ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 346 ไม่สามารถหลบซ่อนภรรยาได้ และต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่าเมื่อหวนคืน
- Home
- ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี
- บทที่ 346 ไม่สามารถหลบซ่อนภรรยาได้ และต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่าเมื่อหวนคืน
บทที่ 346 ไม่สามารถหลบซ่อนภรรยาได้ และต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่าเมื่อหวนคืน
บทที่ 346 ไม่สามารถหลบซ่อนภรรยาได้ และต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่าเมื่อหวนคืน
หลังจากขั้นตอนแรกของการทดลองสำเร็จ ไป๋ชิวหรานได้บอกให้เหล่าเซียนที่คุ้มกันด้านนอกส่งจดหมายรายงานไปที่แดนเซียนกลาง จากนั้นจึงสั่งให้พวกเขาพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว
เขาพาหลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยกลับบ้าน หลังจากส่งหญิงสาวทั้งสองแล้ว เขาเพียงแค่อยากจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย แต่กลับได้พบเจียงหลานที่เดินเข้ามา
“ชิวหราน ท่านจะไปไหนหรือ?”
ภรรยาสุดที่รักของเขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วเข้ามาจัดการเสื้อผ้าที่ไร้ระเบียบบนร่างกายของเขา
“ผลการทดลองเป็นอย่างไรบ้าง?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าจะเป็นการทักทายที่อ่อนโยนและอบอุ่น ทว่าไป๋ชิวหรานรู้สึกว่ากำลังถูกสิงโตตัวเมียคุกคามอย่างไรอย่างนั้น!
“การทดลองขั้นแรกประสบความสำเร็จแล้ว และผลลัพธ์ก็น่าพอใจ”
ชายหนุ่มผงกศีรษะพร้อมตอบกลับ
“ต่อไป ข้าจะเริ่มการทดลองที่สองในทันที และเพื่อสิ่งนั้น ข้าจำเป็นต้องเข้าสู่ยมโลก”
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่านใช้ความพยายามเพื่อความปลอดภัยให้กับทุกอาณาจักร และไม่เคยได้กลับบ้าน แต่ข้าคงต้องแนะนำท่านว่า แม้จะมีอันตรายจากเผ่ามารที่คืบคลานเข้ามา แต่ท่านยังต้องพักผ่อนบ้าง อย่ากดดันตัวเองนัก”
เจียงหลานเข้ามาใกล้พร้อมกล่าวกระซิบ
“เซียงเสวี่ยและข้าต่างตระเตรียมอาหารที่ดีไว้มากมายให้กับท่านในคืนนี้ เช่นนั้นคืนนี้เรากลับไปพักผ่อนกันก่อน แล้วค่อยกลับไปสะสางเรื่องราวต่อในวันพรุ่งนี้ ดีหรือไม่?”
เมื่อมองใบหน้างดงามของอีกฝ่าย ไป๋ชิวหรานจดจำได้ทันทีว่าที่ผ่านมานั้นเขาวิ่งไปมามากกว่าหนึ่งเดือน และไม่เคยได้อยู่ที่บ้านสักวัน
หลังจากตระหนักถึงเรื่องนี้แล้ว ขาของเขาพลันก้าวถอยโดยไม่รู้ตัว…
“หลานเอ๋อ ข้าขอโทษ”
เขาเผยความรู้สึกผิดบนใบหน้าก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ทั้งความเป็นไปของโลกนี้ หรือแม้แต่หน้าที่ของสามี ข้ายังคงต้องรับผิดชอบ อีกทั้งยังเป็นถึงจักรพรรดิภูตผีและบรรพชนกระบี่ ข้าต้องรับผิดชอบเรื่องอาจารย์อสูร ขอโทษเจ้าแล้ว อย่างไรข้าจะรีบกลับมาอยู่กับเจ้าทันทีหลังจากหมดเรื่องวุ่นวาย”
หลานเอ๋อกับเซียงเสวี่ยกำลังคิดสิ่งใดอยู่ สามีเช่นเขาจะไม่ทราบได้อย่างไร? ฮึ่ม พวกนางพลาดเสียแล้ว ในฐานะสามีของพวกนาง เขาย่อมทราบว่าควรกล่าวคำใดเพื่อที่วันนี้จะได้ไม่ต้องอยู่ที่นี่
ไป๋ชิวหรานแสดงท่าทีเคร่งขรึมอย่างมั่นใจ ราวกับว่าเขาคือผู้นำที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีโลก
ขณะนั้นเอง เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นซูเซียงเสวี่ยกำลังเดินตรงมา
…
“เป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยม”
เที่ยงวันถัดมา ไป๋ชิวหรานลุกขึ้นจากเตียงอย่างโง่เขลา
เมื่อวานเขาถูกซูเซียงเสวี่ยกับเจียงหลานขัดขวางเอาไว้ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดพลาดของเขา เมื่อคืนนี้หญิงสาวทั้งสองไม่ยอมปล่อยเขาออกจากบ้าน อีกทั้งยังให้ชดเชยช่วงเวลาที่หายไป…
สุดท้ายแล้วเขาจะต้องชดใช้คืนทั้งหมดให้กับสตรีทั้งสองไม่ช้าก็เร็วหลังจากออกไปเที่ยวเล่น โชคดีที่ไป๋ชิวหรานมีร่างกายแข็งแกร่ง เขารีบอาบน้ำพร้อมกับเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดของจักรพรรดิภูตผีแล้วมุ่งเข้าสู่ยมโลกทันที
หลังจากข้ามแม่น้ำแห่งปรโลกมาได้แล้ว ไป๋ชิวหรานไม่ได้เข้าสู่เมืองเฟิงตูโดยตรง แต่หันหลังกลับและตรงไปยังสถานที่ตั้งของสังสารวัฏหกวิถีแทน
ในสถานที่ตั้งของสังสารวัฏหกวิถี เขาจับหุ่นเชิดที่วิ่งไปมารอบ ๆ ได้สำเร็จ เด็กผู้หญิงตัวน้อยอยู่ในมือของเขา นางพยายามยกขาถีบอยู่สองสามครั้งก่อนจะถามว่า
“องค์เหนือหัวจักรพรรดิภูตผี ท่านคิดจะทำสิ่งใด?”
“อากุ้ย”
ไป๋ชิวหรานถาม
“ช่วยสอนวิธีแบ่งจิตใจให้กับข้าหน่อยได้หรือไม่?”
ทักษะการแยกจิตใจของอากุ้ยไม่ได้ถูกบันทึกไว้ที่หอตำรายมโลก พลังเวทนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อนางได้ศึกษาเส้นทางการฝึกฝนตั้งแต่แรก และนางเป็นคนปรับปรุงทักษะนี้อย่างลับ ๆ
ด้วยทักษะลับนี้ อากุ้ยจึงแตกต่างจากผู้อื่นในยมโลกโดยสิ้นเชิง นางมีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในผู้ทรงเกียรติทั้งหมด เรียกได้ว่าตอนนี้กำลังโยนร่างจำแลงตัวหนึ่งของนางเข้าหาไป๋ชิวหราน แม้กระทั่งเขายังไม่ทราบว่าร่างนั้นคือนางตัวจริงหรือไม่
แต่ด้วยเหตุผลนี้ ความแข็งแกร่งทางการฝึกฝนของอากุ้ยจึงเป็นสิ่งที่ร่างจริงเท่านั้นที่ใช้งานได้ หากทักษะการฝึกฝนเข้าสู่ขั้นเซียน นางจะสามารถสร้างร่างจำแลงที่มีพลังของจักรพรรดิเซียนได้ และจะกลายเป็นจักรพรรดิเซียน
ก่อนหน้านี้ นางเคยอยู่ในแดนเซียนกลางมาก่อน จักรพรรดิเซียนองค์แรกไป๋ลี่สั่งให้ห้องคลังแจกจ่ายวัตถุบางอย่างที่ถูกรวบรวมไว้ในแดนเซียนกลางให้กับนาง และสั่งให้ช่างฝีมือช่วยสร้างหุ่นเชิดเซียนหลายตัว เพื่อรักษาตำแหน่งของผู้ทรงเกียรติทั้งสาม
เมื่อไป๋ชิวหรานอยู่ในยมโลก เขามีอำนาจเป็นจักรพรรดิภูตผีในช่วงเวลาหนึ่ง เขาเคยสนับสนุนการฝึกฝนในยมโลกแห่งนี้ และยังเป็นผู้นำในการรวบรวมพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมดที่เหมาะสม เพื่อฝึกฝนเหล่ายมทูตไว้ที่หอตำรายมโลก
อย่างไรก็ตาม อากุ้ยเองไม่คิดเรียกร้องสิ่งใดจากไป๋ชิวหราน เมื่อพิจารณาถึงความพิเศษของทักษะการแยกวิญญาณแล้ว นางจึงไม่จำเป็นต้องใช้พวกมัน และไป๋ชิวหรานกับเจียงหลานก็ขอให้นางเก็บทักษะลับนี้ไว้ให้ดี
แต่ตอนนี้เพื่อที่จะให้การทดลองของเขาสมบูรณ์แบบ เขาจำเป็นจะต้องใช้ทักษะนี้
มีพลังยิ่งใหญ่มากมายในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการชุบชีวิตตนเอง การละทิ้งความฉลาด การหลบหนีไปยังสถานที่ใดสักแห่ง การลอบขโมยข้อมูลฝึกตน หรือเข้าไปรื้อค้นวิญญาณแล้วนำไปใส่ร่างอื่น
อย่างเช่น จักรพรรดิตะวันออกไท่อีผู้ยิ่งใหญ่ที่ต่อสู้กับไป๋ชิวหรานในคราวแรกโดยอาศัยผนึกหนึ่งในสามของวิญญาณเข้าสู่ร่างของเทพเจ้ายิงเจา ซึ่งสามารถรอดชีวิตจากเงื้อมมือของไป๋ชิวหรานไปได้
ทว่าก่อนหน้านั้น นอกจากอากุ้ยแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถแบ่งวิญญาณของตนเองออกเป็นส่วน ๆ ได้มากมายเช่นนี้ เพราะต้องควบคุมร่างกายจำนวนมากพร้อมกัน อีกทั้งยังต้องแบ่งปันความทรงจำ ความรู้สึก บุคลิกภาพ และจิตใจเดียวร่วมกันอีกด้วย
ดังนั้น ไป๋ชิวหรานกับจื้อเซียนต่างคาดเดาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับทักษะแยกวิญญาณของผู้ทรงเกียรติกุ้ยนี้แล้ว
บางทีนางอาจจะไม่ได้ตระหนักถึงมันด้วยตนเอง หรือบางทีอาจจะทราบเรื่องนี้อย่างลวก ๆ แต่นางไม่มีความสามารถทำให้เป็นจริงได้ในเวลานั้น มันจึงไม่สำคัญ…
สิ่งที่ไป๋ชิวหรานต้องการคือการวิเคราะห์ทักษะของนาง และสร้างวิธีที่จะสามารถแบ่งแยกจิตใจของคนคนหนึ่ง เพื่อไปควบคุมวิญญาณอื่นสองดวงพร้อมกันได้
หลังจากฟังคำขอของชายหนุ่ม อากุ้ยไม่ได้กล่าวอะไรนักและทำเพียงแค่พยักหน้าตอบรับเท่านั้น
นางเชื่อมั่นในตัวของไป๋ชิวหรานกับเจียงหลานมาก เพราะทั้งสองมีเมตตาต่อนาง อีกทั้งยังไม่มีบุตร พวกเขาจึงเอาใจหุ่นเชิดตนนี้ราวกับว่าเป็นบุตรสาวของตนเอง และให้หุ่นเชิดปฏิบัติต่อพวกเขาเสมือนบิดามารดา
จากนั้นไป๋ชิวหรานก็อุ้มร่างกายของหุ่นเชิดกลับมาที่วังจักรพรรดิภูตผี ทั้งสองอยู่ร่วมกันภายในนั้นหลายเดือน
“แน่นอน สตรีผู้นี้สัมผัสถึงห้วงความคิดได้โดยไม่รู้ตัว”
ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งของไป๋ชิวหรานกับจื้อเซียน เมื่อชายหนุ่มสามารถแยกส่วนแรกของจิตวิญญาณได้สำเร็จ ทั้งสองจึงตระหนักถึงความจริงบางอย่างขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ทักษะแบ่งแยกจิตใจนี้เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ไป๋ชิวหรานกับจื้อเซียนต้องใช้ทักษะนี้เพื่อแบ่งแยกจิตใจและผสมผสานมันเข้ากับการยึดครองร่าง เพื่อที่จะสามารถใช้จิตวิญญาณเดียวในการควบคุมกายและจิตพร้อมกัน
“ไม่เป็นไร”
ไป๋ชิวหรานยืดตัวขึ้นก่อนจะกล่าวว่า
“ถึงเวลาที่บรรพชนหมื่นเซียนจะออกไปโลดแล่นอีกครั้งแล้ว”
เป็นอีกครั้งที่เขาสร้างโลกใหม่ขึ้นจากความว่างเปล่า แต่คราวนี้ด้วยประสบการณ์ในการสร้างแดนเซียนก่อนหน้านี้ ไป๋ชิวหรานจึงไม่รู้สึกประหม่าหรือหวาดกลัวอีกต่อไป
เขาเขียนจดหมายและขอให้เชวียหลิงหาผู้ส่งสารเพื่อส่งให้กับเจียงหลานที่พักอยู่ในสำนักเหอฮวน จากนั้นเขากับจื้อเซียนก็ได้เตรียมการทดลองครั้งต่อไปในโถงจักรพรรดิภูตผี ซึ่งสิ่งนี้ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร…