ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 305 ก็แค่บทกวี
บทที่ 305 ก็แค่บทกวี
บทที่ 305 ก็แค่บทกวี
เพราะไป๋ชิวหราน หลีจิ่นเหยา และถังรั่วเวยไม่ได้ออกไปด้วย ทั้งสองจึงอยู่ในวังของอีกาสามขาตลอดทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลีจิ่นเหยาตรงไปที่ห้องของไป๋ชิวหรานเพราะต้องการปลุกเขาให้ตื่น แต่พบว่าเขายังไม่กลับมา นางจึงกลับห้องของตนไปอย่างยอมแพ้
นางเดินออกมาจากห้องและตรงไปที่ห้องโถง จากนั้นได้พบกับถังรั่วเวยที่เพิ่งจะจัดการร่างกายตนเองเสร็จสิ้น
สตรีทั้งสองเดินออกไปด้วยกัน ขณะที่กำลังออกจากประตูวัง ทั้งสองได้พบกับไป๋ชิวหรานนั่งอยู่ตรงขั้นบันไดหน้าประตู
เขานั่งลงบนพื้น สายตาทอดมองขึ้นท้องฟ้าด้วยใบหน้าว่างเปล่า
เท้าของเขามีขวดหยกเปล่าซึ่งวางไว้ที่ขอบบันได มีของเหลวอยู่ภายใน และมันทำให้พื้นของพระราชวังแห่งนี้เปียกชุ่ม
“ท่านบรรพชนกระบี่”
เมื่อหลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวยเห็นเขา ทั้งสองจึงรีบรุดเข้าไปหาและถามไถ่อย่างรวดเร็ว
“ท่านทำสิ่งใด? เมื่อคืนไม่ได้กลับมาหลังจากไปแช่ตัวในสระรากฐานเลย เป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานเงยหน้าเหลือบมองทั้งสองก่อนกล่าวคำเบา
“เอ่อ… เป็นพวกเจ้านั่นเอง”
หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้ามองขึ้นฟ้า พร้อมเผยรอยยิ้มโล่งใจออกมา
“ข้าทราบแล้วว่าการสร้างรากฐานเป็นเรื่องของความเรียบง่ายที่จริงใจ การมองหาวิธีที่รวดเร็วนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดี เมื่อแช่ตัวในสระรากฐานแล้ว ข้ารับรู้ได้ถึงสัมผัสของมัน และความรู้สึกนี้จะถูกเก็บไว้ในใจข้า เท่านั้นก็เพียงพอ”
“ท่านบรรลุแล้วหรือไร”
ถังรั่วเวยนั่งลงข้างกายชายหนุ่ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นท้องฟ้าแล้วกล่าวถาม
“มันไม่ได้ผลอย่างนั้นหรือ?”
หลีจิ่นเหยาก้าวเข้ามาพร้อมกล่าวถามอย่างกังวล
“ไม่ใช่ว่าไม่ได้ผลใด… รากฐานของสระรากฐานมีผลต่อการกระตุ้นพลังปราณที่แท้จริงได้หลังจากแช่ตัวไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นปริมาณพลังปราณที่แท้จริงในร่างกายของข้าก็เพิ่มขึ้นมาก”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะพร้อมกล่าวตอบ
“นับว่าเป็นเรื่องที่ดี”
หลีจิ่นเหยากล่าว
“ใช่ แต่กลับพบว่าสระรากฐานนี้มันกระตุ้นพลังวิญญาณให้กลายเป็นพลังปราณที่แท้จริงง่ายกว่า”
ไป๋ชิวหรานยิ้มด้วยความผ่อนคลาย
“หลังจากแช่น้ำไปราวสองถ้วยชา สัดส่วนปราณแก่นแท้ในร่างกายของข้าก็ลดลงอีกครั้ง”
“เรื่องนั้น…”
หลีจิ่นเหยาไม่รู้ว่าจะกล่าวปลอบใจเขาอย่างไร
“ไม่เป็นไร”
เมื่อเห็นท่าทีของหลีจิ่นเหยา ไป๋ชิวหรานจึงส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน
“จิ่นเหยา ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยร้องขอต่ออีกาสามขาให้ ไป๋ชิวหรานจะจดจำสิ่งนี้ไว้ไม่ลืมเลือน ข้าได้แช่ตัวในสระรากฐานแล้ว และตอนนี้ก็ได้ตรวจสอบมันทั้งหมด เช่นนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่ต้องเสียใจ ข้ายังสามารถสร้างรากฐานให้กับตนเองได้อยู่”
ยามค่ำคืนที่ผ่านมา เขาไม่เต็มใจที่จะนั่งอยู่ตรงนี้ ทว่าไปศึกษาน้ำในสระเป็นเวลาหนึ่งคืน แต่ด้วยความช่วยเหลือของจื้อเซียน เขาจึงประสบความสำเร็จในการสกัดส่วนประกอบเร่งปฏิกิริยาของน้ำในสระรากฐาน ก่อนจะกลั่นเป็นขวดสมุนไพรซึ่งบรรจุอยู่ในถุงภายในร่างกายของเขา
ดังนั้น สำหรับไป๋ชิวหรานแล้ว สระรากฐานแห่งนี้จึงไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจนัก
ไป๋ชิวหรานลูบศีรษะของนางอยู่สองครั้ง หลีจิ่นเหยากะพริบตาปริบ ๆและทันใดนั้นนางรู้สึกราวกับว่าสามารถพิชิตใจเขาสำเร็จ!
อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานกลับถอนมือกลับพร้อมลุกขึ้นยืน
“ไปกันเถอะ”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับทั้งสอง
“ถึงเวลาบอกลาอีกาสามขาแล้วล่ะ”
…
หลังกล่าวคำลากับอีกาสามขา ชายหนุ่มเอ่ยเชิญชวนซีเหอกับนางไปเยี่ยมเยียนที่สวรรค์กระจ่างเขตอวี่ชิงในฐานะแขก จากนั้น ทั้งไป๋ชิวหรานและสตรีทั้งสองจึงกลับสู่โถงมหาสงบที่จักรพรรดิเซียนกลางจัดไว้ให้เขาอยู่อาศัยภายในสวรรค์กระจ่าง
แต่ก่อนที่จะมาถึงโถงมหาสงบ ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ เห็นว่ามีสตรีงดงามกว่าหนึ่งโหลกำลังรายล้อมทางเข้า และยังมีกลุ่มคนมากมายอยู่ด้านหลัง
สตรีเหล่านี้แต่งกายอย่างหรูหรา สวมมงกุฎเฟิงหวง และชุดคลุมสีดอกกุหลาบ รูปลักษณ์ภายนอกงดงาม รูปร่างแตกต่างกันไปทั้งอ้วนและผอม ทั้งหมดต่างมีวิถีของตนเอง และต่างกำลังยืนล้อมรอบประตูราวกับรอใครบางคน ชิงหมิงจื่อและหลิวซือออกมายืนกับคนเหล่านั้นเช่นกัน เหมือนกับว่าทั้งสองคนนี้เพิ่งมาที่แห่งนี้
“สตรีเหล่านี้คือผู้ใด?”
หลีจิ่นเหยากล่าวอย่างระมัดระวัง
“เป็นสหายของท่านบรรพชนกระบี่ในยุคทวยเทพอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไปสนิทกับผู้คนมากมายตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองนาง
“ความจริงแล้ว ความงดงามส่วนใหญ่ที่ได้พบล้วนแต่ต้องการเอาชนะข้าทั้งสิ้น แต่สตรีที่แปลกประหลาดและถูกใจข้าเช่นเซียงเสวี่ยและหลานเอ๋อกลับมีไม่มากนัก”
“เช่นนั้นข้าก็อยากอยู่ใกล้ท่านเช่นกัน”
หลีจิ่นเหยากล่าวคำ
“ข้าเป็นสตรีที่แปลกประหลาดสำหรับท่านหรือไม่?”
ทันทีที่นางกล่าวคำ ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยต่างหยุดสายตาพร้อมหันไปจับจ้องนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ผู้นำสำนักฝ่ายมาร ช่างมีความสามารถนัก”
ไป๋ชิวหรานกล่าวขึ้นก่อน
“ภรรยาในฝัน ศิษย์ล้มอาจารย์ ทำลายบรรพบุรุษ”
ถังรั่วเวยกล่าวขึ้นบ้าง
จากนั้นทั้งอาจารย์และศิษย์ทั้งสองกล่าวออกมาพร้อมกัน
“หากนี่ไม่ใช่สตรีที่แปลกประหลาด ผู้ใดจะแปลกประหลาดอีกเล่า?”
หลีจิ่นเหยานิ่งครุ่นคิดไตร่ตรอง
“ถ้าเช่นนั้นแล้ว… อาวุโสรู้จักกับสตรีเหล่านี้หรือไม่?”
“ย่อมไม่”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะ
“ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร”
เซียนหงเฉินที่เงียบอยู่ด้านหลังกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านอาจารย์จะได้รู้จักพวกนางในเร็ว ๆ นี้”
เขาเร่งฝีเท้าเข้าไปหาสตรีเหล่านั้น ก่อนจะมอบของกำนัลชิ้นใหญ่แก่พวกนาง
“ศิษย์โม่เฉิน ได้พบกับอาจารย์ทั้งหมดแล้ว”
เหล่าสตรีทั้งหมดหันกลับมา และเห็นเซียนหงเฉินยืนอยู่ และสตรีที่ดูคล้ายผู้นำกลุ่มกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า
“เป็นโม่เฉิน เจ้ากลับมาแล้วหรือ อย่าได้สุภาพนัก…”
นางกล่าวขึ้นพร้อมเงยหน้ามองไกล นางเห็นไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังของโม่เฉิน
“ท่านอาจารย์!”
สตรีผู้นั้นกล่าวทักทายไป๋ชิวหรานอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเหลียนได้พบอาจารย์แล้ว”
“เจ้าคือ…”
ชายหนุ่มมองใบหน้าสตรีผู้นี้ แม้ว่านางจะไม่ได้สร้างความประทับใจนัก แต่ใบหน้ากลับมีเสน่ห์เย้ายวน อีกทั้งยังดูดีจนไม่อาจละสายตา
แต่ใบหน้าของสตรีผู้นี้ดูเหมือนรักแรกที่เติบโตมากับเขา นางคือบุตรในตระกูลเล็ก ใบหน้าคล้ายคลึงกับมารดาในโลกของไป๋ชิวหราน เขารู้สึกว่าใบหน้านี้ช่างคุ้นเคยนัก
“สามีของเด็กสาวตัวน้อยผู้นี้คือไป๋ลี่”
สตรีผู้นั้นกล่าวกระซิบกับไป๋ชิวหราน
“ท่านอาจารย์”
เวลานี้เซียนหงเฉินเดินเข้ามา เขาแนะนำสตรีเหล่านั้นให้กับชายหนุ่มพร้อมกล่าวว่า
“พวกนางเป็นนางสนมของอาจารย์”
“โอ้”
ไป๋ชิวหรานเผยรอยยิ้ม เขามองไปที่สตรีที่เป็นผู้นำกลุ่มแล้วกล่าวว่า
“เป็นเจ้านั่นเอง เสี่ยวเหลียน… เจ้าเปลี่ยนไปมากและมีกายาจับต้องได้ ข้าจึงไม่อาจจดจำได้ในครั้งแรก ต้องขออภัยแล้ว”
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงปล่อยให้ท่านอาจารย์กล่าวเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่รีบแนะนำตนเองเมื่อได้พบ”
เสี่ยวเหลียนหรือจักรพรรดินีแห่งจักรพรรดิเซียนองค์แรกส่ายศีรษะพร้อมกล่าวกับเหล่าสตรีที่อยู่ด้านหลัง
“ศิษย์น้องทั้งหมด ได้พบท่านอาจารย์แล้ว”
กลุ่มของสตรีทั้งหมดเดินเข้ามาพร้อมกันและทำความเคารพต่อไป๋ชิวหราน เพียงครู่เดียวใบหูของชายหนุ่มจึงอัดแน่นไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานของเหล่าสตรี
ไป๋ลี่ผู้นี้ทรงพลังไม่น้อย… เด็กหนุ่มหน้าจืดที่หมดสภาพเกือบตายอยู่ตรงแม่น้ำพัฒนาไปได้ถึงเพียงนี้
ไป๋ชิวหรานอดคิดเช่นนั้นไม่ได้
หลังจากทั้งหมดทำความเคารพเสร็จสิ้นแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงถามต่อ
“แล้ววันนี้พวกเจ้ายกโขยงกันมาทำสิ่งใดที่นี่อย่างนั้นหรือ? ข้าคิดว่าจะอยู่ในต้าหลัวเทียนเสียอีก”
จักรพรรดินี นางสนมเหล่านี้ถูกส่งออกมาพร้อมกัน แน่นอนว่ามันค่อนข้างสร้างความวุ่นวายให้กับสวรรค์กระจ่างเขตอวี่ชิงไม่น้อย
“พวกเราได้ยินข่าวว่าท่านอาจารย์กลับมาแล้ว เช่นนั้นจึงมาต้อนรับแทนฝ่าบาท”
จักรพรรดินีเหลียนลังเล ก่อนจะกล่าวต่อ
“มีอีกเรื่องหนึ่ง ท่านอาจารย์ทรงพลังยิ่ง และพลังยังอยู่เหนือฝ่าบาท พวกเรามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้ท่านอาจารย์ช่วยเหลือฝ่าบาทเมื่อหอคอยจักรพรรดิเปิดออกในคราวต่อไป”
“แน่นอน ข้าตั้งใจไว้แล้ว”
ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อว่า
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับเขา?”
“ร่างกายและวิญญาณของฝ่าบาทแยกออกจากกัน และตอนนี้เหลือเพียงร่างกายที่อยู่ในหอคอยจักรพรรดิ”
จักรพรรดินีเหลียนกล่าวกับไป๋ชิวหรานผ่านสัมผัสเทวะ นางกล่าวว่า
“ฝ่าบาทไม่ได้กลับมานานกว่าหมื่นปีแล้ว พี่น้องของพวกเราคิดถึงเขายิ่ง… พวกเราไม่อยากปลูกสวนแตงอีกแล้ว”
“โอ้ ไม่แปลกใจที่พวกท่านรีบร้อนนัก ข้าเข้าใจแล้ว”
หลีจิ่นเหยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ไป๋ชิวหรานมองนางพร้อมถามว่า
“แม่นางหลี มันคือสิ่งใด?”
หลีจิ่นเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกระแอมเบา ๆ ก่อนจะเริ่มกล่าวบทกวี
“จำใจต้องใช้แตงในห้องหับ อับอายกล่าวบอกต่อผู้อื่น ฟ้าฝนทำเปียกชื้น ม้วนกระดาษต้องปาดเช็ด… ข้าอ่านต่อไม่ไหวแล้ว”
ถังรั่วเวยปรบมือเสียงดังก่อนจะกล่าวว่า
“ศิษย์พี่หลีเก่งกาจนัก บทกวีที่ยอดเยี่ยม บทกวีที่ดี!”