ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 34 ร้านในสังกัดสำนักเหอฮวน
บทที่ 34 ร้านในสังกัดสำนักเหอฮวน
ไป๋ชิวหรานดึงถังรั่วเวยเดินมาตลอดทางจนมาถึงเมืองใหญ่
ดูเหมือนเขาจะคุ้นเคยผังเมืองนี้อยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงพาถังรั่วเวยเดินไปซ้ายบ้างขวาบ้างอย่างชำนาญ ก่อนจะมาถึงตรอกที่มีต้นหลิว
เมื่อมองดูข้างทาง ตรอกนี้เต็มไปด้วยหญิงงามที่เปิดเผยรูปร่างดูยั่วยวน อีกทั้งยังมีการเต้นและแสดงท่าทีดึงดูดตา สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของถังรั่วเวยแดงขึ้นมาทันที แต่ไป๋ชิวหรานยังคงดึงนางตลอดทางจนมาถึงร้านใหญ่ร้านหนึ่ง
เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานคิดจะเข้าไป ถังรั่วเวยจึงคว้าแขนของเขาไว้อย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์ ท่านมาทำสิ่งใดที่นี่?”
“หาคนรู้จักกับขอข้อมูล” ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“ท่านรู้หรือไม่ว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร?” ถังรั่วเวยกระซิบถามด้วยใบหน้าที่แดงขึ้นเรื่อย ๆ “ท่านไม่อายบ้างหรือ?”
“ข้าไม่ได้มีความคิดชั่วร้าย เหตุใดถึงต้องอายด้วย?” ไป๋ชิวหรานสงสัย
ถังรั่วเวยไม่สามารถอดกลั้นได้อีก “ได้โปรดเถอะ นี่เป็นซ่องของจริงนะ! ท่านเป็นตาแก่บริสุทธิ์อายุสามพันปีที่อ่านแค่หนังสือลามกของเจ้าสำนักยังหน้าแดง เช่นนั้นทำไมถึงต้องมาที่นี่ คิดให้ดี ๆ ก่อน! อีกอย่าง ข้าเองก็เป็นผู้หญิง มันดีหรืออย่างไรที่จะพาข้าเข้าสถานที่เช่นนี้?!”
ถังรั่วเวยดูตื่นตัวอย่างมาก แต่ไป๋ชิวหรานพูดเพียงไม่กี่คำก็ทำให้นางสงบลง “นี่เป็นที่ตั้งของสำนักเหอฮวน”
ถังรั่วเวยรู้สึกเย็นมือและเท้าขึ้นมาแทน
นางเคยได้ยินชื่อของสำนักเหอฮวนมาเป็นเวลานานขณะร่ำเรียนในสำนักกระบี่ชิงหมิง เช่นเดียวกับห้าพันธมิตรวิถีปราณเที่ยงธรรมที่ก่อตั้งโดยห้าสำนักชั้นยอดของทั้งเก้าแคว้น นอกจากนั้นก็ยังมีสี่สำนักอสูรที่ฝึกเน้นไปทางวิชามาร สี่สำนักนี้มีสำนักหลักคือสำนักอสูรสวรรค์ที่มีอำนาจสูงสุด และพวกเขายังได้ก่อตั้งพันธมิตรสำนักอสูรกันขึ้น
ในบรรดาสี่สำนักนี้ สำนักโลหิตเทวะนั้นโหดเหี้ยมมากเกินไป แม้แต่ผู้ฝึกตนด้านนี้ก็ยังไม่สามารถทนต่อวิธีการได้ ดังนั้นกว่าหนึ่งพันปีมาแล้ว สำนักแห่งนี้จึงถูกพันธมิตรสำนักอสูรด้วยกันหักหลัง และทำให้พันธมิตรวิถีปราณเที่ยงธรรมสามารถเข้าทำลายทั้งหมดได้
อีกสามสำนักที่เหลือใช้โอกาสเก็บตกของจากสำนักโลหิตเทวะเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
สำนักเหอฮวนนี้ก็เป็นหนึ่งในสามสำนักอสูรที่เหลืออยู่ สำนักนี้มีแต่สตรีและจะรับศิษย์แค่สตรีเท่านั้น มีข่าวลือว่าสตรีที่งามเลิศฝึกฝนในสำนักเหอฮวน นานวันเข้าจะยิ่งมีความดึงดูดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กล่าวได้ว่าพวกนางจะฝึกฝนจนจิตวิญญาณและเสน่ห์จนถึงจุดสูงสุด เมื่อรวมกับท่าเต้นรำอันน่ายั่วยวนของสำนัก มันจึงสามารถทำให้พวกนางบรรลุวิชามนตร์เสน่ห์อันน่าทึ่งได้
การมีเสน่ห์เป็นสิ่งที่ดี แต่วิธีการฝึกฝนของสำนักเหอฮวนไม่ใช่เรื่องง่าย พวกนางต้องใช้ความช่วยเหลือจากชายบริสุทธิ์ส่วนหนึ่ง
มีคำกล่าวโบราณว่าไว้ไม่มีทุ่งนาใดที่ไถไม่ได้ มีแต่วัวควายที่หมดแรงเสียก่อน เหมือนกับสำนักเหอฮวน ไม่มีสิ่งใดที่ฝึกฝนไม่ได้ เพียงแต่ขั้นบันไดแรกของการฝึกนั้นยากอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม บรรดาสำนักอสูรนั้นเน้นผู้ฝึกตนที่ทำทุกอย่างตามต้องการ ความสามารถของสำนักเหอฮวนจึงไม่ใช่ระดับล่าง ในช่วงปีแรก ๆ สตรีจากสำนักเหอฮวนจึงมีชื่อเสียงไม่น้อย
อีกทั้งสำนักเหอฮวนยังเป็นสำนักที่คนอยากจะสู้ด้วยน้อยที่สุด ในบรรดาสำนักอสูรทั้งสามสำนัก สองสำนักที่เหลือนั้นลงมือเด็ดขาดและรวดเร็ว แม้แต่ความตายก็ยังทำให้เหยื่อมีความสุขได้ แต่สำนักเหอฮวนนั้น ผู้ชายส่วนใหญ่จะตายด้วยความงุนงง หรือยังทำให้บางคนรู้สึกตายดีกว่ามีชีวิตอยู่
กล่าวกันว่าหลังจากได้พบกับสำนักเหอฮวนแล้ว เหล่าบุรุษจะถูกบังคับให้อยู่ในโลงมัมมี่ ขณะที่ฝั่งผู้หญิงจะถูกจับขังไว้ใต้ดินของสำนักเหอฮวน จากนั้นจะถูกล้างสมองด้วยวิธีลึกลับ เมื่อถึงเวลา ผู้หญิงเหล่านั้นจะกลับออกมาเป็นศิษย์ของสำนักเหอฮวนต่อไป
เรื่องราวเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชิงอวิ๋นบอกเล่าขณะอยู่ในชั้นเรียน
ดังนั้นเมื่อนึกได้เช่นนี้ ถังรั่วเวยจึงคิดจะหันหลังหนีทันที แต่ไป๋ชิวหรานพลันคว้าแขนนางเอาไว้ “เจ้ากลัวอะไร?”
ถังรั่วเวยเล่าเรื่องที่นางได้ยินมาจากชั้นเรียนให้ไป๋ชิวหรานฟัง จากนั้นคนเป็นอาจารย์จึงกล่าวตอบ “ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว ทั้งหมดเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อน อาจจะยังมีบางส่วนที่ทำเช่นนี้อยู่ แต่พวกนางไม่กล้าเข้ามาจับเจ้ากันโต้ง ๆ หรอก”
“ทำไมล่ะ?” ถังรั่วเวยถามกลับ
“เพราะเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักกระบี่ชิงหมิง และเป็นศิษย์โดยตรงของไป๋ชิวหรานผู้นี้ ฟังให้ดี พวกเราเป็นหนึ่งในห้าพันธมิตรวิถีปราณเที่ยงธรรม สำนักเหอฮวนควรจะกลัวพวกเรามากกว่า” ไป๋ชิวหรานกล่าว
“ตกลงก็ได้”
หลังจากนั้นเขาได้ไขว้มือไว้ด้านหลังและเดินตรงเข้าไปอย่างสบายใจ ศิษย์สำนักเหอฮวนสองคนที่อยู่หน้าประตูก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ไป๋ชิวหรานปล่อยออกมาอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกนางจึงเข้ามาหยุดไว้ทันที
“หยุดก่อน!” สตรีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะเข้ามาขวาง “นี่คือที่ตั้งของสำนักเหอฮวน หากท่านต้องการเข้าไปโปรดแสดงตราอนุญาต”
“ตราอยู่นี่” ไป๋ชิวหรานหยิบตราบางอย่างออกมา ตราดังกล่าวเผยจิตพลังชั่วร้ายออกมาอย่างแรงกล้า
เมื่อศิษย์หญิงทั้งสองเห็นต่างก็ตกใจ พวกนางรีบระงับพลังเสน่ห์ที่โปรยออกมาในทันทีและก้มศีรษะให้ไป๋ชิวหราน หนึ่งในพวกนางกล่าวอย่างเคารพ
“เป็นผู้อาวุโสจากสำนักอสูรนี่เอง เหตุใดถึงมาที่นี่? ท่านต้องการผ่อนคลายงั้นหรือ? หากผู้อาวุโสมาไม่บ่อยนัก ท่านสามารถเรียกศิษย์ระดับล่างมารับใช้ก่อนได้”
หลังจากผ่านประสบการณ์มาหลายร้อยครั้ง ศิษย์ทั้งสองของสำนักเหอฮวนจึงมองออกทันทีว่าไป๋ชิวหรานยังใหม่กับเรื่องสตรี แต่ด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธ พวกนางจึงกล่าวแนะนำอย่างสุภาพ
“หึ ล้อเล่นหรืออย่างไร” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานจึงยิ้มอย่างภาคภูมิใจพร้อมกล่าว “เรียกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเจ้าออกมา!”
“นี่…ตกลง” ทั้งสองมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นหนึ่งในพวกนางได้เดินเข้าไปข้างในและไม่นานก็ออกมาต้อนรับไป๋ชิวหราน
“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” ไป๋ชิวหรานกล่าวทิ้งไว้ให้ถังรั่วเวย จากนั้นเขาก็เดินตามสตรีอีกคนเข้าไปข้างใน
ศิษย์หญิงอีกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาทักทายนาง
“น้องสาว ดูจากรูปลักษณ์แล้วเจ้าคงจะเป็นคนดีมีศีลธรรมสินะ เจ้าถูกผู้อาวุโสคนนั้นจับเป็นทาสใช่หรือไม่?”
“เอ่อ…” ถังรั่วเวยตกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ ๆ เป็นการเดินทางที่โชคร้ายมาก”
“เฮ้อ พวกเราช่างเป็นคนที่โชคร้ายเสียจริงนะ” ศิษย์สำนักเหอฮวนเช็ดน้ำตา
“ข้าเองตอนแรกก็เป็นผู้ฝึกตนที่มีคุณธรรม แต่หลังจากมาเจอสำนักอสูรเข้า ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้…”
—
หลังจากทั้งสองแยกกัน ไป๋ชิวหรานได้เดินตามศิษย์อีกคนเข้ามาในสำนักเหอฮวน เขาเดินตามนางเข้าไปจนสุดทาง ทั้งสองผ่านห้องโถงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ยั่วยวน หลังจากนั้นชั่วครู่ ทั้งสองก็มาถึงยังห้องด้านในสุด
“ผู้อาวุโส ข้าพาเขามาแล้ว” ศิษย์หญิงหยุดเดินตรงหน้าประตู และกล่าวอย่างสุภาพ
“เข้ามา” เสียงสตรีที่ฟังดูนุ่มนวลและไพเราะดังออกมาจากด้านใน แค่ประโยคเดียวก็ทำให้คนที่ฟังรู้สึกตกอยู่ในภวังค์ได้
แต่ไป๋ชิวหรานเป็นผู้ฝึกตนมานานกว่าสามพันปีจึงไม่รู้สึกเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ศิษย์หญิงผลักประตูเปิดทางให้ชายหนุ่มด้วยความเคารพ
ไป๋ชิวหรานเดินไปที่ประตู และเห็นสตรีชุดขาวนั่งอยู่ภายในสวน
นางงดงามราวกับเทพธิดากระบี่บนสรวงสวรรค์ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เพรียวบางนั้นดูไร้ที่ติอย่างยิ่ง การแต่งกายของนางนั้นแตกต่างจากบรรดาศิษย์ข้างนอกอย่างชัดเจน นางดูอ่อนช้อยขณะรินน้ำชาอยู่ในสวน ชายใดที่มาเห็นเป็นครั้งแรกย่อมถูกความงามนี้เปลี่ยนให้กลายเป็นหุ่นเชิดได้ทันที
“ผู้ใดกันที่ว่างมากจนต้องการมาพูดคุยกับเซียงเสวี่ยวันนี้?” ขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันดึงดูด นางเงยหน้าขึ้นอย่างมีเสน่ห์ จากนั้นจึงได้เห็นไป๋ชิวหรานที่กำลังยืนอยู่ตรงประตูมองกลับมาอย่างไร้ความรู้สึก
“อ๊ะ! ไป๋ชิวหราน?”