ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 33 ดินแดนชางโจว รัฐติ่งกั๋ว
บทที่ 33 ดินแดนชางโจว รัฐติ่งกั๋ว
“ฮึมฮึมฮึ้ม ฮึมฮึมฮึม…”
ถังรั่วเวยร้องเพลงตลอดทางขณะถือสมุนไพร จากนั้นจึงเดินเข้ามาที่สวนด้วยรอยยิ้ม และเข้าไปวางสมุนไพรทั้งหมดไว้ที่ห้องกลั่นยาของไป๋ชิวหราน
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” ไป๋ชิวหรานที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กลางห้องเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ยิ้มเหมือนแม่ลิงที่ชนะการผสมพันธุ์ได้ หรือเจ้ากลายเป็นแม่ลิงไปแล้ว?”
“นี่!” อารมณ์ดี ๆ ของถังรั่วเวยถูกทำลายในทันที นางจึงกล่าวอย่างโกรธเคือง “เหตุใดถึงว่าลูกศิษย์ที่แสนจะน่ารักอย่างข้าได้?”
“อืม ข้าพอจะเข้าใจแล้ว” ไป๋ชิวหรานเหลือบมองไปยังฝ่ามือของถังรั่วเวย “แก่นแท้ไหลออกมา มีเศษหินบนฝ่ามือ และดูเหมือนเจ้าจะสัมผัสกับใครสักคน…ข้าคิดดูแล้วคงจะเป็นแม่ลิงตัวเดียวกับที่เจ้าไม่ชอบบนภูเขาลูกนี้ ไม่คาดคิดเลยนะรั่วเวย ในโลกนี้มีคนมากมาย แต่เจ้ากับทะเลาะแม่ลิง มันช่างเปิดหูเปิดตาข้าอย่างแท้จริง…”
“ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว!” ถังรั่วเวยพูดอย่างเกรี้ยวกราดและคิดจะออกจากห้องกลั่นยาทันที
“รอเดี๋ยว อย่าเพิ่งไป” ไป๋ชิวหรานหยุดนาง “ข้ามีบางอย่างจะบอกเจ้า เป็นเรื่องจริงจัง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางจึงหันหลังกลับมาและนั่งลงตรงข้ามกับไป๋ชิวหรานด้วยความไม่พอใจ
ไป๋ชิวหรานเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง “ข้าจะบอกว่า เจ้าเข้าสู่ขั้นสร้างรากฐานแล้วและอีกไม่นานจะต้องลงจากภูเขา”
“อะไรนะ…” ถังรั่วเวยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ดังนั้นจึงดูลังเลเล็กน้อย “เหตุใดข้าถึงต้องลงจากภูเขาล่ะ”
“การเดินทางและฝึกฝนเป็นสิ่งที่ศิษย์ทุกคนของสำนักต้องสัมผัส เจ้าอยู่บนภูเขามาจะหกปีแล้ว จากนี้ต้องลงจากภูเขาเพื่อไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง” ไป๋ชิวหรานอธิบาย “เจ้าคงไม่รู้ว่าองค์ชายแห่งซ่างเสวียน หรือพี่ชายของเจ้าได้อภิเษกเสกสมรสไปเมื่อปีที่แล้ว”
“สมรส?” ถังรั่วเวยกล่าวด้วยความประหลาดใจ “พี่ชายของข้าแต่งกับสตรีประเภทใดงั้นหรือ?”
แม้ว่าไป๋ชิวหรานจะเน้นย้ำว่าผู้ฝึกตนควรตัดเรื่องส่วนตัวให้ขาด แต่ถังรั่วเวยก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนในครอบครัว
“สมรสกับสตรีหน้าอกหน้าใจใหญ่โต” แต่ไป๋ชิวหรานก็ตอบโดยไม่เขินอาย “ท้ายที่สุดก็ยังดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์ ข้าได้เห็นอนาคตขององค์หญิงหน้าอกแบนแล้ว”
“โชคชะตาเปลี่ยนกันได้!” ถังรั่วเวยเกาคอของตัวเอง
“เช่นนั้นก็เตรียมตัวลงจากเขา ข้ามั่นใจว่าวิชาหลอมสร้างกายของเจ้าจะพัฒนาไปได้อีก” ไป๋ชิวหรานกล่าวต่อ “ดังนั้นนี่จะเป็นการเดินทางครั้งแรกของเจ้า ข้าก็จะลงไปด้วย อีกอย่างข้าต้องหาโอกาสบรรลุขั้นสร้างรากฐานให้ได้เช่นกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังรั่วเวยก็รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย
“แต่อย่าเพิ่งรีบดีใจเกินไป” ไป๋ชิวหรานกล่าว “ถึงแม้นี่จะเป็นการลงไปหาประสบการณ์ทั้งเจ้าและข้า แต่หากเจ้าประสบปัญหากลางทาง เช่นนั้นจะต้องจัดการด้วยตัวเอง ข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเด็ดขาด นอกเสียจากปัญหานั้นมันรุนแรงเกินกำลังเจ้า”
—
สามวันต่อมา หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ไป๋ชิวหรานก็พาถังรั่วเวยออกจากประตูภูเขาชิงหมิง
เนื่องจากเป็นการเดินทางครั้งแรกของนาง ไป๋ชิวหรานจึงได้สร้างกระเป๋าเก็บของให้ ซึ่งสามารถเก็บทุกอย่างไว้ในนั้นได้ เพราะเพียงแค่หน้าอกปลอมที่ถังรั่วเวยใช้ มันก็เปลืองพื้นที่กระเป๋าธรรมดามากแล้ว ดังนั้นด้วยกระเป๋าใหม่ที่ไป๋ชิวหรานสร้างขึ้น มันจึงสามารถเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหมดได้ยามเดินทาง
ทั้งสองไม่ได้เดินลงเขาผ่านประตูชิงหมิง แต่ไป๋ชิวหรานกลับพาเดินออกมาอย่างเงียบ ๆ ผ่านภูเขาชีซิง
หลังจากลงมาถึงเชิงเขาและสูดอากาศเรียบร้อยแล้ว ถังรั่วเวยก็เงยหน้ามองไป๋ชิวหรานพร้อมเอ่ยถาม “ท่านอาจารย์ พวกเราจะไปที่ไหนกัน? กลับไปซ่างเสวียนงั้นหรือ?”
“ไม่ พวกเราจะไม่อยู่ในเขตกู่โจว” ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“ทำไมเล่า?”
“เจ้าโง่งั้นหรือ?”ไป๋ชิวหรานมองถังรั่วเวยก่อนจะใช้นิ้วดีดที่หน้าผากของนาง “สำนักกระบี่ชิงหมิงของเรา แม้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก แต่ก็เป็นสำนักที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในกู่โจว อีกทั้งยังโด่งดังไปทั่วทั้งสิบรัฐ โดยเฉพาะในกู่โจวที่เป็นเหมือนสวนหลังบ้านของสำนักเรา เจ้าออกไปอยู่กู่โจวในฐานะศิษย์สำนักกระบี่ชิงหมิง นอกจากราชวงศ์ของเจ้าจะสั่งให้มาช่วยฝึกฝน เช่นนั้นจะมีใครกล้าเข้ามารบกวนเจ้าอีก?”
“อาจารย์ ท่านพูดเหมือนเราต้องลงไปหาอะไรบางอย่างด้านล่างนั่น” ถังรั่วเวยเอ่ยถามเบา ๆ
“ใช่ เจ้าพูดถูกต้อง” ไป๋ชิวหรานตบไหล่ของนาง “การเดินทางลงเขา คือการลงไปหาบางอย่าง”
“หากไม่ไปกู่โจว เช่นนั้นพวกเราจะไปที่ไหน?”
“มากับข้า” ไป๋ชิวหรานคว้าแขนอีกฝ่ายทันทีเมื่อพูดจบ
—
ตลอดทาง ถังรั่วเวยกลายเป็นประกายแสงไปพร้อมกับไป๋ชิวหราน ระหว่างชมบรรยากาศข้างทางอยู่นาน ถังรั่วเวยก็ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ลี้แล้วหลังจากถูกไป๋ชิวหรานพาเดินทาง เมื่อฉากรอบด้านกลับสู่ปกติ นางก็พบว่าถูกพามายังสถานที่ที่ไม่คุ้นตาอย่างสมบูรณ์
“ท่านอาจารย์” เมื่อมองไปยังเสื้อผ้าของผู้คนรอบด้านที่แตกต่างไปเล็กน้อย ถังรั่วเวยจึงกระซิบถาม “พวกเราอยู่ที่ไหนงั้นหรือ?”
“ขอข้าดูก่อน สถานที่แห่งนี้คือ…” ไป๋ชิวหรานมองไปรอบด้านก่อนจะตอบ “ชางโจว รัฐติ่งกั๋ว”
“ชางโจว?” ถังรั่วเวยแอบตกใจเล็กน้อย
พวกเรายังเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ อาจารย์ใช้ความเร็วระดับไหนกัน?
แต่ละภูมิภาคของทั้งเก้าแคว้นนั้นกว้างใหญ่ไพศาล มันเกือบจะเทือบเท่าทวีปหนึ่งได้เลย ด้วยความกว้างใหญ่ไพศาลนี้ มันจึงสามารถแยกออกจากกลุ่มของเหล่าเทพ ปีศาจ อสูร และภูตผีได้
ตำแหน่งของเมืองชางโจวนั้นอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกู่โจว และยังมีหยุนโจวเป็นเมืองคั่นกลางระหว่างทั้งสองแคว้นนี้ด้วย กล่าวคือ ไป๋ชิวหรานเคยเดินทางมาแล้วหลายแสนลี้และข้ามมาหลายเมือง
สำหรับคนธรรมดา ระยะทางระหว่างสองแคว้นนี้แทบจะเท่ากับโลกสองใบ แต่สำหรับไป๋ชิวหรานนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะไปหาสู่
อีกทั้งเขายังใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วยาม
“เมื่อเทียบกับอาจารย์ ข้ายังนับว่าตามหลังอยู่มาก” ถังรั่วเวยรู้สึกชื่นชม และพยายามเตือนตัวเองให้ฝึกหนัก
ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นท่าทีของถังรั่วเวย ไป๋ชิวหรานจึงเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องแปลกใจ อย่างไรข้าก็มีชีวิตมากว่าสามพันปีแล้ว ฝึกฝนให้มาก เมื่อเจ้าบรรลุไปถึงขั้นสูง เจ้าก็จะสามารถเดินทางใกล้เคียงกับข้าได้…เพราะเจ้าสามารถใช้กระบี่บิน”
“แน่นอน” ถังรั่วเวยรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น “เช่นนั้น เราจะไปที่ไหนต่อหรือ ท่านอาจารย์?”
“ไปหาสิ่งที่จะต้องทำ และรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด” ไป๋ชิวหรานมองรอบด้านก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “มากับข้า สารถีคนเดิมผู้นี้จะนำทางให้เจ้าเอง”