ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 332 แถบสีขาวในคลื่นของสายธารแห่งความว่างเปล่า
บทที่ 332 แถบสีขาวในคลื่นของสายธารแห่งความว่างเปล่า
บทที่ 332 แถบสีขาวในคลื่นของสายธารแห่งความว่างเปล่า
ในความว่างเปล่า แม่น้ำเจิดจ้าสร้างกระแสพลังงานขึ้นช้า ๆ แม่น้ำสายนี้กว้างใหญ่ไพศาลขณะไหลผ่านโลกมากมาย อีกทั้งยังไม่ทราบได้ว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่ไหน… และไม่ทราบได้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่ที่ใด
แม่น้ำคล้ายกับสงบนิ่ง แต่ความจริงแล้วภายในนั้นกำลังปั่นป่วน… ซึ่งเป็นความปั่นป่วนที่อันตราย ซ้ำยังคาดเดาไม่ได้ ในความว่างเปล่านี้ มีเพียงเซียนจากแดนเซียนห้าเท่านั้น ที่สามารถ ‘ล่อง’ บนสายธารแห่งความว่างเปล่าด้วยเรือ และใช้กระแสพลังงานเพื่อทำให้เดินทางระหว่างโลกอย่างรวดเร็วได้
แต่วันนี้ มีเงาสีขาวกำลังควบคุมกระบี่บินเพื่อก้าวข้ามความว่างเปล่าด้วยกายเนื้อ และมาถึงด้านข้างของแม่น้ำเจิดจ้านี้
“สายธารแห่งความว่างเปล่า…”
ไป๋ชิวหรานยืนอยู่ข้างแม่น้ำ ขณะสำรวจสมองของตัวเอง
“มีกระแสน้ำวนอยู่ที่นี่จริงหรือ?”
เขาบินไปตามสายธารแห่งความว่างเปล่า… ในแม่น้ำมีเรือจากโลกเซียนล่องลอยอยู่ท่ามกลางแม่น้ำ เมื่อเซียนบางตนบนเรือเห็นเขาจึงรีบตะโกนว่า
“สหายเต๋าที่อยู่ตรงนั้น รีบลงมา มีพายุแห่งความว่างเปล่าพัดพาในแม่น้ำสายนี้ มันอันตรายมาก!”
ไป๋ชิวหรานโบกมือไปมาเพื่อเป็นสัญญาณว่าไม่สนใจ
กระบี่ของเขาบินไปทางกำแพงแห่งความตระหนักรู้ที่อยู่ปลายน้ำ ใช้เวลาในการบินไม่นานนักก็พบเห็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่บนแม่น้ำ!
พลังงานในกระแสน้ำวนรุนแรงยิ่ง ความปั่นป่วนรุนแรงยิ่งก่อตัวขึ้น เรือของโลกเซียนยังคงวนเวียนอยู่ไกลลิบเพื่อหลีกเลี่ยงกระแสน้ำวนนี้
ไป๋ชิวหรานมาถึงจุดสูงสุดของกระแสน้ำวนนี้ ขณะเคลื่อนผ่านเรือไปด้านหน้าได้มีเซียนพบเห็นเขาอีกเช่นกัน
“ดูสิ! คนคนนั้นกำลังจะทำอะไรน่ะ? ฆ่าตัวตายหรือ?”
ใครบางคนตะโกนลั่น
“ถึงกับสามารถฝึกฝนให้อยู่สภาพเช่นนี้ได้… เขาไม่ได้คิดน้อยเกินไปใช่หรือไม่ที่ไปอยู่ตรงนั้น?”
มีคนที่พยายามล่องเรือพร้อมกับตะโกนเช่นกัน พวกเขาอยากลองดูว่าจะสามารถห้ามเขาได้หรือไม่
แต่ไป๋ชิวหรานไม่ให้เวลาพวกเขาตอบสนอง เมื่อเห็นกระแสน้ำวนนี้ เขาสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นกระโดดลงจากวารีสารทกระจ่างฟ้า
ชายหนุ่มดิ่งลงไปในกระแสน้ำวน และถูกกระแสน้ำวนพัดพาเข้าสู่ห้วงลึก ยามนี้ไม่มีคลื่นสาดกระเซ็นอีกแล้ว… เมื่อทุกคนคิดว่าเขาตายจนไม่หลงเหลือแม้แต่ซากศพ ไป๋ชิวหรานก็พลันปรากฏตัวขึ้นจากใจกลางกระแสน้ำวนอีกครั้ง!
“ข้าถูกชะล้างหรือ? รุนแรงเพียงนี้เชียวหรือ? ยอดไปเลย”
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะกวาดสายตาระแวดระวังมองรอบข้างเมื่อเห็นฉากนี้เข้า เรือจำนวนมากต่างหยุดนิ่ง เซียนบนเรืองัดวิชามากมายออกมาใช้เพื่อเริ่มเฝ้ามองเขาที่เป็นคนต่างแดนกับแถบสีขาวที่ปรากฏในคลื่นของสายธารแห่งความว่างเปล่า
ส่วนไป๋ชิวหรานผู้อยู่ใจกลางของกระแสน้ำวน เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่เกิดจากกระแสน้ำวนโกลาหลในสายธารแห่งความว่างเปล่านี้
พลังกดขี่ในกระแสน้ำปั่นป่วนนี้หาตัวจับยาก มันถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าวิถีสวรรค์ในยุคทวยเทพเล็กน้อย… ไม่สงสัยเลยว่าแม้แต่จักรพรรดิเซียนสูงสุดที่ตกลงไปยังแทบเอาชีวิตไม่รอด!
แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือใจกลางของกระแสน้ำวนนี้ แรงกดดันยังไม่สม่ำเสมอมากพอ พลังของพายุแห่งความว่างเปล่าวุ่นวาย แรงบ้างเบาบ้าง มันส่งผลกับการหลอมรวมพลังวิญญาณที่แท้จริงในร่างกายของเขา ตรงกันข้ามแล้วมันไม่ดีเมื่อเทียบกับวิถีสวรรค์กระทำกับเขา
อีกทั้งในกระแสน้ำวนนี้ มันเร็วกว่าการหลอมรวมของไป๋ชิวหรานจริง ๆ เขาหันกลับไปแล้วดำดิ่งเข้าไปในใจกลางของกระแสน้ำวนแห่งความว่างเปล่าปล่อยให้ทั่วทั้งร่างกายอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มจงใจใช้คฤหาสน์ม่วงที่เปราะบางที่สุดเพื่อสัมผัสกับกระแสน้ำที่ปั่นป่วนเหล่านั้น ให้พวกมันช่วยบีบอัดองค์ประกอบที่แท้จริงเข้าไป
ทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป สัดส่วนแก่นแท้ในร่างกายของไป๋ชิวหรานเพิ่มขึ้นจากมากกว่าสิบส่วนแต่ไม่เกินยี่สิบส่วน และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมากกว่ายี่สิบส่วน
แต่น่าเสียดาย อย่างไรเสียนี่ก็คือกระแสน้ำวน ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่สามารถคงอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ ไป๋ชิวหรานอยู่ที่นี่สักพักกระแสน้ำวนก็หายไป สุดท้ายมันช่วยเพิ่มสัดส่วนแก่นแท้ในร่างกายของเขาให้ยี่สิบส่วน ซึ่งไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้
ด้วยกระแสน้ำแห่งความว่างเปล่า ไป๋ชิวหรานโผล่ขึ้นมาบนพื้นผิวของสายธารและพบเห็นเซียนอยู่รอบข้าง พวกเขาคนแล้วคนเล่าต่างอุทานว่าเขาเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานอยู่ยงคงกระพัน…
ไป๋ชิวหรานขับไล่คนเหล่านั้นให้ออกห่างไป หลังจากครุ่นคิด เขายังคงอยู่ในสายธารแห่งความว่างเปล่านี้และว่ายน้ำไปข้างหน้า ถึงแม้กระแสน้ำแห่งความว่างเปล่าในแม่น้ำสายนี้จะไม่ส่งผลกับเขา แต่ความเร็วของแม่น้ำยังเร็วมาก ไม่ได้ช้าไปกว่ากระบี่บินมากนัก ส่วนในแม่น้ำจะเข้าไปพัวพันในกระแสน้ำที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นผิวแม่น้ำได้ง่ายกว่า
เวลาล่วงเลยผ่านไป ชายหนุ่มเคลื่อนไปด้านล่างตามสายธารแห่งความว่างเปล่า
…
เบื้องล่างสายธารแห่งความว่างเปล่า ที่สุดขอบของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ กลุ่มกองกำลังเซียนจากแดนเซียนกลางกำลังปิดกั้นที่นี่ ห้ามไม่ให้เรือลำใดผ่าน
และไกลออกไปอีก กลุ่มเซียนจากทะเลกำลังร่วมมือกันปลดปล่อยสัมผัสเทวะเพื่อพยายามผนึกโลกที่คล้ายกับฟองสบู่
ภายในโลกใบนี้ จากมิติที่ไม่สามารถมองเห็นจากข้างในได้ เขตแดนหลากสีสันปกคลุมโลกทั้งใบอย่างเงียบงัน นั่นคือเขตแดนแห่งความตระหนักรู้!
ในกระบวนการของบรรพบุรุษเซียนเพื่อช่วยจักรพรรดิเซียนองค์แรก เขาเคยต่อสู้กับกองทัพอสูรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของกำแพงเป็นเวลาสั้น ๆ ถึงแม้อสูรทั้งหมดจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่มันก็ทำให้ส่วนหนึ่งของเขตแดนความตระหนักรู้รั่วไหลออกมากัดกร่อนโลกใบนี้!
ตอนนี้ เซียนเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ทำการปิดกั้นมัน หลังจากอพยพประชาชนแล้ว พวกเขาถึงได้ร่วมมือกันทำลายมัน
ทว่าเมื่อเซียนปิดโลกด้วยสัมผัสเทวะได้อย่างสมบูรณ์ ในความว่างเปล่าตรงที่เป็นจุดตรวจพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ประเดี๋ยวก่อน!”
พวกเซียนต่างประหลาดใจขณะตั้งท่าป้องกัน… ถึงกับสามารถก้าวข้ามระดับของแดนเซียนกลางจนเข้าสู่ที่นี่ได้ กำลังของมันย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอน!
พวกเขาปลดปล่อยสัมผัสเทวะออกไปค้นหาในบริเวณรอบข้าง แต่ในความว่างเปล่าใกล้เคียงกลับไม่เห็นตัวตนใด ๆ
ขณะพวกเซียนตกตะลึงลาน บนสายธารแห่งความว่างเปล่าพลันมีศีรษะหนึ่งผุดขึ้นมา เผยเป็นรูปร่างของผู้ชายใส่ชุดสีดำ สวมหน้ากากทองแดงโผล่ขึ้นจากสายธารแห่งความว่างเปล่าและเหาะเหินบินมาหาเหล่าเซียน
เมื่อเห็นชายผู้นี้ พวกเซียนรีบโค้งคำนับทันที ในขณะนั้นผู้นำเซียนเอ่ยถามว่า
“ท่านจักรพรรดิภูตผี ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่? ทำไมท่านถึงมาห้ามไว้?”
“ไม่ต้องรีบร้อนไป”
ไป๋ชิวหรานชำเลืองมองโลกที่ถูกอาณาเขตของความตระหนักรู้กัดกร่อน… และก่อนที่เซียนเหล่านี้จะสามารถเข้าไปได้ พวกเขาต้องนำสิ่งมีชีวิตออกมาก่อน
“ข้าจะใช้โลกใบนี้ให้เกิดประโยชน์ เอามันมาให้ข้า”
“เรื่องนี้…”
เหล่าเซียนมองหน้ากันด้วยท่าทีแน่วแน่
“พวกข้าต้องได้รับการอนุมัติจากท่านจักรพรรดิเซียนองค์แรกก่อน”
“ท่านมีหนทางติดต่อกับแดนเซียนกลางหรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานยื่นมือออกไปแล้วกล่าวว่า
“ส่งมาให้ข้า ข้าจะติดต่อกับจักรพรรดิเซียนองค์แรกเอง”
เหล่าเซียนมองหน้ากัน แต่ท้ายที่สุด ผู้นำเซียนยังคงส่งแร่ผลึกวงรีสีม่วงให้ไป๋ชิวหราน
มีอักขระลอยคว้างอยู่ในแร่ผลึก มันเปล่งประกายแสงสว่างเจิดจ้าระคนหมองหม่นขณะสาดส่อง ไม่ช้า เสียงของไป๋ลี่ก็ดังมาจากแร่ผลึก
“สถานการณ์เป็นอย่างไร? มีอะไรจะรายงานอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าเอง”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับแร่ผลึก จากนั้นหยิบแร่ผลึกออกมาและก้าวถอยห่างไปยังอีกฝั่งเล็กน้อย
เหล่าเซียนฟังบทสนทนาจากตรงนั้น ผ่านไปสักพักชายหนุ่มก็เดินกลับมาพร้อมกับส่งผลึกแร่ให้กับผู้นำเซียน
“ให้ท่านจักรพรรดิภูตผีจัดการกับโลกนี้เอง”
ภายในแร่ผลึก เสียงของจักรพรรดิเซียนองค์แรกดังขึ้น
“ให้เขาจัดการกับเรื่องนี้ พวกเจ้าสามารถกลับไปได้ แต่อย่าถอยออกจากจุดตรวจ ให้ปิดกั้นเส้นทางที่นี่ไว้อย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาได้”
เมื่อเหล่าเซียนได้ยินคำพูดเช่นนั้น พวกเขาตอบสนองอย่างว่องไวรีบเก็บของแล้วขึ้นเรือบิน และกล่าวลากับไป๋ชิวหราน
หลังจากชายหนุ่มส่งพวกเขาแล้ว เขาก็กลับมาที่นี่ทันทีและมุ่งสู่โลกใบนั้นผ่านกำแพงโลก ขณะส่งสายตาสอดส่องมองเข้าไปด้านใน
ในเขตแดนแห่งความตระหนักรู้หลากสีสัน มีวัตถุแปลกประหลาดปั่นป่วนอยู่ในนั้นและมันค่อย ๆ เลือนหายไป…