ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 345 จิตยึดเรือน กายมาร
บทที่ 345 จิตยึดเรือน กายมาร
บทที่ 345 จิตยึดเรือน กายมาร
มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ทว่าก็เต็มไปด้วยความฟุ้งซ่าน
เมื่อไป๋ชิวหรานละทิ้งร่างของตน เขาก็ไม่สามารถมองเห็นร่างกายและจิตวิญญาณของตนได้อีกต่อไป
ไม่ว่าจะพลังปราณที่กำลังเดือดพล่าน หรือจะร่างกายที่ทรงพลัง เขาล้วนละทิ้งทุกสิ่ง ไป๋ชิวหรานมีเพียง ‘ความคิด’ ของตนเองในขณะนี้ แต่ไม่สามารถรับรู้อะไรจากร่างเดิมได้เลย
ครู่ต่อมา เขาก็มาอยู่ในสถานที่อื่น และ ‘ความคิด’ ของเขาก็ค่อย ๆ สัมผัสกับบางสิ่งที่ยอดเยี่ยมและค่อย ๆ เชื่อมโยงเข้าหากัน ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับเมื่อตอนที่วิญญาณปฐมภูมิเคยออกจากร่างกาย
เวลานี้ไป๋ชิวหรานสัมผัสได้ถึง ‘ความคิด’ อื่นที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก
ชายหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนว่าความโกลาหลเหล่านั้นจะวุ่นวายและแสนอ่อนแอ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะมันเพิ่งก่อตัวขึ้น ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงโคจรพลังและรวบรวมความคิดของตนเองเพื่อปัดเป่าฝ่ายตรงข้ามออกไปตามวิธีที่ได้ฝึกฝนมา
ไป๋ชิวหรานประสบความสำเร็จในการครอบครองจิตวิญญาณนี้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ‘เนื้อหนัง’ ของมันถูกจิตวิญญาณของเขาควบรวมโดยสมบูรณ์
เขาลืมตาขึ้นก็เห็นศีรษะอินทรีสีขาวหลายเศียรซ้อนกันอยู่ตรงหน้า สิ่งนี้ทำให้เขาตื่นตระหนกตกใจไปชั่วขณะ
เมื่อกะพริบตา ดวงตาของนกอินทรีก็กะพริบด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าศีรษะอินทรีตนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘ร่างกาย’ เขาแล้ว
ไป๋ชิวหรานพยายามควบคุมศีรษะซ้ายและขวาของตนเอง โดยจัดศีรษะของอินทรีให้หันซ้ายและขวา เมื่อทุกสิ่งราบรื่น เขาจึงสามารถมองเห็นได้ชัดเจนตามปกติ
นอกจากนี้ ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่าการมองเห็นนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด เขาสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ด้านซ้ายขวาได้ชัดเจน ศีรษะอินทรีที่อยู่ตรงกลางสามารถมองเห็นซ้ายและขวาพร้อมกันได้ อีกทั้งยังมองสิ่งตรงหน้าได้อย่างชัดเจนอีกด้วย!
เขาก้มศีรษะลง ก่อนจะพบว่าตนเองอยู่ห่างจากพื้นค่อนข้างไกลพอสมควร
ดูเหมือนว่าเขาจะทำสำเร็จแล้ว!
ไป๋ชิวหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
เวลานี้ชายหนุ่มเห็นร่างกายของเขาอยู่ตรงหน้า ซึ่งหลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยกำลังยืนเคียงข้างร่างกายนั้นเพื่อปกป้อง
หลีจิ่นเหยากระชับกระบี่ในมือไว้ทั้งสองข้าง ส่วนถังรั่วเวยก็เรียกกระบี่บินคุนหลิงออกมาด้วยเช่นกัน หญิงสาวทั้งสองก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อปกปิดร่างของเขาเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง ถังรั่วเวยเป็นคนแรกที่กล่าวถามขึ้นอย่างกังวล
“ท่านอาจารย์?”
ไป๋ชิวหรานใช้ศีรษะอินทรีตรงกลางเพื่อพยักหน้าตอบ
เขาเปิดปากพยายามจะพูด ทว่าเสียงที่ถูกเปล่งออกมากลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องแปลกประหลาด ดูเหมือนว่าเขาจะช่วงชิงร่างกายของอสูรตนนี้รวดเร็วเกินไป มันจึงยังเติบโตไม่เต็มที่นัก
ทันทีที่คิดได้ ไป๋ชิวหรานจึงใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายนี้เหยียดนิ้วออก และแปรเป็นอักขระบนอากาศ
‘ข้าเอง’
เมื่อหลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวยเห็นอักขระนั้น พวกนางลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นั่นคือลายมือของท่านอาจารย์”
หลีจิ่นเหยากล่าวต่อ
“ดูเหมือนว่าจะสำเร็จแล้ว”
เพราะหลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องร่างกายของไป๋ชิวหราน ชายหนุ่มจึงไม่คิดรีบเร่งกลับสู่ร่างเดิม เขาพยายามลองใช้ความสามารถต่าง ๆ จากอินทรีตัวนี้
ประการแรก ในฐานะอสูรจิตสำนึกที่เกิดจากจิตใจของเขา ความสามารถพื้นฐานร่างกายของมันจึงค่อนข้างทรงพลังมาก แม้จะเป็นร่างกายที่ควบแน่นไปด้วยพลังจิตวิญญาณสมบูรณ์ แต่ความแข็งแกร่งกลับไม่น้อยกว่าผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นหลอมสร้างกาย!
ไป๋ชิวหรานลองขยับกำปั้น หากควบคุมร่างกายนี้ด้วยทักษะการต่อสู้ของเขา มันจะไม่เป็นปัญหาอะไรหากจะทุบตีเจวี่ยอวิ๋นจื่อ…
ประการที่สอง ในฐานะอสูรที่เกิดจากความโลภ ร่างกายนี้สามารถรับรู้ได้ถึงความโลภของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น สามารถมองเห็นความโลภของถังรั่วเวยที่นึกอิจฉาร่างกายของหลีจิ่นเหยาอย่างชัดเจน และความโลภของหลีจิ่นเหยาก็ชี้ไปที่ร่างกายของเขา…
จิ่นเหยาต้องการทำสิ่งใดกับร่างกายของข้า?
ไป๋ชิวหรานสับสนและรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
เขาพยายามสัมผัสความโลภที่คล้ายกับควันดำที่มองเห็นได้บนร่างกายของหญิงสาวทั้งสอง หลังจากสัมผัสมัน เขาก็รู้สึกถึงความกระหายในร่างกายของตน
จากนั้น ราวกับสัญชาตญาณได้ถือกำเนิด เขาเริ่มดูดซับควันดำเหล่านั้นเพื่อเสริมพลังให้ตนเอง
เพียงหายใจเข้าออกสั้น ๆ ไม่กี่อึดใจ ความแข็งแกร่งของไป๋ชิวหรานก็พลุ่งพล่านขึ้น มันเข้าสู่ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนในขั้นมหาญาณเสียแล้ว!
“เป็นความสามารถที่น่าสะพรึงยิ่ง”
ไป๋ชิวหรานลอบตื่นตระหนก ตราบใดที่มีความปรารถนามากพอสำหรับหล่อเลี้ยงอสูรตนนี้ ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้นในทันที
เขายังคงดูดกลืนความโลภของหญิงสาวทั้งสอง ถังรั่วเวยหันศีรษะไปมา ขณะที่หลีจิ่นเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่านางจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง แต่แล้วผ่อนคลายลงเพื่อปล่อยให้ไป๋ชิวหรานกระทำตามใจ
ดูดซับ ย่อยสลาย ครอบครอง…
ไป๋ชิวหรานยังคงดูดซับพลังอย่างต่อเนื่อง ทว่าทันใดนั้นเอง เขาก็มีความต้องการที่จะกลืนกินวิญญาณของพวกนาง!
โชคดีที่เขามั่นคงและยังรักษาความคิดไว้ได้ในช่วงวิกฤต และในที่สุดก็ถอนกรงเล็บออก
“ท่านบรรพชนกระบี่ รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เป็นหลีจิ่นเหยากล่าวถาม
“สัญชาตญาณของร่างกายนี้ควบคุมยากเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับมันบ้างแล้ว”
ไป๋ชิวหรานกางกรงเล็บออกและใช้พลังจิตเขียนข้อความกลางอากาศอีกครั้ง
เขาลองอีกครั้ง ร่างกายนี้ดูเหมือนจะสามารถรวบรวมความโลภทั้งหมดที่หลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยดูดซับไว้ในสถานที่เดียว และไป๋ชิวหรานไม่ทราบว่าร่างกายนั้นสามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างไร ราวกับว่าทั้งหมดนี้ธรรมชาติกำลังเป็นผู้สั่งสอนเขา
ชายหนุ่มพยายามจะเสริมกำลังให้กับศีรษะตรงกลาง หลังจากความโลภถูกดูดซับและหลอมรวม ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ศีรษะอินทรีที่อยู่ตรงกลางไม่เพียงแต่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังปกคลุมด้วยเส้นขนสีทอง และรูม่านตาก็กลายเป็นเปลวเพลิงสีทองด้วยเช่นกัน
เขาเปิดจงอยปากของศีรษะอินทรีตรงกลาง ท้องฟ้าทมิฬปรากฏขึ้นส่งเสียงกึกก้อง ก่อนจะพุ่งทะยานลงพื้นดินด้วยพลังมหาศาล
“ด้วยความโลภนี้ มันจึงสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างไร้ขีดจำกัด ค่อนข้างน่าประทับใจเลยทีเดียว”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิด
“แต่อย่างไรมันก็ไม่ใช่ร่างกายที่สมบูรณ์แบบ… หยุดดีกว่า”
เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ เขาจึงเหยียดนิ้วออกและเขียนข้อความให้ถังรั่วเวยกับหลีจิ่นเหยาอีกครั้ง
“ข้ากำลังจะกลับไปแล้ว ช่วยปกป้องร่างกายข้าด้วย”
หญิงสาวทั้งสองพยักหน้าก่อนจะยืนเคียงข้างเพื่อพิทักษ์ร่างกายของเขา ในขณะที่ไป๋ชิวหรานหยุดยืนมองร่างกายของตนเองและพยายามคิดที่จะหวนคืนกลับ
…ผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง จิตวิญญาณของไป๋ชิวหรานก็กลับสู่ร่างกายได้สำเร็จ
“ท่านสบายดีหรือไม่?”
หลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวยยื่นใบหน้าเข้าใกล้อย่างใคร่รู้
“สบายดี”
ไป๋ชิวหรานลองกระชับกำปั้น กระโดด และออกท่วงท่าต่าง ๆ และเมื่อเห็นว่าร่างกายปกติดี เขาจึงกล่าวตอบหลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวย
“ยอดเยี่ยมแล้ว”
สองสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะประหม่า เนื่องจากประการแรก การออกจากร่างกายนั้นอันตรายยิ่ง ภายในเขตแดนจิตสำนึกนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่นกอินทรีจะเข้าครอบครองเมื่อใดก็ได้ และประการที่สอง ความสามารถในการต่อสู้ทางกายภาพของไป๋ชิวหรานนั้นสูงมาก แม้ว่าจะมอบร่างกายให้กับเด็กที่ไม่รู้ประสา แต่เขาสามารถสังหารผู้คนมากมายเพียงแค่ขยับมือ
“จากการทดสอบนับว่าประสบผลสำเร็จ”
หลีจิ่นเหยาหัวเราะ
“เพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าก่อนจะส่ายศีรษะเบา ๆ
“ความคิดที่จะยึดครองร่างอสูรแล้วทำลายมันเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ แต่ข้ารู้สึกว่ามันควรมีวิธีที่ดีกว่านี้”