ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 294 ปรมาจารย์ผู้ฝึกสอน
บทที่ 294 ปรมาจารย์ผู้ฝึกสอน
บทที่ 294 ปรมาจารย์ผู้ฝึกสอน
เมืองเจิ้งหยาง เมืองหลวงแห่งสวรรค์ชั้นเจ็ดแห่งดวงตะวันสวรรค์
ผู้คนในเมืองพลุกพล่าน และมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่รู้จบ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของระดับการฝึกตนอยู่ในขั้นเซียน
เซียนคือการเปลี่ยนแปลงจากมนุษย์ไปสู่อีกขั้นของชีวิต แม้แต่ในแดนเซียน แต่ผู้คนทั้งหมดก็ไม่ใช่เซียนไปซะทุกคน
ความจริง เมื่อมองดูแดนเซียนทั้งห้าแล้ว สัดส่วนของเซียนมีเพียงสองในห้าของจำนวนประชากรทั้งหมดเท่านั้น อีกสามในห้าเป็นปุถุชนที่ได้รับพร และได้รับการเลี้ยงดูเป็นพิเศษจากแดนเซียน อีกทั้งยังมีผู้ฝึกตนที่มายังแดนเซียนโดยบังเอิญแล้วมีบุตรกับเหล่าเซียน เช่นนั้นพวกเขาจึงสร้างครอบครัวอยู่ที่แห่งนี้
เด็กที่เกิดระหว่างเซียนกับเซียนล้วนมากไปด้วยพรสวรรค์ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นเซียนในทันทีที่คลอดออกจากครรภ์มารดา อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดยังต้องฝึกฝนทีละขั้นตอนดั่งเช่นผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ
เมืองเซียนอย่างเมืองเจิ้งหยางนั้นมีเหล่าเซียนมากกว่าครึ่ง ถือได้ว่าเป็นเมืองใหญ่แห่งแดนเซียนอู่ฟาง!
ในเวลานี้ บนถนนในเมืองเจิ้งหยาง ไป๋ชิวหราน หลีจิ่นเหยา และถังรั่วเวยลงจากอาวุธวิญญาณที่พาเหาะเหินมา
หลังจากทั้งสามเหยียบลงบนพื้น ยานพาหนะลำนั้นขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว และจากไปในพริบตา ขณะนั้นหลีจิ่นเหยากำลังเปิดถุงเก็บของที่เอวก่อนจะมองดูมัน จากนั้นจึงหยิบเหรียญแดนเซียนออกมาจำนวนหนึ่ง
“ท่านบรรพชน ตอนนี้เงินของเราหมดแล้ว”
นางยัดเหรียญแดนเซียนทั้งหมดลงในมือของไป๋ชิวหราน
“เหลือเพียงเท่านี้ที่สามารถใช้ได้”
“พอแล้ว”
ชายหนุ่มไม่ค่อยสุภาพนัก แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันสามคน แต่ความจริงแล้วมันคือเงินทั้งหมดที่ไป๋ชิวหรานได้รับจากการขัดเกลาอาวุธเวท
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่เหมือนกับเหล่าเซียนในแดนเซียนตะวันออกแห่งนี้ที่จะมานั่งสนใจเรื่องเงิน
เมื่อเขามาที่นี่แล้ว ไป๋ชิวหรานคิดจะมองหาใครสักคนเพื่อสอบถามเกี่ยวกับปรมาจารย์สำนักชิงหมิง จากข้อมูลที่พ่อค้าข่าวกรองบอกกล่าว ตอนนี้อาจารย์ที่เคารพนับถือคงจะเป็นที่รู้จักในแดนเซียนตะวันออกทั้งหมด และคงจะออกค้นหาได้ไม่ยากเย็นนัก
“พิเศษ พิเศษ”
ในศาลาเล็ก ๆ ตรงหัวมุมถนน มีคนตะโกนพร้อมกับเขย่าแผ่นกระดาษในมือ
‘ประกาศฉบับล่าสุด’
มันเป็นสื่อประเภทหนึ่งในแดนเซียน มันถูกเรียกว่า ‘แผ่นประกาศ’ ดูเหมือนว่าจะเผยแพร่เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในดวงตะวันสวรรค์ หรือแม้แต่แดนเซียนตั้งแต่เมื่อวาน ทั้งหมดจะถูกเขียนในวันนี้ นี่คือวิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ดีภายในแดนเซียนใต้เขตอำนาจนั้น ๆ
ไป๋ชิวหรานเดินไปซื้อแผ่นประกาศฉบับหนึ่งด้วยเหรียญแดนเซียนในมือ
เมื่อเปิดแผ่นประกาศออก เขาเห็นสารหนึ่งในหัวข้อ ‘เรือทะยานเมฆระเบิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ลูกเรือตายตกหมดสิ้น’
“วิถีแห่งสวรรค์คือสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิด ขึ้นอยู่กับว่าสรวงสวรรค์จะให้อภัยผู้ใด”
ไป๋ชิวหรานถอนหายใจ ก่อนจะเปิดหน้าถัดไป
“ชิงหมิงจื่อ ผู้นำกองทัพเซียนได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นปรมาจารย์ฝึกสอน และในไม่ช้าเขาจะย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์เซียนศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับสหายร่วมสำนัก”
“โอ้ มีด้วย”
ไป๋ชิวหรานพับแผ่นประกาศ ก่อนจะใช้มันแตะไปที่ไหล่ของผู้สัญจรไปมา
“ขออภัย พี่ใหญ่ ท่านทราบหนทางไปที่บ้านของปรมาจารย์ฝึกสอนชิงหมิงจื่อหรือไม่?”
…
คฤหาสน์หมายเลขสามบนถนนเส้าหยางทางตอนใต้ของเมืองเจิ้งหยาง คือที่อยู่อาศัยของสำนักชิงหมิงในแดนเซียน
ที่ปรึกษาของไป๋ชิวหราน ผู้ฝึกตนชิงหมิง ลักษณะภายนอกดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มรูปงาม วัยของเขาอยู่ในช่วงอายุยี่สิบแปดปีโดยประมาณ ซึ่งชิงหมิงจื่อแตกต่างจากศิษย์ที่เคยเฆี่ยนตี เขาคือศิษย์รุ่นแรกอันอัจฉริยะในแดนเซียน และยังเป็นคนอารมณ์ดี
และสหายของเขา ‘หลิวซือ’ เป็นสาวงามที่รู้จักกันดีในดวงตะวันสวรรค์ นางเป็นสตรีผู้งดงาม อีกทั้งยังมีความฉลาดในอารมณ์มากด้วยเช่นกัน
แท้จริงแล้ว ในขั้นเซียนนั้น ความงามของรูปลักษณ์เป็นเรื่องรอง รูปลักษณ์งดงามเพียงใดก็ไม่งดงามเท่าเสน่ห์ที่แท้จริงของสตรี
ความงามอันน่าทึ่งเหล่านี้ ทั้งซูเซียงเสวี่ย และคนอื่นก็สามารถดึงดูดผู้คนได้ในทุกการเคลื่อนไหว แต่คนเช่นหลิวซือนั้นสามารถทำให้ผู้คนหลงใหลได้เพียงแค่กล่าววาจาเท่านั้น
ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ฝึกตนชิงหมิงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เขาเดินไปรอบ ๆ ห้องเก็บของ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เหน็ดเหนื่อย มีเพียงแค่เหงื่อออกมาจากการเก็บของเท่านั้น
“ชิงหมิง”
หลิวซือผลักประตูเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางประหลาดนั้น นางจึงกล่าวถามอย่างประหลาดใจ
“ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่? ไม่ใช่ว่าอีกสองสามวันท่านจะต้องไปแล้วหรือ?”
“ซือเอ๋อ มีบางอย่างเกิดขึ้น เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ทันที”
ชิงหมิงจื่อชี้ไปที่แผ่นประกาศบนโต๊ะ
หลิวซือมองดูแผ่นประกาศก่อนจะกล่าวอย่างประหลาดใจ
“อะไรกัน? เรือทะยานเมฆระเบิดอยู่ในทะเลเมฆาสวรรค์งั้นหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว เดิมทีกองกำลังดูแลเรือทะยานเมฆเป็นหนึ่งในกองกำลังไม่กี่แห่งในแดนเซียนตะวันออกที่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิชิงได้ แม้พวกเขาจะไม่รู้จักพอ แต่ก็ใช้เงินมากมายเพื่อช่วยข้าจัดการสิ่งต่าง ๆ ข้ามีสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา และพวกเราช่วยเหลือกันเสมอมา”
ชิงหมิงจื่อถอนหายใจ
“แต่ข้าไม่ได้คาดคิดว่าความปลอดภัยของแดนเซียนตะวันออกจะเลวร้ายเช่นนี้ บุรุษที่เลวทรามมันมากเกินไป อีกทั้งผู้อาวุโสเซียนหยางก็ไม่อยู่ด้วย… ข้าไม่รู้ว่าไอ้บ้าคนใดก่อเรื่องเช่นนี้ หากทราบ ข้าย่อมขอคำอธิบายจากเขาแน่!”
หลิวซือตระหนักถึงความอันตรายในเรื่องนี้ นางจึงถามว่า
“เราจะไปเมื่อไร? แล้วจะไปอย่างไร?”
“เก็บของเดี๋ยวนี้”
ชิงหมิงจื่อกล่าว
“ข้าซื้อยานพาหนะส่วนตัวไว้แล้ว มันอยู่ที่ลานหลังคฤหาสน์ แล้วเราจะใช้มันเพื่อออกจากที่นี่ ด้วยพลังของข้าแล้ว เช่นนั้นจะสามารถพาเราสองคนข้ามดวงตะวันสวรรค์ และบินตรงไปยังเมืองทะเลเมฆาสวรรค์ เมื่อเข้าสู่ดินแดนนั้น อย่าบอกผู้ใดว่าเราคือผู้คนของแดนเซียนกลาง แม้แต่จักรพรรดิชิงก็ไม่อาจทำสิ่งใดกับเราสองคนได้”
หลิวซือเริ่มช่วยเก็บของทันที และทั้งสองใช้เวลาครึ่งบ่ายของวันกับการเก็บของในบ้าน ในที่สุดทุกสิ่งก็ถูกจัดการเรียบร้อย พวกเขาพร้อมที่จะเดินทางแล้ว
พวกเขาเก็บสิ่งของลงในมิติจัดเก็บ เมื่อมาถึงประตู ชิงหมิงจื่อเปิดประตูออก ขณะนี้มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตู นั่นทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย
“ผู้อาวุโสเซียนหลิน?”
“ฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์ชิงหมิง ข้ามาที่นี่เพื่อจะร่ำสุรากับท่าน”
ชายวัยกลางคนที่ดูเป็นมิตรก้าวข้ามประตูเข้ามา ก่อนจะมองไปรอบ ๆ บ้านที่ว่างเปล่าแล้วพูดขึ้นว่า
“เอ่อ ครอบครัวของเจ้าดูจะคับแคบไปหรือไม่? ผู้ฝึกสอนกองทัพเซียนผู้สง่างามไม่ควรจะอยู่ในคฤหาสน์โทรม ๆ เช่นนี้ โชคดีที่คฤหาสน์ที่ศิษย์พี่ของข้าตระเตรียมไว้ให้เจ้าคือคฤหาสน์เซียนศักดิ์สิทธิ์ ในอีกไม่กี่วัน ทั้งเจ้าและพี่น้องสามารถย้ายเข้าไป และกินดื่มได้อย่างสนุกสนาน”
ชิงหมิงจื่อ และหลิวซือมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ทว่าไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบ
“โอ้ เหตุใดศิษย์น้องทั้งถึงมองข้าเช่นนั้น?”
ผู้อาวุโสเซียนหลินถามออกไปอย่างเย้ยหยัน
“โอ้”
หลิวซือยิ้มก่อนจะกล่าวว่า
“น่าเสียดายที่บ้านหลังนี้ทรุดโทรมนัก จึงไม่สามารถต้อนรับแขกเช่นอาวุโสเซียนหลินได้”
“เป็นเช่นนั้น”
ชิงหมิงจื่อกล่าวเสริม
“บ้านของเรานั้นทรุดโทรมและคับแคบ ข้าไม่กล้าที่จะให้ผู้อาวุโสเซียนหลินนั่งลง อีกสองสามวันข้าจะซื้อเครื่องมืออำนวยความสะดวกสบายใหม่ และจะเชิญอาวุโสเซียนหลินมาร่วมดื่มด้วยกัน”
“โอ้ เรามาดื่มด้วยกันเถิด”
ราวกับว่าเขาไม่เข้าใจคำปฏิเสธของชิงหมิงจื่อและหลินซือ ผู้อาวุโสเซียนหลินจับแขนของชิงหมิงจื่อไว้พร้อมกับยกยิ้มกว้าง
“ไปด้วยกันเถิด ข้าขอเชิญเจ้าทั้งสอง”
“ผู้อาวุโสเซียนหลิน”
ชิงหมิงจื่อถอนหายใจ
“ถามจริง ๆ ท่านมียางอายอยู่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสเซียนหลินรับฟัง แล้วยิ้มโดยไม่กล่าวคำใด
“ท่านก็เป็นเช่นนี้เสมอมา”
หลินซืออดไม่ได้ที่จะกล่าว
“คงจะมีชีวิตไม่ยืนยาว”
“ศิษย์น้องทั้งสองกล่าวถึงข้าว่าอย่างไรนะ?”
ผู้อาวุโสเซียนหลินหัวเราะ
“ข้าคือเซียน และอายุขัยของข้าเทียบเท่าสวรรค์ แล้วจะไม่มีชีวิตยืนยาวได้อย่างไร?”