ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 331 โอกาสในการศึกษาอสูร
บทที่ 331 โอกาสในการศึกษาอสูร
บทที่ 331 โอกาสในการศึกษาอสูร
“โม่เฉินกลับมาแล้วหรือ?”
ไป๋ชิวหรานถามด้วยความประหลาดใจ
หลังจากจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ล่วงลับ เซียนหงเฉินไปอยู่ในแดนเซียนคอยช่วยศิษย์พี่และผู้อาวุโสสร้างระเบียบให้กับแดนเซียนอีกครั้ง ตอนนี้เขากลับมาแล้ว นั่นหมายความว่าระเบียบของแดนเซียนน่าจะเริ่มมั่นคง
“ข้าเห็นเขาในอวิ๋นโจวเมื่อเช้านี้ ซ้ำเขายังบอกว่าจะมาพบเจ้าในวันอื่นหรืออะไรทำนองนั้นนี่แหละ”
หลีจิ่นเหยารายงาน
ไป๋ชิวหรานถือชามและตะเกียบไว้ในมือ สายตามองเจียงหลานและซูเซียงเสวี่ยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขาพลันนึกขึ้นได้แล้วกล่าวว่า
“อย่าให้เขามาหาข้า ให้ข้าไปหาเขาเอง ข้าจะไปหลังมื้อเย็นเสร็จ…”
“ฉิวหราน”
เจียงหลานกระแอ่มไอเล็กน้อยและกล่าวว่า
“นี่ก็ดึกแล้ว อย่าไปรบกวนโม่เฉินเลย คนเราต้องพักผ่อนตอนกลางคืน”
“ก็ได้”
ไป๋ชิวหรานโบกมือขณะกล่าวว่า
“เขาไม่มีภรรยา… แล้วจะทำอะไรตอนที่พักผ่อนล่ะ”
ซูเซียงเสวี่ยและเจียงหลานวางจานก่อนจะหยุดรับประทานอาหาร พวกนางมีท่วงท่าบอบบางยิ่งขณะเริ่มตรงไปที่ไป๋ชิวหราน
“ก็ได้ ๆ ”
ชายหนุ่มไม่อาจต้านทานสีหน้าเหล่านั้นได้ ในที่สุดก็เป็นคนแรกที่กล่าว
“ข้าจะไปวันพรุ่งนี้”
…
ช่วงเที่ยงของวันต่อมา ไป๋ชิวหรานเพิ่งลุกขึ้นจากเตียง หลังจากล้างหน้าล้างตาเขาก็แจ้งให้ซูเซียงเสวี่ยทราบ จากนั้นทะยานไปยังป่าไผ่ที่เซียนหงเฉินอาศัยอย่างสันโดษเพื่อตามหาศิษย์ตัวเอง
เขาไม่ปกปิดตำแหน่งตัวเอง จงใจสัมผัสค่ายกลที่ถูกตระเตรียมโดยเซียนหงเฉินตรงทางเข้าป่าไผ่ มันคือการเคาะประตู หลังจากผ่านไปสักพัก เซียนหงเฉินรีบวิ่งออกมาจากบ้านเพื่อมาต้อนรับเขา
เมื่อเข้ามาด้านใน เซียนหงเฉินก็เชิญให้ชายหนุ่มนั่งลง หลังจากนำชาหอมกำจายมาให้แล้ว เขาก็กล่าวว่า
“ทำไมอาจารย์เป็นฝ่ายมาหาเช่นนี้ ศิษย์บอกแล้วว่าจะไปเยี่ยมอาจารย์ทุกสองวัน”
“ข้าได้ยินว่าเจ้ากลับมาแล้ว ก็เลยมาดูน่ะ”
ไป๋ชิวหรานตอบ
“สถานการณ์ในแดนเซียนมั่นคงหรือยัง?”
“ใกล้มั่นคงแล้ว”
เซียนหงเฉินตอบ
“ด้วยความเคารพ ตอนนี้ไม่มีปัญหาในแดนเซียนทั้งสี่ เซียนในแดนเซียนเริ่มค่อย ๆ ฟื้นคืนพลังชีวิตขึ้นมา ศิษย์พี่สองที่นำทัพอยู่ใต้อาณัติแดนเซียนกลาง กองกำลังที่เหลือของสี่จักรพรรดิถูกกวาดล้างแล้ว ตอนนี้ไม่มีที่ให้ข้าไปแล้ว ดังนั้นข้าก็เลยกลับมา”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“หลายปีมานี้ ท่านอาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง?”
เซียนหงเฉินถามด้วยความกังวลอีกครั้ง
“เป็นอย่างไรหรือ ก็มีช่วงเวลาที่ดี… อีกทั้งว่างจนค่อนข้างเกียจคร้านเลยล่ะ ตอนนี้ข้าย้ายมาอยู่ข้างเซียงเสวี่ยเพื่อใช้ชีวิตกับนางชั่วคราว”
ไป๋ชิวหรานถอนหายใจ
“ก็แค่ตอนกลางคืนยุ่งนิดหน่อย โดยปกติแล้วต้องทำตอนอาทิตย์ตกดิน และพักผ่อนตอนอาทิตย์ขึ้น”
‘มันควรเป็น… ทำตอนอาทิตย์ขึ้นแล้วพักผ่อนตอนอาทิตย์ตกไม่ใช่หรือ?’
เซียนหงเฉินพึมพำอยู่ในใจ
“เจ้าไม่เข้าใจ”
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าสับสนบนใบหน้าของศิษย์ ไป๋ชิวหรานก็ส่ายหน้าไปมาขณะกล่าวว่า
“อย่างไรเสียเจ้าเป็นสุนัขเดียวดาย ไม่มีเพศสัมพันธ์ตอนกลางคืน”
เซียนหงเฉินประหลาดใจ
“เฮ้อ หลานเอ๋อและเซียงเสวี่ยล้วนอยากมีลูก”
ไป๋ชิวหรานส่ายหน้าขณะกล่าวว่า
“แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายหรือไม่”
“ยิ่งผู้ชายแข็งแกร่งเท่าไร ยิ่งมีลูกหลานยากมากขึ้นเท่านั้น”
เซียนหงเฉินตอบ
“ในตอนนั้นท่านอาจารย์กับอาจารย์แม่ หลังจากผ่านไปสามหมื่นปีก็มีลูกหลานมากมายถือกำเนิดขึ้น ยิ่งกว่านั้นหากเผ่าพันธุ์ต่างกัน การสืบพันธุ์จะยิ่งยากลำบากขึ้น หมายความว่ายังไม่ต้องรีบร้อนจนเกินไป ยิ่งเวลาผ่านไปย่อมมีบางสิ่งเกิดขึ้นเสมอ”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดเช่นกัน ถึงแม้ระดับพลังของเขาจะต่ำ แต่เรื่องกำลังไม่ต้องพูดถึง เจียงหลานเองก็เป็นจักรพรรดิเซียนที่อยู่ขั้นสูงสุด รากฐานการฝึกฝนไม่ด้อยไปกว่าไป๋ลี่ นางเองก็เป็นผู้ฝึกตนที่เคยย้ายมาจากเผ่าเทพ ส่วนซูเซียงเสวี่ยเป็นครึ่งอสูรเช่นกัน ตัวตนเช่นนั้นยากที่จะอธิบายให้ชัดเจนได้
“เจ้าพูดถูก แต่ว่า… อารมณ์ของเซียงเสวี่ยกับหลานเอ๋อ ข้าสามารถสัมผัสได้เช่นกัน”
ไป๋ชิวหรานถอนหายใจ
“หากมีทางทำให้ข้าสร้างรากฐานได้โดยไว ข้าเองก็ต้องเร่งรีบเช่นกัน ในอีกไม่กี่ร้อยปี ข้าสามารถสรุปเรื่องพลังเหนือธรรมชาติแห่งห้วงเวลาได้”
“อาจารย์มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว”
เซียนหงเฉินเอ่ยชื่นชมอย่างจริงใจ ก่อนบังเกิดความสงสัยอีกครั้ง
“แต่การสร้างรากฐานเกี่ยวอะไรกับพลังเหนือธรรมชาติแห่งห้วงเวลาหรือ…”
“เจ้าไม่เข้าใจ…”
สิ้นเสียง ไป๋ชิวหรานก็บอกกล่าวให้เซียนหงเฉินฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่น้ำแห่งห้วงเวลาและวิถีสวรรค์ให้ฟัง
“อ๋อ กลายเป็นว่าอาจารย์พยายามทำให้อีกฝ่ายโกรธด้วยการรุกรานอาณาเขตส่วนตัวของวิถีสวรรค์ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้โจมตีท่าน”
เซียนหงเฉินพลันเข้าใจและกล่าวต่อว่า
“แต่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนั้น วิถีสวรรค์ไม่ได้โง่ มันจะไม่โจมตีมาอีก ส่วนท่านก็ไม่สามารถสร้างความวุ่นวายในแม่น้ำแห่งห้วงเวลาจนถึงจุดที่วิถีสวรรค์จะออกเคลื่อนไหว อย่างไรเสียนี่ก็คือบางสิ่งที่ส่งผลกับทั้งโลก… ในเมื่อท่านต้องการแรงกดดัน ข้าก็มีความคิดที่แสนเรียบง่ายให้”
ดวงตาของไป๋ชิวหรานทอประกายเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
“หือ ความคิดอะไรหรือ? เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”
“มันคือสายธารแห่งความว่างเปล่า”
เซียนหงเฉินตอบ
“แม่น้ำนั่น แม้กระทั่งเซียนอย่างพวกเรายังกล้าเพียงนำกองเรือบินนักรบเต็มกำลังเพื่อทำการล่องเท่านั้น ส่วนสายธารแห่งความว่างเปล่าคือผลรวมของพายุพลังงานแห่งความว่างเปล่า เหตุผลที่ทำไมถูกเรียกว่าสายธารแห่งความว่างเปล่า นั่นเป็นเพราะมันคือปรากฏการณ์ที่คล้ายกับแม่น้ำนั่น ส่วนในแม่น้ำยังมีกระแสน้ำวนแห่งความว่างเปล่า อีกทั้งพายุพลังงานแห่งความโกลาหลจะก่อให้เกิดแรงบีบอัดอันทรงพลังในกระแสน้ำปั่นป่วนซึ่งเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนสูงสุดก็ยังแทบเอาชีวิตไม่รอด”
“มีสถานที่ดีแบบนี้อยู่ด้วย”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“อีกวันเดียวข้าจะไปลองดู”
“เฮ้อ อาจารย์โปรดคิดให้รอบคอบก่อนลงมือด้วยเถิด”
เซียนหงเฉินรีบกล่าว
“สายธารแห่งความว่างเปล่านั้นอันตรายมาก”
“ข้ารู้ แต่ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ ไม่ต้องห่วง… เจ้าไม่ต้องกังวล”
ไป๋ชิวหรานตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“อีกวัน เดี๋ยวข้าจะลองว่ายท่ากบดู…”
เซียนหงเฉินกำลังจะเปิดปากกล่าวบางสิ่ง แต่เมื่อรู้ว่าไม่อาจโน้มน้าวได้ เขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจยาวก่อนปล่อยวาง
“แต่จะผ่อนคลายเกินไปไม่ได้ สนใจเรื่องของตัวเองด้วย”
ไป๋ชิวหรานเสริม
“ศิษย์ของข้าจะตายหลังจากผ่านไปห้าร้อยปี ถึงตอนนั้นเจ้าที่เป็นศิษย์พี่สองต้องดูแลการพัฒนาของแดนเซียน สิ่งที่อยู่เหนือกำแพงแห่งความตระหนักรู้ พวกเรายังต้องหาทางคลี่คลาย”
“อา พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว…”
เซียนหงเฉินกล่าวว่า
“ข้าได้ยินก่อนที่จะออกมา ดูเหมือนว่าจะมีการรั่วไหลเล็กน้อยเกิดขึ้นเหนือกำแพงแห่งความตระหนักรู้”
“รั่วไหลหรือ?”
ไป๋ชิวหรานรีบถามว่า
“เรื่องจริงหรือ? มีบางสิ่งผิดปกติกับการปิดกั้นความตระหนักรู้ของข้าหรือไม่? ไม่น่ามีสินะ? แต่ข้าต้องปิดกั้นความตระหนักรู้ของเจ้าเด็กหนุ่มตัวเหม็นหน่อยแล้ว”
“ไม่ใช่ว่ามีปัญหากับการปิดกั้นความตระหนักรู้ของท่านหรอก สิ่งที่รั่วไหลนั้นน่าจะเป็นตอนท่านดึงวิญญาณของตัวเองออกจากรอยแยก จากนั้นมันก็รั่วไหลออกมาระหว่างทำการผนึกรอยแยก สันนิษฐานว่ามันคือช่วงเวลาสั้น ๆ ตอนที่ท่านต่อสู้กับกองทัพอสูร”
เซียนหงเฉินส่ายหน้าขณะกล่าวว่า
“ปัญหาไม่ได้ร้ายแรงนัก เพียงแค่ส่งผลกับโลกระดับต่ำเท่านั้น อาจารย์ได้ตระเตรียมกำลังคนไปปิดกั้นที่โลกนั้นแล้ว รวมถึงกำลังเตรียมแผนการอยู่ พร้อมที่จะส่งเหล่าเซียนไปปิดกั้นตามที่ต้องการ จากนั้นก็จะไปทำการอพยพผู้รอดชีวิต”
“อืม อย่างนี้นี่เอง”
ไป๋ชิวหรานนิ่งไปสักพัก ทันใดนั้นก็คิดบางอย่างขึ้นได้
“เดี๋ยวนะ นี่มันคือโอกาสไม่ใช่หรือ? พื้นที่ปิดของความตระหนักรู้ที่แยกจากกัน คือพื้นที่ทดสอบชั้นยอดสำหรับพวกเราในการศึกษากลไกความรู้เรื่องอสูรน่ะสิ!”