ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 340 สั่งสอนอาจารย์อสูร
บทที่ 340 สั่งสอนอาจารย์อสูร
บทที่ 340 สั่งสอนอาจารย์อสูร
ไป๋ชิวหรานเคลื่อนเวลาของโลกนั้นให้เร็วขึ้นอีกสิบปี แน่นอนว่าในเขตแดนจิตสำนึกไม่มีปฏิกิริยาใดตอบสนอง อสูรแห่งความเสพสุขไร้วี่แววใด ๆ หลังจากไตร่ตรองเมื่อชายหนุ่มบีบเค้นจนมันตายตก มันควรที่จะพยายามโคจรพลังเพื่อฟื้นคืนชีพอีกครั้งภายในส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึก
“อสูรแห่งความเสพสุขคงตายตกไปอย่างแท้จริงแล้ว…”
ขณะเฝ้ามองเขตแดนจิตสำนึกในช่วงสิบปีที่ผ่านมา อสูรโลหิตแห่งความเกรี้ยวกราดซึ่งอยู่ในชุดเกราะสีนิลได้กลายเป็นนักรบผู้ทรงเสน่ห์ในชุดเกราะมันเงา ในขณะที่ไป๋ชิวหรานเอ่ยขึ้น
“ทุกคน… จู่ ๆ ข้าก็นึกวิธีจัดการกับอาจารย์อสูรแล้วจากแรงบันดาลใจเล็กน้อยเหล่านั้น”
ขณะกำลังหันมองบางสิ่ง เซียนหงเฉินหยิบพู่กันออกมาพร้อมจดบันทึกขณะพึมพำกับตนเองอย่างมีความสุข
“นับว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญยิ่ง นี่คือการค้นพบครั้งสำคัญและไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายร้อยพันปี เพราะหลังจากถูกอาจารย์อสูรฆ่าและกลืนกิน อาจารย์อสูรมันก็จะไม่ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง!”
เซียนหงเฉินจดบันทึกเหตุการณ์ลงในกระดาษอย่างละเอียด จากนั้นหันมองไป๋ชิวหรานอย่างอ่อนใจ
“ขอโทษท่านแล้ว ข้าต้องกล่าวรายงานเรื่องนี้ต่อท่านอาจารย์ทันที และขอให้ท่านช่วยดูแลโลกใบนี้สักสองสามวัน”
“ไปเถอะ”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าและเผยความคิดในใจบางอย่างออกมา
“เช่นนั้นบอกอาจารย์ของเจ้าว่านี่คือความคิดของข้า”
“ขอรับ”
เซียนหงเฉินรีบออกไปจากกระท่อมไม้ไผ่ เมื่อเห็นเช่นนั้นไป๋ชิวหรานจึงเหยียดมือเข้าไปในโลกใบนั้น แล้วกล่าวกับหลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวยว่า
“พวกเจ้ากลับไปกันก่อน”
…
หลังจากผ่านพ้นไปสามวัน เซียนหงเฉินก็กลับมาที่โลกใบนี้และกล่าวรายงานไป๋ชิวหรานถึงการตัดสินใจของจักรพรรดิเซียนองค์แรก
เขากล่าวว่า จักรพรรดิเซียนองค์แรกสนับสนุนความคิดและการตัดสินใจของไป๋ชิวหรานอย่างเต็มที่ และยังส่งเซียนจากแดนเซียนกลางมาเพื่อช่วยจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ด้วย
ความจริงแล้ว ไป๋ชิวหรานไม่คิดขออนุญาตไป๋ลี่เพราะเขาสามารถตัดสินใจเองได้ แต่สำหรับเรื่องอาจารย์อสูรเหล่านี้ ชายหนุ่มไม่อาจทำให้ศิษย์ของตนต้องขายหน้าได้
เซียนที่ไป๋ลี่ส่งมารออยู่ที่สำนักเหอฮวน บริเณลานด้านนอกเล็ก ๆ เป็นสถานที่ที่ไป๋ชิวหรานอาศัยอยู่ เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา ซูเซียงเสวี่ยและเหล่าศิษย์หญิงภายในสำนักเหอฮวนต่างล้อมรอบเหล่าเซียนทั้งหมดเอาไว้ สตรีทุกคนเผยรอยยิ้มหวานราวกับมีบางสิ่งในใจ
แต่ไม่ทราบว่าเซียนเหล่านั้นใสซื่อบริสุทธิ์เกินไปหรือไม่ เมื่อถูกรุกรานด้วยสายตาจากเหล่าสตรีงดงามซึ่งเป็นผู้ฝึกตน พวกเขาก็ถึงกับวางมือไม่ถูก ใบหน้าแดงก่ำ ทั้งยังเงียบงันราวกับพยายามฝืนกระทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ทว่าสายตาของคนทั้งหมดกลับจับจ้องไปยังเนื้อหนังที่เปิดเผยออกของเหล่าศิษย์สำนักเหอฮวน
อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานนั้นคุ้นเคยกับทิวทัศน์ของสำนักเหอฮวนมานานแล้ว มันเปรียบเสมือนกับต้นไม้ริมทางที่พบเจอได้ทั่วไป
ท้ายที่สุด เขาคือคนที่สามารถปราบปรามสตรีเช่นซูเซียงเสวี่ยได้…
“เอาล่ะ ออกไปกันได้แล้ว”
ไป๋ชิวหรานเห็นเช่นนี้จึงเดินตรงเข้ามาพร้อมกับโบกมือให้หญิงสาวทั้งหมดออกไปจากลาน
“ท่านบรรพชนกระบี่ น่าเบื่อเสียจริง”
เมื่อเห็นไป๋ชิวหราน ศิษย์สตรีเหล่านั้นก็ไม่อาจกล่าวคำใดต่อ และหลังจากบ่นอุบเสร็จสิ้น พวกนางจึงแยกย้ายกันไปคนละทาง
ขณะนั้นเหล่าเซียนทั้งหมดรีบกล่าวทักทายไป๋ชิวหราน
“ได้พบองค์เหนือหัวจักรพรรดิภูตผีแล้ว”
“ไม่ต้องสุภาพนัก”
ไป๋ชิวหรานโบกมือพร้อมกล่าวต่อ
“ว่าแล้วพวกเจ้าเป็นอะไรกัน? ข้าเห็นใบหน้าซีดเซียว ปล่อยให้สาว ๆ รังแกได้อย่างไร? ไป๋ลี่ไม่เคยสั่งสอนเรื่องนี้งั้นหรือ?”
เหล่าเซียนทั้งหมดมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะกล่าวตอบอย่างเขินอาย
“องค์จักรพรรดิภูตผีคงจะไม่ทราบ เราทุกคนเกิดในแดนเซียนกลาง และยังอุทิศตนเพื่อการฝึกฝนตนตั้งแต่ยังเยาว์ พวกเราฝึกฝนอยู่ในแดนเซียนกลาง จวบจนทุกวันนี้ พวกเรา… รู้สึกว่ามือของตนเองแข็งและหยาบกระด้างยิ่งนักเมื่อกล่าวถึงความสัมพันธ์ชายหญิง”
“ไป๋ลี่ เจ้าเด็กคนนี้ไร้ความชอบธรรมยิ่งนัก”
ไป๋ชิวหรานบ่นขณะรับฟัง
“เป็นที่แน่ชัดว่ารังรักของนางสนมเจ็ดสิบสองคนในพระราชวังทั้งสามและลานทั้งหกล้วนเปิดกว้าง แต่เหล่าเซียนที่อยู่ภายใต้คำสั่งของตนเองกลับไม่ถูกสั่งสอนให้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้”
ดูเหมือนว่าเรื่องเพศศึกษาภายในแดนเซียนกลางจะไม่ค่อยดีนัก
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า
“แล้วทำไมข้าไม่ขอให้เซียงเสวี่ยตระเตรียมให้ศิษย์ของนางมาสั่งสอนพวกเจ้า… มันดีมาก เพราะพวกนางก็ล้วนสนใจเช่นกัน”
เห็นได้ชัดว่าเหล่าเซียนทั้งหมดทราบดีว่าสำนักเหอฮวนเป็นอย่างไรก่อนที่พวกเขาจะลงมาที่นี่ และเมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งหมดจึงพากันตื่นตระหนกและพร้อมใจกันส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ ไม่ได้แล้ว กล่าวขอบคุณองค์เหนือหัวจักรพรรดิภูตผีสำหรับความเมตตานี้แล้ว ทว่าเรื่องนี้มันน่าตื่นเต้นเกินไป พวกเราไม่อาจต้านทานได้ พวกเราไม่อาจ…”
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ผู้นำเหล่าเซียนป้องมือของตนพร้อมกล่าวต่อ
“ท่านไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบในสิ่งเหล่านี้ องค์เหนือหัวจักรพรรดิภูตผี พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลืองานที่ท่านต้องการ ไม่ใช่เพื่อสนุกสนานกับสิ่งเหล่านั้น”
ดูเหมือนว่าเซียนที่ไป๋ลี่ส่งมาจะมีอุดมการณ์สูงส่งนัก…
ขณะคิดเรื่องนี้ ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นเพื่อเปิดห้วงมิติที่เป็นเส้นทางสู่กระแสแห่งความว่างเปล่า
“เช่นนั้นพวกเจ้ามากับข้า แล้วข้าจะอธิบายถึงสิ่งที่ต้องทำ”
เขานำเซียนเหล่านั้นเข้าสู่ห้วงมิติแห่งความว่างเปล่า เซียนทั้งหมดไม่มีความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างอิสระในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องนำเรือบินขนาดเล็กกับขนาดกลางออกมาจากพื้นที่เก็บของ และนั่งอยู่บนนั้น ส่วนไป๋ชิวหรานก็เกียจคร้านเกินกว่าจะเรียกหากระบี่ของตนเอง เขาจึงลงนั่งที่เรือลำนั้นเพื่อรับลมไปด้วย ก่อนจะสั่งให้เหล่าเซียนขับเรือนี้ไปในห้วงกระแสความว่างเปล่า
จากนั้นเขาถามเหล่าเซียน
“พวกเขาอยากสร้างโลกหรือไม่?”
เหล่าเซียนทั้งหมดมองหน้ากัน
“หากมีเครื่องมือในการสร้าง พวกเราสามารถลองกระทำมันได้ แต่ตอนนี้…”
“เข้าใจแล้ว”
ไป๋ชิวหรานดึงวารีสารทกระจ่างฟ้าออกมา
“เช่นนั้นเดี๋ยวข้ากลับมา”
ท้ายที่สุด เขาสับฟันกระบี่ออกไปในส่วนลึกของห้วงกระแสความว่างเปล่าด้านหน้า ปราณกระบี่ขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ห้วงกระแสความว่างเปล่าเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว และในไม่ช้าก็เกิดระเบิดครั้งใหญ่ จากใจกลางของมัน และปรากฏภาพของโลกใบใหม่ที่กำลังถือกำเนิดขึ้น!
ขณะนั้นไป๋ชิวหรานปล่อยให้เหล่าเซียนขับเรือเหาะไปยังโลกใบใหม่ และนำโลกที่ถูกบุกรุกจาเขตแดนจิตสำนึกออกมาจากอ้อมแขน ก่อนจะค่อย ๆ ปลดผนึกวิญญาณด้านบนออกเล็กน้อย
ทันทีที่เขตแดนจิตสำนึกในโลกใบนี้ทะลักออกมาจากช่องว่างที่ไป๋ชิวหรานเปิดออก มันรีบค้นหาโลกว่างเปล่าใบใหม่ที่ใกล้ที่สุด และพยายามบุกทะลวงเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มผนึกโลกใบแรกไว้ในมือ ในขณะเดียวกันจิตสำนึกของเขาแผ่ขยายออกไปปิดกั้นโลกใหม่ตรงหน้า และรอให้จิตสำนึกกัดเซาะโลกใบนี้จนหมดสิ้นเสียก่อน
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงเริ่มอธิบายแผนของเขาให้เหล่าเซียนรับฟัง
“ข้าอยากกระทำบางสิ่ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเราจะสามารถควบคุมอาจารย์อสูรให้ทำบางสิ่งเพื่อเรา”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“ท้ายที่สุดแล้ว อาจารย์อสูรคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากจิตสำนึกของพวกเรา ตราบใดที่พวกเราสามารถควบคุมความคิดของตนผ่านการฝึกฝนได้ ข้าคิดว่าน่าจะมีวิธีที่ทำให้เราสามารถควบคุมอสูรของตนเองได้”
เขาหันหน้าและชี้ไปยังโลกใบใหม่
“และสถานที่แห่งนั้น… คือสนามทดสอบ!”