ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 298 สวมหมวกไว้ อย่าทำตก
บทที่ 298 สวมหมวกไว้ อย่าทำตก
บทที่ 298 สวมหมวกไว้ อย่าทำตก
อาวุโสเซียนหลินกลับมาที่คฤหาสน์ผู้ทรงเกียรติ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมเข้าสู่ห้องศึกษาด้วยใบหน้ามืดมน
เรื่องที่ถูกจัดฉากในคฤหาสน์ของชิงหมิงจื่อเมื่อครู่นี้ ผู้คุ้มกันชุดเกราะสีน้ำเงินถูกแทนที่ด้วยตุ๊กตาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งตุ๊กตายังมีอาคมระเบิดซุกซ่อนอยู่ภายใน มันสามารถสร้างการโจมตีที่ทรงพลังได้ และตุ๊กตาทั้งหมดยังสร้างอาคมเพื่อโจมตีเขาโดยตรง!
แม้ตุ๊กตาเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นด้วยวิชาหลอมร่างกาย แต่คนที่สร้างมันขึ้นมานั้นแข็งแกร่งยิ่ง ดูได้จากพลังที่มหาศาลของมัน หุ่นเหล่านี้ยังประกอบไปด้วยแร่ล้ำค่ามากมาย เมื่ออยู่ภายใต้ฝีมือของปรมาจารย์หุ่นเชิดแล้ว หุ่นทั้งหมดนั้นมีพลังต่อสู้เหนือแคว้นมหาสมุทรเลยทีเดียว
สำหรับเขาคือเซียนอาวุโสที่เก่งกาจ เพียงกลุ่มตุ๊กตาที่อยู่ในขั้นมหาสมุทรไม่อาจเป็นภัยคุกคามได้ แต่อย่างไรมันก็เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง ตุ๊กตาเหล่านั้นไม่มีชีวิต และไม่เกรงกลัวต่อความตาย ต่อให้ต้องสู้กันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่ผู้ที่เป็นเซียนหากตายตกไปเพราะเรื่องนี้จะน่าอับอายนัก…
ชิงหมิงจื่อทิ้งพวกมันไว้แล้วหลบหนีไป ไม่เพียงแต่จะสร้างฉากหยอกล้อกับเซียน ทว่ายังทิ้งจดหมายไว้เพื่อต้องการให้จักรพรรดิชิงอับอาย แต่เขาไม่รู้ว่าในจดหมายนั้นเขียนว่าอย่างไร
อ้อ จดหมายนั่น…
อาวุโสเซียนหลินล้วงย่ามโดยไม่รู้ตัว จากนั้นตระหนักได้ว่าเสื้อผ้าบนร่างถูกเผาไหม้จนหมดสิ้นเมื่อต่อสู้กับตุ๊กตาเหล่านั้น และแน่นอนว่าจดหมายคงจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
ลืมมันไปเสีย เนื้อความด้านในคงไม่มีสิ่งใดสำคัญ ก็เพียงแค่แสร้งทำว่ามันไม่เคยมีอยู่…
หลังจากที่ปล่อยวางเรื่องนี้แล้ว อาวุโสเซียนหลินก็นึกถึงสิ่งต่อไป
จักรพรรดิชิงตกหลุมรักหลิวซือไม่ใช่เพราะหลิวซือคือสตรีงดงามที่สุดในดวงตะวันสวรรค์ แม้จักรพรรดิชิงจะเป็นเซียน แต่ยังกล่าวได้ว่าเขาตระหนี่เกินไป
เหตุผลที่สำคัญซึ่งทำให้ตกหลุมรักหลิวซือคือบรรพบุรุษของหลิวซือ นั่นคือมหาอำนาจแห่งจักรพรรดิเซียน ทั้งยังเป็นผู้ติดตามของจักรพรรดิเซียนองค์แรก ความลับทั้งหมดและมรดกต่าง ๆ ล้วนตกทอดอยู่ในตระกูลหลิว!
เป็นเพราะจักรพรรดิชิงตะวันออกต้องการค้นหาวิธีการฝึกฝนใหม่ ในช่วงหลายหมื่นปีที่เขาครองอำนาจจักรพรรดิเซียน ทั้งตระกูลที่มีอำนาจมากมายในแดนเซียนตะวันออกล้วนเผชิญหน้ากับอันตราย หากตระกูลเหล่านั้นไม่ยอมศิโรราบต่อเขาและบอกความลับของตระกูล คนเหล่านั้นจะถูกทำลายหมดสิ้น แล้วเมื่อถูกฆ่าล้างตระกูล ตำราลับประจำตระกูลต่าง ๆ จะถูกนำเข้าสู่วังของจักรพรรดิเซียนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
สำหรับจักรพรรดิชิงที่ต้องการแต่งงานกับหลิวซือ เป็นเพราะเขาต้องการฝึกฝนทักษะจักรพรรดิเซียนของตระกูลหลิว และต้องการครอบครองสตรีที่งดงามที่สุดในดวงตะวันสวรรค์ ซึ่งเขาพยายามติดตามตื๊อนางมานานกว่าสามพันปี
ในคราวแรก การไล่ตามหลิวซือของจักรพรรดิชิงเป็นเรื่องที่ยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่คราวนี้ชิงหมิงจื่อถูกทำลายหนทางไปครึ่งหนึ่ง สถานการณ์นี้จะปรากฏต่อสาธารณะชนทำให้จักรพรรดิชิงเสียหน้า
จักรพรรดิชิงกล่าวถึงความงามของสตรีผู้นั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ความจริงแล้วคิดถึงสิ่งใดอยู่… มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทราบ
ความงดงามวันหนึ่งก็หมดไป ทว่าการฝึกฝนต้องก้าวต่อไปจนกว่าห้วงชีวิตจะสิ้นสุดลง เซียนอาวุโสหยางถูกจักรพรรดิชิงส่งตัวไปที่โลกมนุษย์เพราะเขาไม่ค่อยเชื่อฟังนัก และอาวุโสเซียนหลินจึงต้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้แทน
จักรพรรดิชิงสั่งให้เขาไปค้นหามรดกลับของตระกูลหลิว และสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการสังหารชิงหมิงจื่อ แล้วนำหลิวซือกลับมาพร้อมกับเคล็ดวิชาลับ
แน่นอนว่าในฐานะข้ารับใช้ อาวุโสเซียนหลินต้องการทำสิ่งนี้ให้สำเร็จเพื่อได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิชิง โดยปกติแล้วเขาต้องการความสมบูรณ์แบบ หากต้องการก้าวหน้า เขาจะต้องจัดการเรื่องทั้งหมดให้ได้!
แต่ตอนนี้ สิ่งเหล่านั้นหลบหนีไปสิ้นแล้ว ซ้ำอีกฝ่ายยังทิ้งความอับอายไว้มากมาย มีเพียงเสียงหัวเราะที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง อาวุโสเซียนหลินไม่คิดที่จะขุ่นเคืองเรื่องนั้นแล้ว ตอนนี้เขาคิดถึงแต่วิธีหลบหนี
ภารกิจของเขาไม่สำเร็จ แล้วหากกลับเข้าไปพบจักรพรรดิชิง ผลลัพธ์ของมันย่อมเลวร้ายแน่นอน บทเรียนจากเซียนอาวุโสหยาง เขายังจดจำมันได้ดี และไม่ต้องสงสัยเลยว่าสุดท้ายแล้วจักรพรรดิชิงจะจัดการกับเขาอย่างไร
ดูเหมือนว่าเขาจะหยุดความสนใจผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นเซียนอาวุโสหยางเมื่อเร็ว ๆ นี้
หลังจากไตร่ตรองดีแล้ว อาวุโสเซียนหลินจึงส่งเสียงร้องตะโกน
“ใครก็ได้…”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ข้ารับใช้คนหนึ่งตรงเข้ามาพร้อมโค้งคำนับต่ออาวุโสเซียนหลิน
“ท่านอาวุโสเซียนมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือ?”
อาวุโสเซียนหลินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตระหนักได้ว่าข้ารับใช้ยังเป็นมนุษย์ แต่ก่อนที่เขาจะกล่าว ข้ารับใช้คนนั้นก็กลับกล่าวแทรกขึ้นมาก่อน
“รายงานนายท่าน มีจดหมายส่งมาบอกกล่าวให้ท่านเข้าไปพบองค์เหนือหัวจักรพรรดิ”
“จดหมาย?”
อาวุโสเซียนหลินกล่าวถาม
“จดหมายอะไร?”
ข้ารับใช้หยิบซองจดหมายขึ้นมาจากแขนเสื้อพร้อมกับยื่นให้อาวุโสเซียนหลิน เมื่อได้รับ อาวุโสเซียนหลินเปิดจดหมายพร้อมเหลือบมองมัน
หลังจากเห็นเนื้อความในจดหมายแล้ว มือของเขาสั่นเทาจนจดหมายร่วงหล่นลงบนโต๊ะ
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านอาวุโสเซียน?”
ข้ารับใช้รีบกล่าวถาม
“ในจดหมายนั่นคือสิ่งใดกันแน่?”
“ไม่มีสิ่งใด ข้าเรียกเจ้ามาเพราะเรื่องอื่น”
อาวุโสเซียนหลินกล่าวช้า ๆ พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่คฤหาสน์ของชิงหมิงจื่อในวันนี้อย่างรวบรัด
“โอ้? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ชิงหมิงจื่อกล้าหาญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ซือเฉินอุทานออกมา
“เป็นเช่นนั้น แล้วองค์จักรพรรดิเซียนย่อมไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้แน่ ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าส่งข่าวนี้ไปที่วังจักรพรรดิเซียน รายงานต่อฝ่าบาท แล้วนำจดหมายนี้ไปด้วย และอย่าได้คิดเปิดอ่านมันเด็ดขาด”
“ข้ารับใช้ไม่กล้า…”
ชายผู้นี้เผยความลังเลออกมา เขาไม่สามารถต่อต้านอาวุโสเซียนหลินตรงหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุโสเซียนหลินหรือจักรพรรดิเซียน เขาก็ไม่สามารถสร้างความขุ่นเคืองให้กับผู้ใดได้ ตอนนี้จึงมีเพียงทางเลือกเดียวคือนำซองจดหมายไปส่งตามคำสั่ง
หลังจากซือเฉินออกไปแล้ว อาวุโสเซียนหลินก็เรียกผู้อื่นเข้าพบทันที ก่อนจะออกคำสั่ง
“เตรียมยานพาหนะเหาะเหิน…”
มีความลังเลฉายชัดอยู่ในแววตา ในที่สุดเขาก็กล่าวผ่านไรฟันอย่างเชื่องช้า
“ข้าต้องการหนี”
…
เหนือน่านฟ้าทางทิศตะวันออก ภายในหอคอยทุกชั้นคือพระราชวังของจักรพรรดิชิงตะวันออก
ความหรูหราและมั่งคั่งทั้งหมดคือทรัพยากรของมนุษย์ ในวังที่ฟุ่มเฟือยเหล่านี้ เหนือห้องโถงกลางคือจักรพรรดิชิงตะวันออกที่อายุน้อยที่สุด และยังหล่อเหลานั่งอยู่บนบัลลังก์ ด้านข้างมีเซียนสองคนยืนอารักษ์ขา ทั้งสองมีกงล้อเซียนด้านหลังเผยคลื่นพลังรุนแรงขจรขจายออกมา
หนึ่งในนั้นกล่าวกับจักรพรรดิชิง
“พระบิดาจักรพรรดิ อีกหนึ่งเดือนให้หลังท่านจะเรียกประชุมหรือไม่?”
จักรพรรดิชิงยังไม่ได้กล่าวตอบ แต่เซียนอีกคนหนึ่งเปิดปากพร้อมตะโกนว่า
“องค์เหนือหัวจักรพรรดิเป็นคนที่เจ้าสามารถเรียกขานได้ตามใจงั้นหรือ? เรียกขานท่านว่าพระบิดาจักรพรรดิ? องค์ชายสิบสอง โปรดเข้าใจสถานะของตนเอง เจ้าไม่เกี่ยวข้องและเป็นเซียนที่น่านับถือ ข้าไม่ต้องการเห็นว่าเจ้าล่วงเกินองค์จักรพรรดิอีก!”
หลังชุดไปชั่วคราว เขาก็กล่าวเสริมขึ้นอีกว่า
“หลงตัวเองนัก ไม่มีสิ่งอื่นในใจเจ้าแล้วหรือ?”
เซียนที่ถูกเรียกขานว่า ‘องค์ชายสิบสอง’ โกรธโกรธามาก… แต่ถึงกระนั้นก็ไม่กล้าคิดจะโต้แย้ง เพราะคนตรงหน้าคือเจ้าชายคนโตของจักรพรรดิชิง กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเป็นมหาเซียนแห่งยุคสมัย!
และยังเป็นที่รู้จักในนามมหาเซียนซื่อ เขาคือมือขวาที่แท้จริงของจักรพรรดิชิงตะวันออก
องค์ชายคนโตเปิดปากดุด่าน้องชาย แต่ทันใดนั้นมีทหารวิ่งเข้ามาเพื่อรายงานบางอย่าง
“ฝ่าบาท อาวุโสเซียนหลินให้คนมาส่งข่าวขอรับ”
“เข้ามา”
จักรพรรดิชิงซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์กล่าวคำเบา
หลังจากนั้นไม่นาน ข้ารับใช้ที่อาวุโสเซียนหลินส่งมาก็หยุดยืนอยู่ใจกลางห้องโถง เขาคุกเข่าลงต่อหน้าจักรพรรดิชิงตะวันออกและเซียนทั้งสอง
“สถานการณ์เป็นอย่างไร?”
จักรพรรดิชิงกล่าวถาม
“รายงานองค์เหนือหัวจักรพรรดิ…”
ซือเฉินคุกเข่าลงด้วยร่างกายสั่นสะท้าน เขาหยิบซองจดหมายออกจากแขน พร้อมกล่าวกับจักรพรรดิชิงตะวันออก
“องค์เหนือหัว นี่คือจดหมาย…”
เจ้าชายคนโต มหาเซียนซื่อเอื้อมมือออกไปหยิบจดหมาย แล้วนำมันส่งให้จักรพรรดิชิง
“ฝ่าบาท โปรดตรวจสอบ”
จักรพรรดิชิงเปิดซองจดหมายด้วยใบหน้าเรียบร้อย ก่อนจะเหลือบมองเนื้อความภายในจดหมาย
“หากข้าได้มอบรางวัลให้กับองค์เหนือหัวจักรพรรดิชิงในวันนี้ รางวัลนั้นคงจะไม่พ้นดอกท้อแน่นอน”
เขาพลิกกระดาษและเห็นว่ามีประโยคอื่นอยู่ด้านหลัง
‘สวมหมวกไว้ให้แน่น อย่าได้ทำตก’
“ฮึ่ม…”
จักรพรรดิชิงเผยสีหน้าเย้ยหยัน เปลวไฟลุกท่วมกระดาษในมือจนกลายเป็นเถ้าถ่าน!
“บุตรชายข้า”
เขากล่าวคำเบา
“บุตรทราบแล้ว”
มหาเซียนซื่อโค้งคำนับก่อนจะกล่าวตอบ
“บุตรชายผู้นี้จะส่งมหาเซียนขุยออกติดตามชิงหมิงจื่อและหลิวซือที่หลบหนีไป”