ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 354 ร่างกายของจักรพรรดิเซียนองค์แรก
บทที่ 354 ร่างกายของจักรพรรดิเซียนองค์แรก
บทที่ 354 ร่างกายของจักรพรรดิเซียนองค์แรก
หลังจากได้ยินคำตอบของไป๋ลี่ ไป๋ชิวหรานจึงกล่าวกับราชายมโลก
“ประกาศผลพิจารณาคดีได้”
“ขอรับ”
ราชายมโลกรับคำสั่ง ยกค้อนขึ้นและทุบลงอย่างแรง เสียงจากห้องโถงดังออกไปเป็นวงกว้างสะท้อนไปโดยรอบ ผู้คนในเมืองเฟิงตูที่อยู่ใกล้ ๆ รีบเข้ามารับชมความสนุกสนานทันที
“จักรพรรดิเซียนองค์แรกไป๋ลี่”
ราชายมโลกกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัด
“ผลการตัดสินของท่านคือ… สังสารวัฏหกวิถี จุติใหม่เป็นมนุษย์!”
หลังจากราชายมโลกประกาศผลพิจารณาคดี ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นปรบแผ่วเบา จากนั้นคนรับใช้จึงนำโต๊ะเล็กมาวางไว้ด้านข้างของไป๋ลี่ด้วยความสุภาพ
ไป๋ลี่ชำเลืองมอง มีชามกระเบื้องสีขาวบนโต๊ะเล็กนี้ ชามทั้งหมดเต็มไปด้วยน้ำแกงสีดำที่ใสราวกับยาจีนในหม้อต้ม
“ท่านอาจารย์ นี่คือสิ่งใด?”
“นี่คือน้ำเบญจรส”
ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ
“เพราะเจ้ากำลังจะเข้าสู่โลกที่ไม่เกี่ยวข้องกับยมโลก ดังนั้นการกลับชาติมาเกิดของเจ้าจึงไม่อาจผ่านสังสารวัฏหกวิถีได้ เช่นนั้นจักรพรรดิองค์นี้จะส่งเจ้าสู่การจุติใหม่เป็นการส่วนตัว”
เขาชี้ไปที่ชามตรงหน้า
“แม้ว่ามันจะไม่มีผลใดต่อเจ้า แต่ขั้นตอนทั้งหมดก็ควรจะต้องปฏิบัติ… เอาล่ะ หลังจากดื่มน้ำเบญจรสนี้แล้ว ในชาติหน้าเจ้าก็จะได้เป็นเซียนเช่นเดิม”
“มันคือน้ำเบญจรสงั้นหรือ?”
ไป๋ลี่หยิบชามขึ้นมาดมเล็กน้อย ทว่ามันกลับไร้ซึ่งกลิ่นใด
“แม้ว่าข้าจะเป็นผู้สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา แต่ข้าก็ยังไม่เคยลิ้มรสของมัน”
เขาหยิบชามน้ำแกงขึ้นมาดื่ม ก่อนจะจับริมฝีปากของตนเองแล้วกล่าวว่า
“ก็ไม่มีอะไร จืดเสียด้วย”
น้ำเบญจรสไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ไป๋ลี่รู้สึกง่วงเล็กน้อย เขาพยายามส่ายศีรษะเพื่อจะฟื้นคืนสติ
“นี่เท่าใด?”
ไป๋ชิวหรานชูสองนิ้วพร้อมกล่าวถาม
“สอง… ท่านอาจารย์ หากเพียงแค่น้ำเบญจรสสามารถจัดการข้าได้ ข้าจะไม่สูญเสียใบหน้าในแดนเซียนหรือไรกัน?”
ไป๋ลี่ยิ้มอย่างขมขื่น
“ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ข้าก็ยังเป็นจักรพรรดิเซียนองค์แรก และดูเหมือนท่านจะประเมินศิษย์ผู้นี้ต่ำเกินไป…”
“ก็แค่สร้างความมั่นใจ… แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาใด”
ไป๋ชิวหรานกางมือออก ก่อนจะดึงวิญญาณไป๋ลี่มาไว้ในฝ่ามือแล้วกล่าวว่า
“เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปเกิดใหม่”
จักรพรรดิภูตผีจากไปพร้อมกับไป๋ลี่ และการพิจารณาคดีภายในวิหารจักรพรรดิภูตผีก็จบลง เจียงหลานสั่งให้ราชายมโลกไปจัดการสิ่งอื่น ๆ ต่อ แล้วนางก็ออกไปเช่นเดียวกัน
การกลับชาติมาเกิดของจักรพรรดิเซียนองค์แรกถูกจัดการโดยจักรพรรดิภูตผี และผู้คนในยมโลกทั้งหมดไร้สิทธิ์ที่จะรับชม ดังนั้นราชายมโลกจึงประกาศว่าการพิจารณาคดีสิ้นสุดลงแล้ว คณะลูกขุนทั้งหมดกลับไปที่ห้องโถงของตนเพื่อจัดการงานที่คั่งค้าง
ไป๋ชิวหรานกับภรรยาของเขาเดินทางกลับไปยังเก้าทวีปสิบแผ่นดิน ณ กระท่อมไม้ไผ่ของเซียนหงเฉิน เมื่อชายหนุ่มต้องไปจัดการการกลับชาติมาเกิดของจักรพรรดิเซียนองค์แรก เขาก็มอบโลกใบนี้ให้กับเซียนหงเฉินเพื่อรักษาความปลอดภัยเป็นการชั่วคราว
ทั้งคู่อธิบายความตั้งใจของตนเองให้ศิษย์กับหลานชายฟัง และเซียนหงเฉินก็รีบเชิญพวกเขาเข้ามาและพาไปสู่โลกใบนั้น
ชายหนุ่มกางฝ่ามือออกและประทับตราบนจิตวิญญาณของไป๋ลี่
“อย่าลบเครื่องหมายนี้เด็ดขาด พวกเราจะใช้เครื่องหมายนี้ยืนยันการกลับชาติมาเกิดของเจ้า”
ขณะที่กล่าวกับไป๋ลี่ เขาก็เปิดปราการป้องกันของเขตแดนจิตวิญญาณและโลกใบนั้นออก
“หลังจากเข้าไปแล้ว ไม่ต้องคิดถึงสิ่งใด เพราะมีเขตแดนจิตสำนึกอยู่ อีกทั้งความแข็งแกร่งของจิตสำนึกเจ้านั้นไร้ผู้ใดเทียบ และอย่าได้สร้างอสูรที่แข็งแกร่งขึ้นเด็ดขาด”
“ศิษย์ทราบแล้ว”
จิตวิญญาณของไป๋ลี่ก้มลงคำนับไป๋ชิวหรานขณะยืนอยู่บนฝ่ามือนั้น
“เช่นนั้นไปได้แล้ว ได้เวลาไปดูว่าร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ไป๋ชิวหรานกล่าวต่อ
“อีกสักครู่ข้าจะพามารดาและน้องสาวไปพบเจ้า”
ท้ายที่สุด เขาใช้สังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิด สร้างกฎแห่งการกลับชาติมาเกิดในโลกใบนั้น และสุ่มสถานที่ให้วิญญาณของไป๋ลี่ลงไปจุติที่ใดที่หนึ่งบนโลก
“เอาล่ะ ตอนนี้จบเรื่องใหญ่เสียที”
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก มองดูเซียนหงเฉินที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าคิดถึงสิ่งใดกัน อาจารย์ของเจ้าอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น”
“ก็มีอารมณ์เล็กน้อยเท่านั้น”
เซียนหงเฉินกล่าวตอบ
“ไม่ต้องกังวล”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับเขา
“อาจารย์ของเจ้ากลับชาติมาเกิดในโลกระดับนี้ สิ่งที่ควรกังวลไม่ใช่การที่เขาจะถูกผู้อื่นรังแก แต่อาจจะเป็นเขาที่รังแกผู้อื่นมากกว่า”
เซียนหงเฉินพยักหน้าเห็นด้วย
“หลานเอ๋อ”
ไป๋ชิวหรานหันกลับมาหาเจียงหลาน
“ออกจากการฝึกฝนหมดแล้วหรือ?”
“เซียงเสวี่ยยังไม่ออกมา แต่หลังจากข้าออกมาแล้ว นางก็ควรที่จะออกมาหลังจากนี้”
เจียงหลานยิ้มและกล่าวต่อ
“สิ่งที่น่าแปลกใจคือ รั่วเวยออกมาหลังจากที่ท่านจากไป… ส่วนจิ่นเหยา… นาง…”
“โอ้ กลับไปคุยกันดี ๆ เถิด กลับบ้านกัน”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองเซียนหงเฉิน และเซียนหงเฉินแสร้งหันไปทางอื่นทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน
ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงจูงมือเจียงหลานเข้าไปในลานพร้อมกล่าวกระซิบ
“ไว้ข้าจะกลับไปอธิบายให้ฟัง หลานเอ๋อเจ้ากลับไปก่อน ข้าต้องไปที่แดนเซียนเพื่อจัดการกับร่างกายของไป๋ลี่ จากนั้นจะรีบกลับหลังทุกอย่างเสร็จสิ้น”
…
หลังจากไป๋ลี่เกิดใหม่ ไป๋ชิวหรานก็มุ่งสู่แดนเซียนอีกครั้งทันที
ประการแรก คือ เขาต้องการบอกกล่าวกับศิษย์ หลานชาย และนางสนมของไป๋ลี่ว่าได้เข้าสู่สังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิดอย่างราบรื่น และประการที่สอง เขาจะต้องรับผิดชอบในการจัดการร่างอันทรงพลังที่จักรพรรดิเซียนองค์แรกทิ้งไว้เบื้องหลัง
เพราะเขากำลังจะกลับชาติมาเกิด ไป๋ลี่ไม่ได้เลือกที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นซากปรักหักพังหวนคืนในช่วงห้าร้อยปีที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นร่างกายของจักรพรรดิเซียนที่ทิ้งไว้เบื้องหลังก็ยังสร้างความวุ่นวายอย่างสาหัส
อย่างน้อยจักรพรรดิเซียนกลางและคนอื่น ๆ ก็ไม่เหมาะสมกับร่างนี้ ไป๋ชิวหรานต้องใช้โอกาสนี้ปรับแต่งมันเพื่อไม่ให้กลายเป็นศพจักรพรรดิที่ไล่ล่าสังหารผู้อื่นไปทั่ว!
หลังจากส่งข่าวให้กับแดนเซียน ผ่านพ้นสามวันแห่งความโศกเศร้า จักรพรรดิเซียนกลางและคนอื่น ๆ ก็เริ่มพูดคุยถึงการปรับแต่งร่างกายของไป๋ลี่
แต่เนื่องจากไป๋ลี่ไม่ได้บอกวิธีจัดการกับร่างกายของเขาก่อนที่จะถูกพาตัวไป เล่อเจิ้นเทียนจึงต้องเรียกญาติของเขา กองกำลังทหาร พลเรือนทั้งหมด และนางสนมที่ไป๋ลี่ทิ้งไว้เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไม่นานนัก สนมของไป๋ลี่ทั้งหมดก็ถูกไป๋ชิวหรานเชิญให้ออกจากห้องสนทนา
ไม่มีเหตุผลใดแอบแฝง คนอื่น ๆ กำลังพูดคุยกันถึงวิธีการใช้ร่างกายนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนำความสงบสุขมาสู่แดนเซียน ทว่านางสนมของไป๋ลี่ดูเหมือนจะไม่เต็มใจ เพราะห้าร้อยปีที่ผ่านมา ยังไม่มีผู้ใดที่จะสามารถตั้งครรภ์ได้…
ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าหาไป๋ชิวหรานเพื่อตกลงอย่างลับ ๆ ว่าสามารถปรับแต่งร่างกายนี้ให้เป็นสิ่งที่สตรีสามารถร่วมเพศด้วยได้หรือไม่!
หลังจากได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ไป๋ชิวหรานซาบซึ้งจนกล่าวสิ่งใดไม่ถูก จากนั้นจึงปฏิเสธพวกนางและขับไล่ออกไปอย่างเด็ดขาด
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าคำขอเหล่านี้สมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะแม้แต่ตัวไป๋ลี่เองก็คงไม่อาจรับได้…
ร่างกายของเขาที่ถูกแยกจิตวิญญาณออกไปแล้ว มันยังเป็นร่างกายของเขาจริงงั้นหรือ?
อย่างไรก็ตาม หลังจากไล่นางสนมสุดที่รักของไป๋ลี่ออกจากห้องสนทนาแล้ว เหล่าเซียนทั้งหมดก็ยังไม่สามารถตกลงผลลัพธ์นี้ได้ บางคนคิดว่าควรปรับแต่งร่างกายนี้และหลอมรวมมันเข้ากับเส้นเลือดจิตวิญญาณของแดนเซียนหรือผู้พิทักษ์มากมาย พวกเขามีเหตุผลที่จะคิดว่าร่างกายไป๋ลี่สามารถเก็บรักษาและสามารถพัฒนาการฝึกฝนในอนาคตได้ ท้ายที่สุดเล่อเจิ้นเทียนจึงร้องขอให้ไป๋ชิวหรานเป็นผู้ตัดสินใจเด็ดขาดเพียงผู้เดียว
และแล้วชายก็หนุ่มก็ตัดสินใจได้ เขาหยิบกระบี่ขึ้นมาและปรับแต่งร่างกายของจักรพรรดิเซียนองค์แรกไป๋ลี่ให้กลายเป็นทหาร เขาจะรักษาฐานการฝึกฝนทั้งหมดของจักรพรรดิเซียนองค์แรกเอาไว้ นี่คืออาวุธปราการสุดท้ายเพื่อปกป้องสวรรค์ทั้งสามสิบหกชั้นของแดนเซียนกลาง
นอกจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าสนมของไป๋ลี่กระทำชำเราทหารผู้นี้ ไป๋ชิวหรานได้ทำให้ร่างของมันมีขนาดเท่ายักษ์ และลงมือตัดตอนเพศของร่างกายไป๋ลี่ออกไปอย่างเหี้ยมโหด!
หลังจากเรื่องนี้ถูกแก้ไขจนเสร็จสิ้นแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงออกจากแดนเซียน มุ่งหน้าสู่สำนักเหอฮวนในทันที
และเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาจึงทราบว่าซูเซียงเสวี่ยออกจากการฝึกฝนแล้ว
…