ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 297 อุบัติเหตุงั้นหรือ
บทที่ 297 อุบัติเหตุงั้นหรือ?
บทที่ 297 อุบัติเหตุงั้นหรือ?
สามวันต่อมา อาวุโสเซียนหลินมาที่คฤหาสน์ของชิงหมิงจื่ออีกครั้ง
เขาไม่คิดสนใจผู้คุ้มกันที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นในคฤหาสน์ชิง เขาตรงไปที่ประตูห้องของชิงหมิงจื่อในทันที
และไม่นาน ได้เดินหยุดนิ่งหน้าประตูอยู่นานก่อนจะก้าวเข้าไปด้านใน จิตสัมผัสรุนแรงของเขารับรู้ได้ว่าชิงหมิงจื่อและหลินซืออยู่ในห้อง
เขายกมือขึ้นเคาะประตู
“ศิษย์น้องชิงหมิง น้องสาว ข้ามาพบพวกเจ้าแล้ว”
เขากล่าวเสียงดังกังวาน
“คฤหาสน์ผู้ทรงเกียรติของเจ้าซ่อมแซมเสร็จสิ้นแล้ว ในวันนี้สามารถย้ายเข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์นั้นได้ ข้าเรียกให้บางคนมาช่วยพวกเจ้าขนของ หลังจากย้ายทุกสิ่งเสร็จสิ้น คืนนี้จึงขอเชิญไปร่วมดื่มที่บ้านของข้า”
คนในห้องเงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนเสียงของชิงหมิงจะดังขึ้น
“อาวุโสเซียนหลิน โปรดเข้ามาด้านในก่อนเถิด”
เขารู้สึกว่าคำพูดของชิงหมิงจื่อแปลกประหลาดไปเล็กน้อย และน้ำเสียงยังแข็งทื่อ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา…
แต่เมื่อคิดว่าชิงหมิงจื่อต้องการดื่มสุราของตน อาวุโสเซียนหลินก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เขาทำเพื่อจักรพรรดิชิงมามากแล้ว และได้ทำหลายสิ่งเพื่อจักรพรรดิชิง ท่าทีของชิงหมิงจื่อยังคงเป็นมิตรต่อเขาเสมอมา ต่อให้ชายผู้นั้นร้องไห้ทรุดไปกองบนพื้น เขาก็ไม่คิดสนใจ
เขาผลักประตูเข้าไปด้านใน ทุกสิ่งยังคงเป็นเหมือนที่เห็นในวันนั้น กำแพงสี่ด้าน ชิงหมิงจื่อกับหลิวซือนั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะกลมที่มีเพียงตัวเดียวในห้อง ทั้งสองเงียบงัน ไม่มีเสียงพูดคุย ราวกับร่างไร้วิญญาณ บรรยากาศในห้องหดหู่อย่างแปลกประหลาด
อาวุโสเซียนหลินก้าวเข้ามาในห้อง เขาเดินไปรอบ ๆ พร้อมเอามือไพล่หลัง จากนั้นหยุดยืนด้านหลังของหลินซือแล้วยิ้มให้กับชิงหมิงจื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“หืม? ศิษย์น้องชิงหมิงไม่ได้บอกว่าจะซื้อเครื่องใช้ใหม่อย่างนั้นหรือ เหตุใดห้องถึงรกร้างเช่นนี้อยู่?”
“ข้าไม่คิดจะซื้อมันแล้ว”
ชิงหมิงจื่อตอบกลับอย่างเย็นชา
“พอกลับมา ข้าก็นึกขึ้นได้ ทั้งที่เมื่อก่อนเกิดเรื่องมากมายต่าง ๆ นานา แต่ก็ยังอดทนอยู่ต่อได้ การหนีอาจจะเป็นเรื่องที่ดี ทว่าเมื่อคิดไปคิดมาแล้ว ข้ายิ่งโกรธ… ยิ่งรู้สึกพ่ายแพ้”
“เข้าใจแล้ว”
ขณะที่เผยรอยยิ้มกว้าง อาวุโสเซียนหลินก็ยื่นมือออกไปจับด้านหลังเก้าอี้ของหลินซือ
“ศิษย์น้องชิงหมิงค่อนข้างเย่อหยิ่งไม่น้อย แต่… พี่ชายเช่นข้าอยากจะแนะนำ ผู้คุ้มกันทั้งหมดนั้นแข็งแกร่ง และพวกเจ้าไม่อาจต่อต้านได้โดยง่าย”
ชิงหมิงจื่อคล้ายกับว่าไม่เห็นแววตาคุกคามของอาวุโสหลิน เขาเพียงกล่าวคำเบา
“กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ชิงหมิงจื่อมีเรื่องอยากจะขออีกสักหน่อย”
“หืม? อะไรอย่างนั้นหรือ?”
“อาวุโสเซียนหลินคงทราบดีว่าตอนนี้ที่ข้าสามารถอยู่อาศัยกับหลินซือได้ทั้งหมดนั้นเป็นความเมตตาของจักรพรรดิชิง หากจักรพรรดิชิงคิดลงมือจริงจัง ด้วยสถานะของข้ากับหลินซือย่อมไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้แน่นอน”
ชิงหมิงจื่อยกมือขึ้นประสานหมัด แต่การเคลื่อนไหวของเขาคล้ายจะทื่อ ๆ ไปเล็กน้อย ดูติดขัดอย่างไรชอบกล
“ข้ามีจดหมายอยากจะกล่าวขอบคุณพระองค์ และอยากขอให้อาวุโสเซียนหลินช่วยมอบมันให้กับฝ่าบาทด้วย”
“ง่ายดายนัก”
อาวุโสเซียนหลินเอื้อมมือไปหยิบซองจดหมายจากมือของชิงหมิงจื่อ ขณะที่มือสัมผัสกันเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาคว้ามือของชิงหมิงจื่อไว้ พร้อมบีบลงไปอย่างแรง ความรู้สึกนี้แข็งทื่อ และมันไม่ใช่มือของมนุษย์
“โลหะ?”
อาวุโสเซียนหลินตื่นตระหนก เขาสะบัดมือออกและคว้าอาวุธตัดฉับเข้าที่ศีรษะของชิงหมิงจื่อ ซึ่งด้านในเผยให้เห็นว่าเป็นชิ้นส่วนโลหะ!
ในเวลานี้ หลินซือที่นั่งอยู่ด้านข้างบิดลำคอมาด้วยการเคลื่อนไหวแปลกประหลาด มีเสียงเบียดเสียดของชิ้นส่วนดังขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักอย่างน่าสะพรึง
“อาวุโสเซียนหลิน พบอุบัติเหตุอย่างนั้นหรือ?”
อาวุโสเซียนหลินเผยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะกล่าวเสียงทุ้ม
“ร่างศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าอยู่ที่ใด?”
“อยู่กับบิดาของท่าน”
หลิวซือยิ้มกว้าง ในที่สุดนางก็อ้าปากกล่าว พร้อมกับเผยช่องว่างระหว่างแก้มให้อีกฝ่ายเห็นชัดเจน
ตูม!
อาวุโสเซียนหลินทุบศีรษะของนางในมือเดียว ก่อนจะมองจดหมายในมือแล้วขย้ำมันอย่างโกรธเคือง
จู่ ๆ เขาพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ เช่นนั้นจึงหยุดมือ ก่อนจะจัดการรอยย่นของจดหมายให้กลับมาเรียบเช่นเคย แล้วพับเก็บใส่กระเป๋า
จากนั้นเขาปลดปล่อยพลังเซียนเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าของ ‘ชิงหมิงจื่อและหลิวซือ’ ร่างตุ๊กตาศีรษะขาดวิ่นอันวิจิตรงดงามสองร่างปรากฏสู่สายตา ข้อต่อทรงกลมขัดจนเรียบเนียน ถูกลงสีอย่างประณีตจนคล้ายกับผิวพรรณมนุษย์
“หืม?”
ในขณะนี้ อาวุโสหลินเห็นจุดกำเนิดของความฉลาดที่อยู่ตรงท้องของตุ๊กตา
“นั่นคือสิ่งใด?”
เขายื่นมือออกมาจับมัน นิ้วของเขาราวกับตะขอเหล็กเกี่ยวสีทอง เขาตัดชิ้นส่วนของตุ๊กตาออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นด้านในร่างกายของมัน
มันคือเครื่องรางจุดชนวน และนี่คือระเบิด
“ข้า…”
ตูม!
เกิดระเบิดรุนแรงขึ้นในคฤหาสน์ชิงหมิง ทว่าแรงระเบิดไม่ได้แพร่กระจายออกไป มันถูกดูดซับไว้ด้วยพลังงานบางอย่างที่อยู่ตรงใจกลางของห้องแห่งนี้
หลังจากนั้นไม่นาน อาวุโสเซียนหลินก้าวออกจากหมอกควันดำ เสื้อผ้าอาภรณ์ขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าซีดเผือด
เมื่อเดินตรงไปที่ผู้คุ้มกันเกราะสีน้ำเงิน เขากล่าวสาปแช่งอย่างโกรธแค้น
“พวกเจ้ามัวทำสิ่งใดกันอยู่? ถึงไม่รู้ว่าชิงหมิงจื่อกับหลิวซือหนีออกไปแล้ว!”
“พวกเจ้ามัวทำสิ่งใดกันอยู่? ถึงไม่รู้ว่าชิงหมิงจื่อกับหลิวซือหนีออกไปแล้ว!”
สิ่งที่ไม่คาดคิดกลับปรากฏ แทนที่พวกเขาจะคุกเข่าลงบนพื้นด้วยร่างกายสั่นสะท้าน แต่ผู้คุ้มกันเกราะสีน้ำเงินทั้งหมดกลับล้อเลียนคำพูดและท่าทางของเขาแทน
หากไม่ใช่เพราะน้ำเสียงแข็งทื่อเหล่านั้น สิ่งเหล่านี้มันไม่ต่างอะไรจากนกแก้วนกขุนทอง
“หืม?”
อาวุโสเซียนหลินตื่นตระหนก เขาสับร่างกายของผู้คุ้มกันตรงหน้า และพบว่าวัตถุเป็นเหมือนกับสองคนด้านใน
และในท้องของพวกมันยังมีอาคมที่เปล่งประกายออก
ครู่ถัดมา การระเบิดครั้งที่สองดังขึ้นในคฤหาสน์ชิงหมิง และขอบเขตการระเบิดคือคฤหาสน์ชิงหมิงทั้งหมด…
…
“ฮ่าฮ่า”
ขณะที่ไป๋ชิวหราน และพรรคพวกกำลังขึ้นยานพาหนะเหาะเหินอยู่ภายในเทือกเขาของดวงตะวันสวรรค์ ปรมาจารย์หุ่นเชิดก็หัวเราะออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
คนอื่น ๆ รู้สึกแปลกใจ แต่มีเพียงไป๋ชิวหรานที่ทราบแล้วยกยิ้มให้นางอย่างพอใจ
“ติดกับแล้ว?”
“เป็นเช่นนั้น”
ผู้ทรงเกียรติกุ้ยยิ้มพร้อมพยักหน้า
“ทักษะของเจ้ายอดเยี่ยมเพียงใด?”
ชายหนุ่มถามอีกครั้ง
“ก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้ทรงเกียรติกุ้ยส่ายศีรษะอย่างไม่ค่อยพอใจในผลลัพธ์
“ช่องว่างของข้ากับเซียนที่แท้จริงนั้นแตกต่างกันมากเกินไป”
“อาวุโสเซียนหลินเป็นผู้ทรงเกียรติเก่าแก่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิชิง และความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ทรงเกียรติหยางเลย”
ชิงหมิงจื่ออุทาน
“โอ้… แม่นางกุ้ย แม้เจ้าจะแข็งแกร่งมาก แต่ไม่แปลกที่จะไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้กับอาวุโสเซียนหลิน”
ผู้ทรงเกียรติกุ้ยเพียงเม้มฝีปาก และไม่ได้ตอบกลับ
โดยปกติแล้ว นางจะฟังเพียงคำพูดของไป๋ชิวหราน และเจียงหลานเท่านั้น และยังสนิทกับถังรั่วเวยกับหลีจิ่นเหยาด้วย ทว่าหลินซือผู้อ่อนโยนยังกล่าวกับนางได้เพียงสองสามคำ ส่วนชิงหมิงจื่อคือผู้เดียวที่นางเพิกเฉยด้วย
ชิงหมิงจื่อไม่สนใจท่าทีนั้น เขาหันกลับมาถามไป๋ชิวหราน
“ชิวหราน แล้วเจ้าจะพาพวกเราไปที่ใด?”
“หากด้วยความเร็วในตอนนี้ อีกไม่กี่วันข้างหน้า…”
ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“ข้าส่งสัญญาณไปแล้ว และเมื่อไปถึงสถานที่แห่งนั้น จะมีคนมารับท่านไป เท่านี้ก็เสร็จสิ้น”