ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 285 ข้าคิดว่าเจ้าคงยังไม่เห็นสิ่งที่เท่าเทียมระหว่างบุรุษและสตรี
- Home
- ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี
- บทที่ 285 ข้าคิดว่าเจ้าคงยังไม่เห็นสิ่งที่เท่าเทียมระหว่างบุรุษและสตรี
บทที่ 285 ข้าคิดว่าเจ้าคงยังไม่เห็นสิ่งที่เท่าเทียมระหว่างบุรุษและสตรี
บทที่ 285 ข้าคิดว่าเจ้าคงยังไม่เห็นสิ่งที่เท่าเทียมระหว่างบุรุษและสตรี
“ท่านอาจารย์ต้องการมุ่งสู่แดนเซียนงั้นหรือ?”
เซียนหงเฉินได้ยินคำถามของไป๋ชิวหรานจึงตอบกลับ
“แล้วเหตุใดจู่ ๆ ท่านถึงอยากไปที่แดนเซียนในเวลานี้?”
“เพราะข้าได้รับข่าวสารบางอย่างที่น่าสนใจจากสหายเก่า”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวถาม
“ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า… เจ้าพบอาจารย์ครั้งสุดท้ายเมื่อใด?”
“สักหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว”
เซียนหงเฉินคิดก่อนจะกล่าวตอบ
“อย่างไรก็ยังไม่ถึงแสนปี”
ไป๋ชิวหรานก้มศีรษะพร้อมคำนวณในใจ ดูเหมือนว่าเวลานั้นราชวงศ์ชิงตะวันออกจะยังคงอยู่บนโลก
เขาจึงกล่าวถามอีกครั้ง
“เจ้าเห็นอาจารย์ของเจ้าหรือไม่? เขาเป็นอย่างไร สุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่?”
“แน่นอนว่าเขาแข็งแรง”
เซียนหงเฉินกล่าวพร้อมแสดงท่าทีประหลาด
“อาจารย์อยู่ในแคว้นหงเทียนแล้ว และเวลานั้นเขาแนะนำบางสิ่งให้กับข้าสองสามอย่าง”
“หลังจากนั้นเจ้าติดต่ออาจารย์ได้หรือไม่?”
“ข้าสื่อสารกับเขาด้วยเวทส่งเสียงเท่านั้น แล้วเมื่อสามพันปีที่แล้ว อาจารย์สั่งให้ข้ามาปกป้องท่าน”
เซียนหงเฉินกล่าวตอบอย่างสัตย์ซื่อ
“เอาล่ะ”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะพร้อมถอนหายใจยาว เมื่อเห็นเช่นนี้เซียนหงเฉินรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เขาไม่ทราบ
“อาจารย์ เกิดสิ่งใดขึ้น?”
เขารีบถาม
“อ่า…”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะก่อนจะกล่าว
“อาจารย์ของเจ้าอาจจะตายตกไปแล้ว”
“หืม?”
เซียนหงเฉินเบิกตากว้างพร้อมใบหน้าซีดขาวด้วยความตื่นตระหนก
“ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบร้อน”
ไป๋ชิวหรานรีบร้องห้าม
“ข้าเพียงแค่คาดเดาสถานการณ์ในยามนี้… ข้าสมควรขึ้นไปดูเขาสักหน่อยไม่ใช่หรือ? บอกข้าทีว่าจะไปแดนเซียนได้อย่างไร”
“โอ้ แดนเซียน”
เซียนหงเฉินเหลือบมองไป๋ชิวหรานก่อนจะตอบกลับ
“มันน่าจะยากลำบากสักหน่อย หากท่านอาจารย์ต้องการไปที่แดนอมตะในยามนี้”
“เพราะเหตุใด?”
ไป๋ชิวหรานถาม
“ต้องผ่านการทดสอบก่อนงั้นหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว เพราะแดนเซียนมีลิ่วล้อมากมาย และมักจะมีสิ่งต่าง ๆ จากโลกอื่นมาสร้างความปั่นป่วนในอวกาศ หรือสร้างกระแสพายุแห่งความว่างเปล่าในนั้น และบางสิ่งยังสร้างปัญหาให้กับเหล่าเซียนมากด้วย”
เซียนหงเฉินตอบกลับ
“ดังนั้น นอกแดนสวรรค์ทั้งห้าทิศแล้ว มีชั้นอากาศที่ท่านอาจารย์สร้างขึ้นที่รวบรวมเหล่าเซียนนับพันในเวลานั้น มันถูกใช้เป็นค่ายอาคมพิเศษเพื่อปิดกั้นสิ่งที่ผ่านไปมา หากไม่ผ่านการตรวจสอบ ท่านจะไม่อาจเข้าไปโดยวิธีปกติได้ แน่นอนว่า… ค่ายอาคมจะไม่สามารถหยุดท่านได้ ทว่าศิษย์ขอแนะนำว่าอย่าได้ทำลายสิ่งเหล่านั้นตามอำเภอใจ”
“…หากข้าต้องการใบรับรองต้องทำเช่นไร?”
ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม
“มีสองวิธี ประการแรกคือ…”
เซียนหงเฉินเหลือบมองไป๋ชิวหรานอย่างระมัดระวัง
“ท่านอาจารย์ฝึกฝนตนจนเข้าสู่ขั้นมหายานแล้วจึงบินขึ้นไป”
“แล้วประการที่สองล่ะ?”
ไป๋ชิวหรานถามอย่างไม่คิด
“ประการที่สอง”
เซียนหงเฉินกล่าวกระซิบกับไป๋ชิวหราน
“ข้าไม่ทราบว่าท่านอาจารย์เคยได้ยินประโยคเช่นนี้หรือไม่ มีคนหนึ่งที่รู้แจ้ง…”
“ไก่พาหมาขึ้นสวรรค์ ข้าทราบแล้ว”
ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“หืม? เป็นไปได้หรือไม่ที่คนอื่นจะพาข้าขึ้นไป เมื่อพวกเขาขึ้นไปที่นั่น?”
“ย่อมเป็นไปได้”
เซียนหงเฉินกล่าวตอบ
“ตราบใดที่สามารถวางกายหยาบไว้ในมิติของท่าน หรือไม่ว่าจะนำสิ่งใดมาด้วย… แดนเซียนจะถือว่าทั้งหมดคือของใช้ส่วนตัว ศิษย์เพิ่งทราบวิธีเช่นนี้ สรุปได้ว่าท่านอาจารย์เพียงหาคนที่สามารถบินขึ้นสู่แดนเซียนได้ แล้วให้ศิษย์สอนวิธีการนั้นแก่เขา”
“เข้าใจแล้ว”
ชายหนุ่มพยักหน้า
โลกแห่งการฝึกฝนตนให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ และมีผู้ฝึกตนไม่กี่คนที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ และไป๋ชิวหรานก็รู้จักคนเหล่านั้นทั้งหมด
“เอ่อ… ข้า”
ในเวลานี้ ถังรั่วเวยที่เงียบอยู่นานกล่าวขัดจังหวะ
“ท่านหมายความว่าอย่างไร อาจารย์ ท่านต้องการไปแดนเซียนงั้นหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ
“ศิษย์ของข้าประสบปัญหา เช่นนี้ข้าถึงต้องไป”
“แล้วข้า?”
ถังรั่วเวยกล่าวถาม
“กระดูกที่ทรวงอกของข้า… ข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีท่าน”
เมื่อเซียนหงเฉินได้ยินเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะหันมองถังรั่วเวย
อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานกลับไร้ซึ่งสติ เขาตอบกลับอย่างสบาย ๆ
“ก็ไปด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“แต่นั่นมันแดนเซียน!”
ถังรั่วเวยเบิกตากว้างพร้อมตะโกน
“ขั้นต่ำที่สุดของสถานที่แห่งนั้นคือขั้นเซียน ท่านจะให้ข้าไปที่นั่นในฐานะผู้ฝึกฝนตนขั้นปฐมวิญญาณได้อย่างไร? ช่วยนึกถึงความรู้สึกของศิษย์บ้างได้หรือไม่?”
“แล้วมันแปลกอย่างไร?”
ไป๋ชิวหรานกล่าวเย้ยหยัน
“พวกเจ้าเป็นคนหนุ่มสาวหน้าซื่อใจคด มองดูอาจารย์ของเจ้าที่อยู่ในขั้นกลั่นลมปราณเถิด เจ้าอยู่ในโลกฝึกฝนตนมากี่ปีแล้ว?”
“แต่ข้าไม่เหมือนกับท่าน”
ถังรั่วเวยกล่าวด้วยความขุ่นเคือง
“ข้าไม่เหมือนผู้ใด ข้าไม่สามารถเข้าสู่ขั้นกลั่นลมปราณในชั่วชีวิตของข้าได้”
ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นเขกมะเหงกที่ศีรษะของหญิงสาว ก่อนจะกล่าวเสียงดังท่ามกลางความเจ็บปวดของถังรั่วเวย
“เจ้าเป็นใคร? ข้าเป็นใคร? ข้าบอกเจ้าแล้วหรือไม่ว่าข้าอยู่ในขั้นรากฐานเสมือนแล้ว… เป็นไปได้อย่างไรที่คนผู้นี้จะไม่สามารถสั่งสอนเจ้าได้!”
“ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
เซียนหงเฉินพยักหน้าก่อนจะกล่าวขัดจังหวะ
“เช่นนั้น… ท่านอาจารย์ หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ศิษย์…”
“เจ้าไปจัดการเรื่องของตนเองก่อน”
ไป๋ชิวหรานโบกมือ
“ขอรับ”
เซียนหงเฉินโค้งคำนับพร้อมกล่าวว่า
“หากท่านอาจารย์พบคนผู้นั้นแล้ว เพียงแค่พาเขาไปพบกับศิษย์ผู้นี้ แล้วศิษย์จะสอนพลังเหนือธรรมชาติกระบวนท่าบิดเบือนมิติให้กับเขาทันที”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า และทันทีที่เซียนหงเฉินออกไปจากที่นั่น ถังรั่วเวยก็ยกมือขึ้นจับศีรษะเอาไว้พร้อมกล่าวถาม
“ท่านอาจารย์ ท่านจะขอให้ผู้ใดพาพวกเราไปที่นั่น ซู… นายหญิงรองงั้นหรือ?”
“เหตุใดเจ้าถึงนึกถึงเซียงเสวี่ย?”
ไป๋ชิวหรานมองนางอย่างแปลกใจ
“เจ้าคิดว่าแดนเซียนน่ะ ปลอดภัยหรือไม่? หากไปคราวนี้มีโอกาสถึงเก้าในสิบที่จะได้ร่วมเพศกับคนที่แดนเซียน แล้วเหตุใดข้าต้องพาสตรีของตนเองไปด้วย? ข้าไม่จำเป็นต้องเพิ่มภาระการป้องกันให้กับตนเอง”
“โอ้ ท่านคิดเช่นนี้”
ถังรั่วเวยตกตะลึง
“แล้วท่านจะไปหาผู้ใด?”
“เป็นหวงฝู่เฟิงของสำนักอสูรสวรรค์ อสูรตนนี้อยู่ในโลกมากว่าร้อยปี และยังมีผู้ฝึกตนเต๋าจู๋เฟิงแห่งสำนักกระบี่ชิงหมิงด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาควรจะไปพบปู่ของตนเองที่อยู่บนแดนเซียนได้แล้ว”
ไป๋ชิวหรานแตะคางพร้อมกล่าว
“แต่อย่าเพิ่งส่งเสียงดัง”
ถังรั่วเวยพึมพำ
“ยังไม่นับเรื่องที่ผู้อาวุโสจู๋เฟิงกับผู้เฒ่าหวงฝู่เป็นอาวุโสสูงสุดของสำนักอสูรสวรรค์ ท่านใช้คมกระบี่ของห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมเพื่อสังหารผู้ทรงพลังในพันธมิตรฝ่ายมาร ท่านคิดว่าเขาจะยอมช่วยเหลือจริงหรือ?”
“โอ้ สาวน้อยโง่เขลารั่วเวย ในฐานะอาจารย์ วันนี้ข้าจะบอกความจริงแก่เจ้า”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะก่อนจะกล่าวว่า
“ในโลกของผู้ฝึกฝนตน กำปั้นคือคำพูดสุดท้ายโดยเฉพาะกับพวกที่อยู่ในพันธมิตรฝ่ายมาร”
“ท่านคิดจะใช้กำลังบีบบังคับผู้อื่น นี่คือการข่มเหงรังแกผู้อ่อนแอ”
ถังรั่วเวยกล่าว
“ไม่ แม้ข้าจะไม่บังคับหวงฝู่เฟิงให้ไป มันก็ง่ายดายที่จะหลอกล่อให้เขาบินขึ้นไป”
ไป๋ชิวหรานส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า
“บุรุษผู้นั้นมีฝีมือในการต่อสู้และยังดื่มได้เก่งกาจ บนแดนเซียนเต็มไปด้วยสุราชั้นเลิศและผู้คนที่แข็งแกร่ง หากเราเพียงแค่กล่าวพูดคุยกับเขาเล็กน้อย เขาจะรีบวิ่งตามข้าขึ้นไปโดยไม่รั้งรอ”
“แค่คำพูด ผู้ใดก็คงกล่าวได้ง่าย”
ถังรั่วเวยหัวเราะเยาะ
“ท่านกล่าวราวกับว่าตนเองสามารถเข้าสู่แดนเซียนได้อย่างง่ายดาย”
“เจ้านี่มัน!”
ไป๋ชิวหรานโกรธจัด ก่อนจะคว้าตัวถังรั่วเวยนั่งบนตักและตีก้นของนางหลายสิบครั้ง
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เคยเห็นสิ่งที่เรียกว่าความเท่าเทียมระหว่างบุรุษกับสตรี!”