ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 288 แม่นางหลีมีพรสวรรค์โง่เขลา
บทที่ 288 แม่นางหลีมีพรสวรรค์โง่เขลา
บทที่ 288 แม่นางหลีมีพรสวรรค์โง่เขลา
“หลานเอ๋อ”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เจียงหลานที่จดจ่ออยู่กับการอ่านตำราก็พลันตกตะลึง จากนั้นเงยหน้าขึ้นและเห็นร่างจักรพรรดิภูตผีอยู่ตรงหน้า
“ชิว… ฝ่าบาท”
เจียงหลานรีบเปลี่ยนคำเรียกขานอย่างรวดเร็ว
“มีสิ่งใดผิดปกติถึงมาพบข้าเช่นนี้?”
ในเวลาเดียวกัน นางยกมือเรียวพลิกหน้าตำราเบา ๆ หมึกบนตำราพุ่งออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าสู่มิติเล็ก ๆ ที่มืดมิด
จักรพรรดิภูตผีพยักหน้า
“ข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่า ข้ากำลังจะเข้าสู่แดนเซียน”
“ไปแดนเซียนงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงหลานวางตำราในมือลงพร้อมกะพริบตาถี่
“งั้นหรือ ว่าแต่ท่านให้ผู้ใดช่วยเหลือกันล่ะ?”
ดูเหมือนว่าเจียงหลานเข้าใจถึงการป้องกันของเส้นทางสู่แดนเซียน
“ข้าขอให้จิ่นเหยาพาข้าไปที่นั่น และหากการฝึกฝนของรั่วเวยผิดพลาด นางจึงต้องไปกับข้าด้วย”
จักรพรรดิภูตผีกล่าวตอบ
“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เพราะเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินเผชิญหน้ากับหายนะจากเผ่ามาร แม้หวงฝู่เฟิง หรือจู๋เฟิงต้องการที่จะขึ้นไป ทว่าทำได้เพียงอดทน แม้แต่เซียงเสวี่ยยังไม่อาจไปได้เช่นกัน”
“เป็นเช่นนั้น”
เจียงหลานพยักหน้าอย่างไม่สนใจการเดินทางของไป๋ชิวหรานกับสตรีอื่น
“แดนเซียนไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก ท่านต้องใส่ใจในความปลอดภัยของทั้งสองให้มาก”
“ข้าทราบแล้ว”
“นอกจากนั้น…”
หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เจียงหลานจึงกล่าวต่อ
“การเดินทางครั้งนี้ ท่านต้องไปที่แดนเซียนกลางใช่หรือไม่? เช่นนั้นสามารถช่วยพาข้าไปพบท่านป้าซีเหอและอีกาสามขาเพื่อนำสิ่งของไปให้กับพวกนาง แล้วข้าจะให้หลินรุ่ยเตรียมทุกสิ่งไว้ให้ ท่านสามารถไปรับมันได้ที่วิหารฝูซาง”
“ซีเหอกับอีกาสามขาอยู่ที่แดนเซียนกลางงั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานในร่างจักรพรรดิภูตผีกล่าวถาม
“ถูกต้องแล้ว”
เจียงหลานตอบกลับ
“ท่านป้าซีเหอกำลังจะวางมือในแดนเซียนกลาง และอีกาสามขาที่คอยดูแลการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ซึ่งตำแหน่งนี้มีเพียงแดนเซียนกลางเท่านั้นที่ได้ครอบครอง”
“ดูเหมือนว่า… แดนเซียนกลางและแดนเซียนทั้งสี่ทิศจะปิดสนิทแล้ว”
จักรพรรดิภูตผีขมวดคิ้ว
“ข้าก็ไม่มั่นใจนัก”
เจียงหลานส่ายศีรษะ
“ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้พบกับท่านป้าซีเหอและอีกาสามขาคือเมื่อหลายหมื่นปีก่อน หลานเอ๋อไม่ได้พบกับทั้งสองตั้งแต่พวกเขาเข้าสู่แดนเซียน”
“เอาล่ะ ข้าจะไปส่งมอบสิ่งของนี้ให้เจ้า”
จักรพรรดิภูตผีสัมผัสเรือนผมของเจียงหลานแผ่วเบา
“จากนี้ข้าคงต้องทำงานอย่างหนัก และภายหลังจากกลับจากแดนเซียน ข้าจะมารับเจ้า”
“อืม”
…
หลังจากกลับมาที่วิหารฝูซางและรับของกำนัลที่เจียงหลานคิดมอบให้ซีเหอและอีกาสามขาจากหลินรุ่ยแล้ว ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยก็กลับไปหาหลีจิ่นเหยาที่กำลังเรียนรู้พลังเหนือธรรมชาติจากเซียนหงเฉิน
เขาใช้เวลากว่าหนึ่งเดือนในการเดินทางไปกลับ แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะเรียนรู้กระบวนท่าบิดเบือนมิติ ทว่าสำหรับหลีจิ่นเหยาที่อยู่ในร่างอสูรสวรรค์แล้ว หนึ่งเดือนเป็นเวลาที่มากเกินพอ
ทั้งไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยต่างมั่นใจในพลังของหลีจิ่นเหยา แต่ทันทีที่มาถึง เขาเห็นเซียนหงเฉินขมวดคิ้วเดินออกมาต้อนรับ
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ผู้นี้ช่างไร้ประโยชน์…”
“ประเดี๋ยวก่อน เกิดสิ่งใดขึ้น?”
เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย ไป๋ชิวหรานจึงรีบกล่าวถาม
“เกิดอะไรขึ้นกับจิ่นเหยา?”
“ข้าสบายดี”
ครู่ถัดมา หลีจิ่นเหยาเดินออกจากป่าไผ่ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินมาหยุดยืนเคียงข้างเซียนหงเฉิน
ชายหนุ่มมองนางและพบว่าสตรีผู้นี้ยังไม่สูญเสียแขนหรือขาไป เขาจึงหันมองเซียนหงเฉินพร้อมถามด้วยความประหลาดใจ
“แล้วที่ท่านกล่าวว่าศิษย์ไร้ประโยชน์หมายความว่าอย่างไร?”
“เป็นเพราะศิษย์ผู้นี้ไร้ความสามารถ”
เซียนหงเฉินถอนหายใจ
“ภายในหนึ่งเดือนที่ผ่าน ผู้ฝึกตนมหายานซึ่งมีความสามารถเทียบเท่าปรมาจารย์ที่ครอบครองพลังเหนือธรรมชาติในกระบวนท่าบิดเบือนมิติด้วยฝ่ามือ แต่ศิษย์ผู้นี้กลับไม่มีพรสวรรค์ในการสั่งสอนและให้ความรู้กับผู้อื่น”
“อะไรนะ? สอนสั่งไม่ได้งั้นหรือ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซียนหงเฉินแล้ว ทั้งไป๋ชิวหรานและหลีจิ่นเหยาต่างประหลาดใจ
ในขณะนั้น ถังรั่วเวยเหลือบมองหลีจิ่นเหยาอย่างสงสัยพร้อมกล่าวพึมพำ
“ไม่ได้กลั่นแกล้งหรอกหรือ?”
แน่นอน เมื่อพิจารณาว่านางเคยให้คำมั่นสัญญากับหลีจิ่นเหยาที่จะช่วยให้นางมีความสุขในถ้ำเซียน… เช่นนั้นถังรั่วเวยจึงกล่าวถ้อยคำเบา ๆ ออกไปเท่านั้น
ทว่าคนฟังกลับไม่คิดมาก เมื่อได้ยินคำพูดของเซียนหงเฉินแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ยคำถามเดียวกับถังรั่วเวยโดยไม่รู้ตัวว่าเสียงนั้นมันดังก้องเพียงใด และคำพูดนั้นทำให้ผู้เป็นเป้าหมายถึงกับตื่นตระหนก
“ไม่ได้แกล้งใช่หรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่”
หลีจิ่นเหยาแสร้งทำเป็นรู้สึกผิด และเริ่มบีบน้ำตา
“ทุกคนย่อมมีบางสิ่งที่ไม่เก่งกาจ อาวุโสกล่าวกับจิ่นเหยารุนแรงเกินไปแล้ว…”
“อืม ก็ได้”
ไป๋ชิวหรานไม่คิดกล่าวถึงมันอีกต่อไป แน่นอนว่าเขายังคงสงสัย ท่าทางที่จิ่นเหยาแสดงออกอาจจะเป็นการเสแสร้ง…
แต่หากคนที่ไร้พลังเหนือธรรมชาติไม่มีความสามารถ เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ อีกทั้งตอนนี้กำลังขอร้องให้หลีจิ่นเหยาบินขึ้นไป หากหลีจิ่นเหยาไม่ก่อความวุ่นวาย เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากติดตามนางเท่านั้น
“แล้วหากแม่นางหลีไม่มีความสามารถที่จะใช้กระบวนท่านี้ แล้วจะมีหนทางอื่นพาพวกเราขึ้นไปหรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานหันไปถามเซียนหงเฉิน
“ย่อมมี แต่มันจะสร้างภาระมหาศาลกับร่างกาย แม้แต่เหล่าเซียนยังไม่สามารถต้านทานผลกระทบเหล่านั้นได้”
“บอกกล่าวกับข้า”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างไม่ลังเล
“หนทางใด?”
“แค่วางคนที่ต้องการพาขึ้นไปไว้ข้างกาย”
เซียนหงเฉินตอบกลับ
“ง่ายดายเพียงนั้น?”
“มันก็ง่ายดายเช่นนี้”
เซียนหงเฉินตอบกลับ
“แม่นางหลีเป็นผู้มีความสามารถ และเข้าสู่ผู้ฝึกตนขั้นมหายานด้วยร่างกายของนางแล้ว เช่นนั้นจึงสามารถผ่านพ้นภัยพิบัติทั้งหมดได้ ตอนนี้ร่างกายของนางสามารถบินขึ้นสู่แดนเซียนได้แล้ว ไม่มีผู้ใดจะปลดอาวุธของนางได้ ดังนั้นเมื่อขึ้นไป นางจะผ่านเส้นทางมิติและตรงเข้าสู่แดนเซียนด้วยสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ตราบใดที่มีใครอยู่ข้างกาย คนผู้นั้นจะสามารถเข้าสู่แดนเซียนได้ด้วยเช่นกัน”
ไป๋ชิวหรานเคยเห็นทักษะการแก้ปัญหาเช่นนี้ในหอตำรายมโลก นี่คือวิธีที่ถือปฏิบัติขึ้นโดยบรรพบุรุษของมนุษย์เมื่อนานมาแล้ว
ไม่ใช่ผู้ฝึกตนทุกคนจะสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติได้ แท้จริงแล้วมีคนจำนวนไม่น้อยที่สามารถบรรลุขั้นเข้าสู่ขั้นเซียนได้ แต่ผู้ฝึกตนที่สามารถอยู่เหนือภัยพิบัติและรอดพ้นจากทุกสิ่งจนเข้าสู่ขั้นผู้ฝึกตนมหายานได้นั้นมีเพียงหนึ่งในร้อย หรือหนึ่งในพันเท่านั้น!
และเมื่อผู้ฝึกตนทราบว่าไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลได้ พวกเขาจะแก้ไขด้วยการละทิ้งร่างกาย และป้อนจิตวิญญาณแห่งต้นกำเนิดเข้าสู่คฤหาสน์สีม่วง จากนั้นใช้คมกระบี่ตัดศีรษะของตนเองเพื่อให้จิตวิญญาณต้นกำเนิดหนีออกมาจากคฤหาสน์สีม่วง และสิ่งนี้ถูกเรียกว่าการหลบหนี
การใช้วิธีนี้ จิตวิญญาณต้นกำเนิดของผู้ฝึกตนมีโอกาสที่จะขึ้นสู่แดนเซียน และกลายเป็นเซียน แต่การทำเช่นนั้นอาจไม่สามารถขึ้นสู่แดนเซียนโดยราบรื่นได้ และอาจต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ในระหว่างทาง การขึ้นสู่แดนเซียนด้วยจิตวิญญาณนั้นยากเย็นยิ่ง ดังนั้นจึงมีบางคนที่จะหนีเข้าสู่สังสารวัฏแห่งการเกิดและตายหลังจากนี้ พวกเขาจะถูกกักตัวไว้ในยมโลกและค่อยกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครา
และหากวิธีการนี้สำเร็จในการเข้าสู่แดนเซียน พวกเขาจะเริ่มต้นได้ช้ากว่าเซียนตนอื่น ๆ ที่มีร่างกายเป็นของตนเอง หลังจากเข้าสู่แดนเซียนแล้ว พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี หรือหลายร้อยปีเพื่อสร้างร่างกายของตนขึ้นใหม่
ในอดีต เมื่อไป๋ลี่อยู่ในยุคทวยเทพซึ่งอยู่ในแดนเซียน ไป๋ชิวหรานเชื่อว่าคนที่ขึ้นไปจากกองทัพทั้งหมดไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ แต่ในช่วงเวลานี้ใครจะทราบว่าจักรพรรดิเซียนอู่ฟางจะสร้างกลอุบายเช่นไรให้กับผู้ติดตามให้กลายเป็นเซียน?
“ไม่เป็นไร”
ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ
“เจ้าสอนข้าถึงพลังเหนือธรรมชาติที่ใช้ในกระบวนท่าบิดเบือนมิติ และข้าจะให้รั่วเวยอยู่ที่นี่ จากนั้นเจ้าบอกมาว่าข้าควรทำอย่างไรต่อไป”