อได้ยินคำพูดไป๋ชิวหราน ผู้ฝึกตนเหล่านั้นพลันสับสน และเค้นเสียงกล่าวถาม
“ผู้ทรงเกียรติ แดนเซียนไม่จำเป็นต้องทดสอบขั้นการฝึกฝน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับโชคชะตา และเมื่อโชคชะตานำพา ก็จะสามารถเป็นเซียนได้มิใช่หรือ?”
“ผู้ใดบอกกล่าวพวกเจ้าเช่นนี้?”
ไป๋ชิวหรานถาม
“การจะเข้าสู่แดนเซียนขึ้นอยู่กับขั้นการฝึกฝนทั้งสิ้น มิฉะนั้นหากขั้นการฝึกฝนไม่เพียงพอ พวกเจ้าจะใช้สิ่งใดสำหรับชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขในแดนเซียน?”
“นี่คือสิ่งสำคัญ หลังจากเข้าสู่ขั้นเซียนแล้ว แน่นอนว่าทุกสิ่งจะถูกแดนเซียนควบคุม…”
“แล้วพวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
ไป๋ชิวหรานนั่งลงบนก้อนหิน ก่อนจะยกขาไขว่ห้าง
ผู้ฝึกตนทั้งหมดมองหน้ากัน เหล่าผู้ฝึกตนในขั้นผสานร่างถึงกับเริ่มเกาศีรษะ
“ระหว่างทางในแดนเซียน จู่ ๆ พวกข้าพลันรู้สึกมึนงง และสายตาก็พร่ามัว เมื่อตื่นขึ้นจึงทราบว่าอยู่ที่นี่แล้ว”
“ไม่เป็นไร”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเหล่าเซียนตรงหน้าอีกครา
“ผู้ฝึกตนจะไม่ทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร? พวกเจ้าทั้งหมดเป็นเซียนมิใช่หรือ”
“กล่าวกับผู้ทรงเกียรติ”
หลังจากที่เหล่าเซียนทั้งหมดลังเล พวกเขาจึงตอบกลับว่า
“พวกเราถูกย้ายมาจากคุกสวรรค์”
“หืม?”
ไป๋ชิวหรานเลิกคิ้ว
“พวกเจ้าเป็นนักโทษ?”
ข้อมูลทั้งหมดของคุกสวรรค์มีอยู่ในยมโลก ผู้คนไม่สามารถอาศัยอยู่รวมกันโดยไร้กฎเกณฑ์ แน่นอนว่าในแดนเซียนก็มีกฎด้วยเช่นกัน คุกสวรรค์เป็นสถานที่ที่เหล่าเซียนใช้เพื่อคุมขังนักโทษ แต่ไม่ใช่เหล่าเซียนทุกคนที่ก่อการร้ายจะถูกคุมขังในคุกสวรรค์
โดยปกติแล้ว ผู้ที่เข้าสู่คุกสวรรค์ได้จะไม่ได้รับพลังเซียนเมื่ออยู่ในนั้น อีกทั้งยังไม่สามารถกล่าวคำใด ๆ ได้
หากเซียนเหล่านี้เป็นนักโทษชั่วร้ายภายในคุกสวรรค์ ไป๋ชิวหรานต้องคิดว่าควรจะจัดการพวกเขาอย่างไร
เมื่อเห็นสีหน้าของไป๋ชิวหราน เหล่าเซียนทั้งหมดก็เข้าใจสิ่งที่เขากำลังคิด พร้อมกล่าวเสริมในทันที
“ท่านผู้ทรงเกียรติเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ได้ถูกจับเข้าคุกเพราะก่อเรื่องร้ายแรง”
“แล้วเพราะเหตุใด?”
“ข้าวิพากษ์วิจารณ์กฎใหม่ของจักรพรรดิชิงในแดนเซียน”
“ข้าฉีดโอสถเพิ่มความใคร่ให้กับหลานชายของทูตฝ่ายซ้ายของจักรพรรดิชิงต่อหน้าธารกำนัล”
“ข้า… ข้ารับสินบนเรื่องรายงานการฉ้อโกงของอวี้ทิงเวย”
เหล่าเซียนทั้งหมดมองหน้ากัน เหตุผลของพวกเขาแตกต่างกันออกไป แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะใกล้ชิดกับจักรพรรดิชิงไม่น้อย
“กลายเป็นกลุ่มผู้กล้า”
ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นประสานอย่างสุภาพ
นี่ไม่ใช่การประชดประชัน ในความคิดของเขา การเรียกขานคนกล้าหาญเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เกินจริง เพราะสิ่งที่พวกเขาทำคือการตัดแข้งตัดขาเหล่าสมุนจักรพรรดิชิง
และผู้ที่กล้าหาญเท่านั้นที่จะกระทำเรื่องเช่นนี้ ในความคิดของไป๋ชิวหรานอาจจะไม่ได้ถูกเรียกว่าวีรบุรุษ เช่นนั้นจึงเรียกคนเหล่านี้ว่าผู้กล้า
ชายหนุ่มถามอีกครา เหล่าเซียนทั้งหมดรู้สึกสับสน พวกเขาถูกตัดสินจำคุก และกำลังจะเดินทางไปคุกสวรรค์ แต่กลับถูกพามาที่นี่ และเกือบจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ให้กับเผ่ามาร…
“เจ้าช่วยข้าดูแลพวกเขาที่นี่”
ไป๋ชิวหรานออกคำสั่งกับจ้าวเทียนจ้งก่อนจะจากไป
เขาพบดินแดนรกร้างในอีกสถานที่ จากนั้นใช้มือฉีกห้วงมิติพร้อมกับปลดปล่อยเซียนอาวุโสหยางออกมาจากห้วงอวกาศ
“ผู้อาวุโส”
ทันทีที่ได้รับการปล่อยตัว เซียนอาวุโสหยางก็รีบทำความเคารพไป๋ชิวหราน
“ผู้อาวุโสจัดการจักรพรรดิตะวันออกไท่อีแล้วใช่หรือไม่?”
“อืม”
ไป๋ชิวหรานรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ก็แค่ขยะ ไร้ซึ่งประโยชน์”
กล่าวตามตรง หากมองในด้านความแข็งแกร่งของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีแล้ว นี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบเจอในชั่วชีวิตนี้
เทพเจ้ายักษ์ตนนั้นจำลองร่างกายของเขาขึ้นมาด้วยวิธีการคิดเองเออเอง
ทว่าทั้งสองกลับมีมุมมองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเกี่ยวกับเรื่องของพลัง ทางจักรพรรดิตะวันออกไท่อีเชื่อว่าพลังคือการกักเก็บพลังไว้ในร่างกายให้มากที่สุด ส่วนไป๋ชิวหรานคือการสร้างรากฐานให้มั่นคงที่สุด
ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นไปได้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดเรื่องขั้นรากฐานแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เขายังรื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไป๋ชิวหรานที่ควบแน่นเป็นพลังวิญญาณที่แท้จริงแล้วค่อยฟื้นฟูเป็นพลังปราณแก่นแท้
สิ่งนี้ทำให้ไป๋ชิวหรานรู้สึกขุ่นเคืองยิ่ง เมื่อได้ยินว่าจักรพรรดิตะวันออกไท่อีปรับปรุงคฤหาสน์สีม่วงเป็นพิเศษ เขายังคงลอบคาดหวังว่ามันจะมีประโยชน์ต่อการสร้างรากฐานของตนหรือไม่
อย่างไรแล้ว เซียนอาวุโสหยางกลับไม่เข้าใจความเจ็บปวดของไป๋ชิวหราน หลังจากได้ยินว่าจักรพรรดิเซียนตะวันออกไท่อีถูกจัดการลงแล้ว ชายชราจึงยิ้มออกมาอย่างยินดีพร้อมประสานมือให้ไป๋ชิวหราน
“พลังของผู้อาวุโสช่างไร้เทียมทานหาผู้ใดเทียบ สมควรแล้วที่เป็นท่าน!”
“หมายความว่าอย่างไร?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วพร้อมกล่าวถาม
“เซียนอาวุโสหยาง ทราบหรือไม่ว่าสกุลของข้าคืออะไร?”
“แม้ข้าจะไม่รู้จักสกุลของผู้อาวุโส แต่ตราบใดที่ประจักษ์ว่าพลังของผู้อาวุโสเหนือกว่า ข้าย่อมคิดว่าตัวตนของผู้อาวุโสคงจะ…”
“เอาล่ะ พอแล้ว หยุดก่อน”
ไป๋ชิวหรานจับไหล่ของอีกฝ่าย พร้อมจ้องมองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วถามว่า
“สัญญากับข้า อย่าทำตัวเป็นหมาเลียรองเท้า ได้หรือไม่?”
“โอ้ ขอรับ!”
เซียนอาวุโสหยางพยักหน้าอย่างเชื่องช้า
“มาคุยเรื่องของเราดีกว่า”
ไป๋ชิวหรานดีดนิ้วเป๊าะ
“เจ้าคงจะเป็นเซียนที่ใกล้ชิดจักรพรรดิชิงใช่หรือไม่? ลองมองรอบ ๆ กาย เจ้ารู้สึกประทับใจต่อสิ่งเหล่านี้บ้างหรือไม่?”
เซียนอาวุโสหยางมองถังรองบ่มเพาะที่เต็มไปด้วยของเหลวสีม่วง แววตาฉายชัดถึงความว่างเปล่า
“ข้าทราบเพียงว่าฝ่าบาททำข้อตกลงกับจักรพรรดิตะวันออกไท่อี ถังรองบ่มเพาะเหล่านี้คือสถานที่เพาะพันธุ์เผ่ามารใช่หรือไม่? มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้งั้นหรือ?”
“เผ่ามารที่นี่ล้วนแต่เป็นกาฝาก”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“พวกเขาสร้างอสูรขึ้นโดยใช้ปรสิตเข้าสู่ร่างกายผู้ฝึกตนหรือเหล่าเซียนจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรา”
“ปรสิต… หยาบช้าเกินไปแล้ว”
เซียนอาวุโสหยางกล่าวอย่างตกตะลึง
“ในโลกนี้ จำนวนของอสูรเป็นข้อได้เปรียบในหมู่ผู้ฝึกตน เหตุใดพวกมันถึงวิวัฒนาการได้ไม่คุ้มค่าเช่นนี้? ผู้ฝึกตนกับเหล่าเซียนจำนวนมากถูกพามาจากที่ใดกัน?”
“นั่นคือคำถามที่ข้าจะถามเจ้า”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“ข้าช่วยเหลือเหล่าเซียนกับผู้ฝึกตนที่กำลังจะถูกปรสิตของเหล่าทวยเทพกลืนกิน ตามที่พวกเขากล่าวอ้าง ผู้ฝึกตนมาที่นี่เพื่อจะเข้าสู่ขั้นเซียน ในขณะที่เหล่าเซียนเป็นผู้ที่ทำผิดต่อจักรพรรดิชิง และพรรคพวก… เซียนอาวุโสหยาง เจ้ามีข่าวสารของเรื่องเหล่านี้หรือไม่?”
“เรื่องนี้… ข่าวที่ข้าได้รับมาคือพวกเขาจะถูกส่งตัวไปยังดินแดนด้านนอก เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพป้องกันศัตรูจากความว่างเปล่า…”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เซียนอาวุโสหยางจึงกล่าวต่อ
“กลายเป็นว่าทั้งหมดถูกส่งตัวมาที่นี่ และถือว่าเป็นสินค้าให้กับจักรพรรดิตะวันออกไท่อี”
“หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าคงจะเป็นหนึ่งในสินค้าด้วยเช่นกัน”
ไป๋ชิวหรานกล่าวเย้ย
“ยามนี้ เจ้าคงจะไม่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิชิงแล้ว?”
เซียนอาวุโสหยางส่ายศีรษะ
“ข้าไม่มีวันกลับไปที่นั่นอีกแล้ว”
“เช่นนั้นบอกกล่าวกับข้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิชิงให้หมดเสีย”
ไป๋ชิวหรานกล่าวเสียงดุดัน