ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 296 มาสร้างความอับอายให้จักรพรรดิชิงกันเถิด
บทที่ 296 มาสร้างความอับอายให้จักรพรรดิชิงกันเถิด
บทที่ 296 มาสร้างความอับอายให้จักรพรรดิชิงกันเถิด
“กำจัดหมดสิ้นแล้ว?”
ชิงหมิงจื่อพลันตื่นตระหนก
“ศิษย์ไม่ควรอวดดีเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
“ท่านอาจารย์โปรดเข้าใจศิษย์ด้วย”
ไป๋ชิวหรานถอนหายใจ
“ข้าย่อมไม่คิดยุ่งเรื่องของผู้อื่น”
ชิงหมิงจื่อเหลือบมองผู้คุ้มกันด้านนอกเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ หลังจากไตร่ตรองเรียบร้อย เขาก็กล่าวขึ้นว่า
“ไม่แปลกใจเลย ทหารของจักรพรรดิชิงล้วนได้รับการฝึกที่ยอดเยี่ยม ข้ากับซือเอ๋อเดินผ่านมา และพวกเขาไม่มีผู้ใดสบสายตาข้าสักคน นั่นเป็นเพราะทั้งหมดตายตกสิ้น… แต่ร่างกายกลับยังอยู่ เจ้าใช้ทักษะใดกัน?”
“นี่เป็นทักษะใหม่ที่ศิษย์เพิ่งเรียนรู้สำเร็จ”
ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“ศิษย์เรียกมันว่า เจตจำนงค์กระบี่ปราบวิญญาณ”
เจตจำนงค์กระบี่ปราบวิญญาณเป็นทักษะใหม่ที่ไป๋ชิวหรานคิดค้นขึ้น โดยอาศัยทักษะในการติดตามวิญญาณที่รวบรวมในยมโลก ผสมผสานมันให้เข้ากับความชำนาญกระบี่ของเขา
เคล็ดวิชานี้ใช้วิญญาณแห่งสัมผัสทะเลเป็นปราณกระบี่เพื่อสับวิญญาณทั้งสามและหกของศัตรู ซึ่งสามารถพรากวิญญาณของศัตรูได้โดยร่างกายไม่บุบสลาย แน่นอนว่านี่คือการสังหารศัตรูโดยตรง มันเหมาะที่จะใช้สำหรับลอบสังหาร!
ไป๋ชิวหรานได้ยินการสนทนาของอาวุโสเซียนหลิน และชิงหมิงจื่อกับภรรยาของเขาในช่วงกลางวัน เขาจึงมาที่นี่ในเวลากลางคืนเพื่อสังหารผู้คุ้มกันของจักรพรรดิชิงทั้งหมดในบ้านของชิงหมิงจื่อ และจากนั้นจึงพาถังรั่วเวยกับหลีจิ่นเหยาเข้ามาในห้องของชิงหมิงจื่อโดยที่อีกฝ่ายไม่ทราบ
แม้แต่อาวุโสเซียนหลินยังไม่อาจพบร่องรอย และหากไม่ได้คิดเปิดเผยร่องรอยนี้ให้กับอาวุโสเซียนหลิน ไป๋ชิวหรานก็สามารถสังหารเขาได้ และส่งวิญญาณชั่วร้ายนั่นเข้าสู่สังสารวัฏแห่งการเกิดและตายในยมโลกได้อย่างง่ายดาย
“เช่นนั้นก็ประเสริฐแล้ว”
ชิงหมิงจื่อกล่าวอย่างยินดี
“หากเจ้าสังหารคนเหล่านั้นหมดสิ้นแล้ว งั้นเราไปกันเถิด ยานพาหนะเหาะเหินของข้าอยู่ในสวนหลังบ้าน เราจะออกจากเมืองในคืนนี้และตรงไปที่เมืองเซิงเซียนก่อนที่อาวุโสเซียนหลินจะรู้ตัว เมื่อไปถึงที่นั่น แม้แต่จักรพรรดิชิงก็ไม่อาจควบคุมเราได้ ข้าให้ซงเสวียนกับเสี่ยวเยี่ยไปที่นั่นแล้ว เฮ้อ หากมีเรือทะยานเมฆ เราคงไม่ต้องลำบากเช่นนี้”
“แล้วท่านอาจารย์จะนั่งเรือทะยานเมฆเพื่ออะไรกัน”
ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์เคยนั่งมันกับจิ่นเหยากับรั่วเวย ลูกเรือบนนั้นทั้งโลภ หนำซ้ำยังขืนใจเซียนที่ดีให้เป็นโสเภณี พวกเขาไร้ความชอบธรรมโดยสมบูรณ์ ศิษย์จึงช่วยกวาดล้างขยะในแดนเซียน และไม่ว่าจะไปที่ใด ศิษย์ก็เพียงแค่บินไปเท่านั้น”
“เดี๋ยวนะ? เจ้ากำจัดขยะในแดนเซียน?”
ชิงหมิงจื่อตระหนักได้ถึงความจริงบางอย่างที่น่าประหลาดใจ
เขาเดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะหยิบป้ายประกาศที่วางอยู่ขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่หัวข้อที่ใหญ่ที่สุดในหน้าแรกและกล่าวกับไป๋ชิวหราน
“นี่คือฝีมือเจ้า?”
ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกด้วยดวงตาใสแจ๋ว
“เจ้าบ้าไปแล้ว!”
ดวงตาของชิงหมิงจื่อเบิกกว้าง
“เจ้าเกือบสังหารอาจารย์ของตัวเอง! นี่คือวิธีการหลบหนีที่ดีที่สุดของอาจารย์! ข้าจะบอกว่าทำไมอาวุโสเซียนหลิน และคนจากจักรพรรดิชิงมาที่นี่ในวันนี้ ปรากฏว่าเป็นเจ้าที่สังหารพวกเขา!”
เขาเหยียดมือคว้าคอเสื้อของไป๋ชิวหรานก่อนจะกล่าวเสียงสะท้าน
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? เจ้าเรียนรู้จากสำนักอสูรสวรรค์เพื่อทำลายบรรพบุรุษของตนเองหรือ?”
“ศิษย์เพียงแค่ทำความดี ลงโทษความชั่ว”
ไป๋ชิวหรานโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าความแข็งแกร่งของชิงหมิงจื่อจะต่ำต้อยกว่า แต่เขาก็ไม่กล้าต่อต้านอีกฝ่าย
“อีกอย่าง แม้ไม่มีเรือทะยานเมฆ เราก็สามารถบินไปที่นั่นได้”
“เด็กน้อย เจ้าทราบหรือไม่ว่าเมืองเจิ้งหยางอยู่ห่างจากเมืองเซิงเซียนเท่าใด?”
“ข้าไม่ได้คิดเรื่องนี้ แต่คิดว่าสามารถบินข้ามไปได้ในคราวเดียว”
ไป๋ชิวหรานตอบอย่างไม่ยี่หระ
“ให้ศิษย์พาท่านอาจารย์ไปจะดีกว่า”
ชิงหมิงจื่อจ้องมาที่เขาครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยมือพร้อมเผยใบหน้าโกรธจัดแล้วกล่าวเสียงดัง
“ลืมไปซะ ข้าจะสอนวิธีการควบคุมยานพาหนะเหาะเหิน เราจะใช้มันเพื่อบินไปที่นั่น”
จากนั้นเขาผลักประตูพร้อมเดินออกไป
“ท่านอาจารย์ โปรดรอก่อน”
ไป๋ชิวหรานเหยียดมือพร้อมดึงเขากลับมา
“อะไร?”
ชิงหมิงจื่อถาม
“เจ้ายังมีคำถามใดอีก?”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า พร้อมกล่าวเคร่งขรึม
“จักรพรรดิชิงนั้นหยิ่งทะนงและต้องการควบคุม ต้องการเอาชนะ แล้วยังคิดสวมหมวกสีเขียวให้กับท่าน ศิษย์ไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้”
“อะไรนะ? เจ้าคิดสร้างความเดือดร้อนให้ข้าเป็นครั้งที่สอง?”
ชิงหมิงตะโกนอย่างขุ่นเคือง
“สำหรับสุภาพบุรุษ แก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย และไม่สายเกินไปสำหรับเซียนที่จะรอเวลาแก้แค้นในหมื่นปี ตอนนี้เราควรจะหลบหลีกออกเพื่อซ่อนตัวเสียก่อน”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์อยากช่วยท่านให้พ้นจากความโกรธแค้นในวันนี้”
ไป๋ชิวหรานคว้าแขนของอีกฝ่ายแล้วกล่าวเสียงเข้ม
“โปรดเชื่อใจศิษย์ นี่ไม่ใช่เพียงการแก้แค้นให้กับท่าน แต่ยังเป็นการแก้แค้นให้กับเหล่าผู้บริสุทธิ์หลายพันหลายหมื่นที่ถูกจักรพรรดิชิงข่มเหง”
ชิงหมิงจื่อมองไป๋ชิวหราน ทั้งสองสบตากัน ทั้งอาจารย์และศิษย์จ้องมองกันยาวนาน จากนั้นชิงหมิงจือก็จำต้องยอมแพ้ เขาถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา
“ก็ได้ คราวนี้อาจารย์ยอมเจ้าแล้ว”
“ขอบคุณท่านอาจารย์”
ไป๋ชิวหรานยอมจำนนต่อชิงหมิงจื่อ และในขณะเดียวกันสัมผัสเทวะของเขาทะลวงผ่านมิติอวกาศ เชื่อมต่อกับยมโลก เขาเข้าควบคุมร่างจักรพรรดิภูตผีในยมโลก และเข้าสู่สังสารวัฏหกวิถี
เขายืนอยู่ที่สังสารวัฏหกวิถีในยมโลกพร้อมกับร่างของผู้ทรงเกียรติกุ้ย
“เสี่ยวกุ้ย ไปกันเถิด”
เขากล่าวกับเสี่ยวกุ้ยพร้อมอุ้มนางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะกล่าวว่า
“จักรพรรดิองค์นี้จะพาเจ้าไปวิ่งเล่นที่แดนเซียน”
“ฝ่าบาท…”
ผู้ทรงเกียรติกุ้ยอ้าปากพร้อมกล่าว
“ข้ากำลังยุ่ง”
“ไปทำให้จักรพรรดิชิงตะวันออกอับอายขายหน้ากัน”
“ถ้าอย่างนั้นรีบพาข้าไปเถิด”
ผู้ทรงเกียรติกุ้ยเปลี่ยนน้ำเสียง พร้อมเผยความกระตือรือร้นผ่านใบหน้า
หลังกล่าวจบ นางร่ายอาคมแยกวิญญาณส่วนหนึ่งของตนเองเพื่อสร้างร่างขึ้นมาอีกหนึ่งร่าง และใช้ความทรงจำชั่วคราวควบคุมร่างนั้น ก่อนจะเกาะจักรพรรดิภูตผีไว้แน่นเพื่อเข้าสู่แดนเซียน
ความทรงจำและจิตสำนึกของวิญญาณนี้ใช้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ตราบใดที่ไป๋ชิวหรานส่งวิญญาณของนางจากแดนเซียนกลับมา ความทรงจำทั้งหมดของนางจะสามารถหลอมรวมกันจนกลายเป็นความทรงจำที่สมบูรณ์ได้!
นั่นคือความลึกลับที่น่าสะพรึงของการแยกวิญญาณที่ผู้ทรงเกียรติกุ้ยฝึกฝน ตราบใดที่ยังมีวิญญาณหลงเหลือไว้ นางจะสามารถสร้างหุ่นเชิดตัวใหม่ได้ทุกเมื่อ
ไป๋ชิวหรานให้ร่างจักรพรรดิภูตผีอุ้มร่างวิญญาณของผู้ทรงเกียรติกุ้ยทะลวงผ่านยมโลกโดยตรง หลังจากข้ามห้วงกระแสความว่างเปล่ามาแล้ว เขาหยุดยืนอยู่ด้านนอกค่ายอาคมคุ้มกันของแดนเซียน
เพราะเขาได้รับการรับรองจากแดนเซียนแล้ว สิ่งที่นำมาด้วยจึงไม่ถูกขัดขวางจากค่ายอาคมของแดนเซียนนี้ หลังจากพาผู้ทรงเกียรติกุ้ยเข้าสู่แดนเซียนได้แล้ว ชายหนุ่มควบคุมให้จักรพรรดิภูตผีมาที่ตำแหน่งปัจจุบันของตนพร้อมกับผู้ทรงเกียรติกุ้ยในมือ
รอยแยกของมิติปรากฏขึ้นในห้องของชิงหมิงจื่ออีกครา จากนั้นหุ่นเชิดที่น่ารักสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ตกลงมาบนอ้อมแขนของไป๋ชิวหราน
“ชิวหราน”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ชิงหมิงจื่อกล่าวถาม
“นี่คืออาวุธเวทอย่างนั้นหรือ? ตุ๊กตา?”
“ผิดแล้ว นี่คือผู้ช่วยของข้า”
ไป๋ชิวหรานยกหุ่นเชิดขึ้นมาแล้วแนะนำให้ทุกคนรู้จัก
“ท่านสามารถเรียกขานนางว่าปรมาจารย์หุยได้ นางคือผู้ช่วยที่ทรงพลังในแผนของเรา”
“สวัสดีทุกท่าน”
ผู้ทรงเกียรติกุยยกมือขึ้นเผยให้เห็นข้อต่อทรงกลม ก่อนจะกล่าวทักทายผู้คนที่อยู่ในห้องทั้งหมด
“ข้าคือปรมาจารย์หุ่นเชิ่ด”