ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 333 จิ่นเหยาจะทำให้ท่านเข้าใจ
บทที่ 333 จิ่นเหยาจะทำให้ท่านเข้าใจ
บทที่ 333 จิ่นเหยาจะทำให้ท่านเข้าใจ
หลังจากใช้ขอบเขตจิตสำนึกยึดครองโลกใบนี้เสร็จสิ้นแล้ว ไป๋ชิวหรานก็เรียกหาเซียนหงเฉินในทันที
เขาขอให้ศิษย์ที่เชี่ยวชาญพลังเหนือธรรมชาติในการบิดเบือนมิติช่วยเหลือด้วยการใช้พลังเหนือธรรมชาติบีบอัดโลกใบนี้ให้เหลือขนาดเท่ากับไข่มุก เช่นนี้มันจึงสามารถพกพาได้สะดวกและช่วยให้ศึกษามันได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
สุดท้ายแล้ว ไป๋ชิวหรานไม่ได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับเจียงหลานและคนอื่น ๆ ว่ากำลังจะไปสถานที่ใดก่อนจะออกมา และเขาไม่สามารถอาศัยอยู่ที่เขตแดนแห่งความตระหนักรู้หลากสีสันนี้โดยไม่กลับบ้านไปเจอภรรยาหรือคนอื่น ๆ ไม่ได้!
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่บีบอัดโลกใบนี้จนเล็กจิ๋ว ไป๋ชิวหรานจะสามารถตรวจสอบการรั่วไหลของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ได้โดยง่าย ในเวลานั้น เขาเพียงแค่ถ่ายเทสัมผัสเทวะลงไปเพื่อปิดกั้นการรั่วไหล เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
แน่นอนว่าแม้มันจะหดเล็กลงมาก แต่โลกก็คือโลก และมันยังต้องการความหนาแน่นของสัมผัสเทวะเท่าเดิม ทั้งหมดเพียงแค่จัดการโลกใบนี้ได้ง่ายดายขึ้นเท่านั้น
หลังจากเสร็จสิ้นทุกสิ่งแล้ว ไป๋ชิวหรานเก็บมันไว้แล้วกระโดดลงในสายธารแห่งความว่างเปล่าก่อนจะว่ายกลับ
เขาใช้เวลาสองสามวันในการไปกลับคราวนี้ ไป๋ชิวหรานกลับมาถึงลานเล็ก ๆ ของสำนักเฮอหวนและได้พบกับหลีจิ่นเหยาโดยตรง
แม่นางตัวน้อยดูเหมือนว่าจะอยู่ในบ้านมาสองสามวันโดยไม่ได้ไปที่ใด หลังจากสัมผัสได้ถึงพลังของเขา นางก็กล่าวทักทายทันที
“ท่านบรรพชนกระบี่ ท่านไปที่ใดมางั้นหรือ?”
หลีจิ่นเหยากล่าวเสียงใสพร้อมกะพริบตาถี่
“ดูนั่นสิ เสื้อคลุมของท่านขาดหมดแล้ว… ถอดมันออกเร็วเข้า ข้าจะจัดการให้”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองครู่หนึ่งและเขาพบว่าเสื้อคลุมสีดำบนร่างกายขาดรุ่ย… เพื่อที่จะเกลี้ยกล่อมเหล่าเซียนพวกนั้นโดยง่ายดายเช่นนี้ เขาจึงเปลี่ยนชุดเป็นชุดของจักรพรรดิภูตผีเมื่ออยู่ในสายธารแห่งความว่างเปล่าแล้วว่ายข้ามมา ปกติแล้วเขาไม่ค่อยสวมใส่ชุดนี้บ่อยนัก ดังนั้นจึงไม่ทันสังเกตเห็นรอยขาดที่ปรากฏขึ้นเมื่อมันถูกกระแสน้ำวนรุนแรงเข้ากดดัน
ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะยื่นมันให้หลีจิ่นเหยาแล้วกล่าวขึ้นว่า
“ไม่มีอะไรมาก ข้าเพียงออกไปค้นหาสถานที่ฝึกฝนแล้วจัดการเรื่องบางอย่างกับโม่เฉินเล็กน้อยน่ะ”
หลีจิ่นเหยารับเสื้อคลุมไปและทั้งสองก็เดินตรงเข้าไปในบ้าน แม่นางหลีหยิบกล่องเย็บผ้าออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ นางเริ่มเย็บปักเสื้อคลุมพร้อมกับกล่าวถามไปพร้อมกัน
“สถานที่ฝึกฝนหรือ เป็นสถานที่แบบใดกัน?”
“เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับข้า”
ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“โอ้”
หลีจิ่นเหยาหมดความอยากรู้ในบัดดล… สถานที่ฝึกฝนที่ไป๋ชิวหรานมองหานั้นมักจะเป็นสถานที่แปลกประหลาดที่ผู้ฝึกตนมากมายในขั้นสร้างรากฐานกับขั้นกลั่นลมปราณปรารถนาจะเข้าไปเผชิญ ทั้งหมดล้วนอันตรายยิ่ง คงจะเป็นสถานที่เหล่านั้นที่เหมาะสมกับเขา
สิ่งที่นางคาดเดานั้นถูกต้องแล้ว สถานที่ดังเช่นสายธารแห่งความว่างเปล่าและกระแสน้ำวนนั้นเกรงว่าจะมีเพียงไป๋ชิวหรานเท่านั้นที่ใช้มันเป็นสนามฝึกฝน
เขาลงไปว่ายในสายธารแห่งความว่างเปล่าอยู่สองครั้ง ทำให้พลังแก่นแท้ในร่างกายเพิ่มขึ้นเพียงสามในสิบเท่านั้น น่าเสียดายเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ความเร็วของมันก็ค่อย ๆ ลดระดับลงอย่างน่าใจหาย
ไป๋ชิวหรานคาดเดาว่าคงเป็นเพราะวิชาหลอมร่างกาย หลังจากที่ประสบความสำเร็จในวิชานี้ เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บ ความแข็งแกร่งของร่างกายจะยิ่งเพิ่มพูนและพลังในการฟื้นตัวยังรวดเร็วมากขึ้นด้วย
แม้แต่พลังต้านทานของร่างกายก็ยังเพิ่มขึ้นตาม เช่นว่าหากไป๋ชิวหรานอยู่ในเปลวเพลิง หลังจากถูกเปลวเพลิงไหม้ร่างกายแล้ว ผิวหนังที่ไหม้เกรียมไม่เพียงแต่จะฟื้นตัวเร็วเท่านั้น แต่ยังเพิ่มการต้านทานเปลวเพลิงให้กับร่างกายอีกด้วย เมื่อต้องประสบกับภัยพิบัติเช่นเดิมในคราวต่อไป สิ่งเหล่านั้นจะไม่มีผลใดกับร่างกายของเขาอีก
วิชาหลอมร่างกายเปรียบเสมือนการฝึกฝนของนักรบศักดิ์สิทธิ์
หลังตระหนักถึงความจริงนี้ได้ ไป๋ชิวหรานก็รู้สึกยุบยิบรำคาญใจไม่น้อย วิชาหลอมร่างกายไม่ควรที่จะทรงพลังเช่นนี้หรือไม่? ในคราวแรก การฝึกนี้เป็นเพียงการเพิ่มความแข็งแกร่งและเพิ่มพลังการฟื้นฟูของร่างกาย มันไม่ควรมีพลังต้านทานดั่งเช่นนักรบศักดิ์สิทธิ์!
ด้วยลักษณะเช่นนี้ พลังต่อสู้ของเขากับถังรั่วเวยจึงก้าวหน้าไปมาก แต่สุดท้ายมันก็ยังถูกจำกัดไว้ด้วยเช่นกัน
เขาแหวกว่ายในสายธารแห่งความว่างเปล่าอยู่สองรอบ นั่นทำให้ความแข็งแกร่งของคฤหาสน์ม่วงเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุดที่มันต้านทานแรงกดดันจากสายธารแห่งความว่างเปล่าได้ และถังรั่วเวยก็เป็นเช่นนั้น หลังจากที่สายเลือดของนางหวนคืนสู่บรรพบุรุษ แม้ว่ากระดูกที่หน้าอกจะเติบโตขึ้น แต่บรรพบุรุษของนางที่คาดว่าอยู่ในยุคทวยเทพอาจจะไม่มีความสามารถในการต้านทานที่แข็งแกร่งดั่งเช่นตัวนางในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณวิชาการหลอมร่างกายกับการทุบตีของไป๋ชิวหราน เพราะทุกครั้งที่เขาลงมือ ความแข็งแกร่งกระดูกหน้าอกของนางจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ความรุนแรงนี้ไม่สามารถทะลวงผ่านได้
ตอนนี้นับว่าโชคดีที่วิชาการหลอมร่างกายในปัจจุบันของถังรั่วเวยมาถึงระดับที่สี่สิบเจ็ด และนางอยู่ห่างจากระดับที่ห้าสิบเพียงสามระดับเท่านั้น!
ไป๋ชิวหรานคาดเดาไว้ว่าความแข็งแกร่งของเขาและสตรีผู้นี้คงจะห่างกันมาก สักวันหนึ่งกระดูกหน้าอกของนางคงจะพัฒนาไปถึงวันที่เขาไม่สามารถทุบตีมันได้อีก
“ไม่เป็นไร”
ขณะที่ไป๋ชิวหรานไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ หลีจิ่นเหยาก็เย็บเสื้อคลุมเสร็จสิ้นแล้ว นางกัดปลายเส้นด้ายและจัดเก็บสิ่งของลงก่อนจะส่งเสื้อคลุมกลับคืนให้ไป๋ชิวหราน
ชายหนุ่มเพ่งพินิจมองดูมันและเห็นว่าเสื้อคลุมซ่อมแซมเสร็จสิ้นแล้ว ราวกับว่านี่คือเสื้อคลุมตัวใหม่ ไร้ซึ่งร่องรอยความเสียหายก่อนหน้า
ต้องกล่าวว่าฝีมือการทำงานบ้านและการทำอาหารของหลีจิ่นเหยาสูงพอ ๆ กับขั้นการฝึกฝนของนาง
ขณะมองหลีจิ่นเหยาที่กำลังเก็บเครื่องมือเย็บผ้า ไป๋ชิวหรานก็ลอบถอนหายใจออกพร้อมเก็บเสื้อคลุมลงไป
“ขอบคุณแม่นางหลีจิ่นเหยาที่ช่วยเหลือข้า”
“ข้ายินดี”
หลีจิ่นเหยายิ้มก่อนจะเอนตัวเข้าไปใกล้และกล่าวกระซิบ
“ท่านบรรพชนยังไม่ทราบความในใจของจิ่นเหยาอีกหรือ?”
ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่าท่าทางของหลีจิ่นเหยาคล้ายคลึงกับซูเซียงเสวี่ยเมื่อหลายสิบปีก่อน…
ชายหนุ่มป้องปากไอแห้ง ๆ ก่อนจะผละตัวออกไปเล็กน้อย
“จิตใจของสตรีนั้นยากที่จะหยั่งถึง เปรียบได้กับการงมเข็มในมหาสมุทร ข้าไม่เข้าใจและไม่เคยเข้าใจเลย”
“ไม่เป็นไร”
หลีจิ่นเหยาหันเก้าอี้มาใกล้เขา ก่อนจะเผยรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ
“สักวันหนึ่งจิ่นเหยาจะทำให้ท่านเข้าใจเอง”
…
หลังจากนำโลกใบนั้นกลับมาแล้ว ไป๋ชิวหรานว่ายน้ำที่สายธารแห่งความว่างเปล่าสองรอบในทุก ๆ วัน ช่วงเวลาที่เหลือเขากับเซียนหงเฉินพยายามหาวิธีการเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกภายในนั้นด้วย
โลกนี้เป็นโลกที่มีพลังของเขตแดนจิตสำนึกต่ำมาก ในห้วงความว่างเปล่า เมื่อโลกเก่าพังทลายไป โลกใหม่จะถือกำเนิดขึ้นในทุกวัน
นอกเหนือจากโลกเช่นแดนเซียนอู่ฟางที่เหล่าเซียนยังคงรักษาไว้ และไป๋ชิวหรานกับคนอื่น ๆ อาศัยอยู่ในโลกแห่งการฝึกฝนที่เหล่าเซียนคอยดูแล… กล่าวได้ว่าโลกอื่นที่อยู่ในความว่างเปล่านั้นไม่มีความมั่นคง
ในอดีต กำแพงแห่งความตระหนักรู้ยังไม่ถูกเปิดออก กองทัพอสูรยังไม่บุกเข้ามา และเมื่อโลกเซียนก้าวสู่จุดสูงสุด โลกส่วนใหญ่ในความว่างเปล่าจึงได้รับการปกป้องจากแดนเซียนและวิถีสวรรค์
แม้ว่าโลกจะหลีกเลี่ยงชะตากรรมการสูญพันธุ์ได้ยากยิ่ง แต่เหล่าเซียนย่อมคิดหาวิธีย้ายสิ่งมีชีวิตจากโลกใบนั้นไปสู่โลกอื่น เพื่อที่พวกเขาจะได้สืบเผ่าพันธุ์ต่อไป โดยคาดหวังว่าจะมีเซียนองค์ใหม่ถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเจ็ดหมื่นปีให้หลัง หลังจากถูกแยกวิญญาณของจักรพรรดิเซียนองค์แรกไป๋ลี่ จักรพรรดิทั้งสี่จึงเข้ายึดอำนาจแล้วมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้แบบประจัญบาน แดนเซียนทั้งหมดจึงถูกแช่แข็งเอาไว้โดยสมบูรณ์ มีโลกใบใหม่เกิดขึ้นมากมายในความว่างเปล่า ทว่ากลับไม่มีเหล่าเซียนเข้าไปควบคุมดูแล นั่นจึงไม่มีหนทางถือกำเนิดเซียนองค์ใหม่ขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้
และโลกใบนี้ที่ถูกรุกรานด้วยเขตแดนจิตสำนึกก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน…