ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 358 ลักษณะของอาจารย์อสูร
บทที่ 358 ลักษณะของอาจารย์อสูร
บทที่ 358 ลักษณะของอาจารย์อสูร
หลังจากถังรั่วเวยสร้างอสูรของตนเสร็จสิ้น เจียงหลาน หลีจิ่นเหยา และซูเซียงเสวี่ย ก็เริ่มสร้างด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อเทียบกับไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยแล้ว ทั้งสามคนสร้างอสูรได้อ่อนแอกว่าเล็กน้อย
ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณและจิตสำนึกของไป๋ชิวหรานนั้นเป็นที่ยอมรับ เพราะมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าจิตวิญญาณของสตรีทั้งสามรวมกัน จึงไม่น่าแปลกใจหากอสูรรากฐานได้ถือกำเนิดขึ้นจากเขา ส่วนฐานการฝึกตนหรือจิตสำนึกของถังรั่วเวยอยู่ในจุดที่ด้อยกว่าทุกคน ทว่ากลับสามารถสร้างอสูรที่อ่อนแอกว่าไป๋ชิวหรานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
เห็นได้ชัดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการกำหนดความแข็งแกร่งของอสูรจิตสำนึกไม่ใช่ความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณ แต่เป็นความแข็งแกร่งของความปรารถนาต่างหาก
ด้านพลังจิตสำนึก ถังรั่วเวยไม่อาจเทียบเทียมผู้ใดได้ แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าก็ตาม แต่หากกล่าวถึงความปรารถนาที่มากล้น…
บางทีแม้นความปรารถนาของหลีจิ่นเหยา ซูเซียงเสวี่ย และเจียงหลาน หลอมรวมเข้าด้วยกัน ก็อาจไม่สามารถเทียบเท่ากับถังรั่วเวยได้
ทั่วทั้งใต้หล้า ไป๋ชิวหรานมีความปรารถนาในการสร้างรากฐานมากล้น และมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับนางได้!
เดิมทีมันถูกจำกัดด้วยความแข็งแกร่งของจิตสำนึกกับระดับขั้นการฝึกฝน ความปรารถนาของถังรั่วเวยก่อนหน้าไร้ซึ่งประโยชน์ใดในตอนนี้ แต่ในอนาคต นางอาจจะสามารถเอาชนะขีดจำกัดของวิถีสวรรค์จนกลายเป็นเซียนทรงพลังที่มีร่างกายแข็งแกร่งไร้ผู้ใดเทียบเทียม และอาจจะเป็นรองเพียงไป๋ชิวหรานเท่านั้น แม้ตอนนี้ยังไม่อาจเทียบกับซูเซียงเสวี่ยและคนอื่น ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าสู่ห้วงจิตสำนึกแล้ว สถานการณ์ล้วนแตกต่างจากเดิม ในดินแดนแห่งนี้เป็นสถานที่ที่สสารสามารถส่งผลต่อจิตสำนึกได้อย่างรุนแรง
สำหรับเขตแดนจิตสำนึก ตราบใดที่ความปรารถนาของถังรั่วเวยแข็งแกร่งเพียงพอ ก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง แม้ว่าจะขาดพลังจิตสำนึกไปสักหน่อย ทว่ามีกระแสพลังสติสัมปชัญญะไร้สิ้นสุดคอยส่งเสริมนางอยู่เสมอ
แม้จะขาดสติสัมปชัญญะและจิตสำนึก แต่จุดประสงค์ของเขตแดนจิตสำนึกแห่งนี้คือการให้กำเนิดอสูรที่ทรงพลัง
แท้จริงแล้ว ซูเซียงเสวี่ยและทั้งสามไม่เคยมีความปรารถนาแรงกล้า ความปรารถนาทั้งหมดที่มีเกิดจากความพยายามอย่างไม่ลดละในการฝึกฝน และสุดท้ายความปรารถนาก็จะสูญสิ้นไป
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวทั้งสามพยายามประคองความคิดให้มั่นคง และสร้างอสูรจิตสำนึกของตนเองขึ้นมา
ไป๋ชิวหรานกับคนอื่น ๆ ยืนอยู่ด้านของเขตแดนจิตสำนึกชั่วขณะหนึ่ง และหลังจากร่างกายรับรู้ถึงอสูรของตนได้สมบูรณ์แล้ว พวกเขาจึงนั่งเรือเหาะกลับสู่ฝั่งของแดนเซียน แล้วปิดผนึกรอยแตกเอาไว้เช่นเดิม
หนึ่งปีหลังจากที่ทั้งหมดจากไป กลุ่มอสูรขั้นสูงน่าสะพรึงมากมายนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนตัวสู่พื้นที่แห่งนี้ ยักษ์ใหญ่ทั้งเจ็ดเป็นผู้นำกลุ่ม ทั้งหมดล้วนรีบร้อนมาที่นี่
อสูรทั้งเจ็ดมีลักษณะแตกต่างกัน บางตนมีใบหน้ากับร่างกายคล้ายมนุษย์ บางตนมีหนวดและไส้เป็นร่างกาย ทว่ามีส่วนบนเป็นยักษ์ ส่วนล่างเป็นสัตว์ร้ายปากกว้าง พวกมันเดินนำกองทัพ ส่วนด้านหลังเป็นอสูรที่ต่ำต้อยกว่า ตามลำดับ
เมื่อมาถึง… อสูรระดับสูงทั้งเจ็ดพยายามปลดปล่อยจิตสำนึกออกไปเพื่อสำรวจสถานที่ต่าง ๆ
ระหว่างที่กำลังสำรวจ พวกมันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกัน และในไม่ช้าก็ได้เบาะแสบางอย่าง
“รอยแตกนั่นมีการเปิดออก…”
อสูรทั้งเจ็ดรู้สึกสังหรณ์ใจถึงลางร้าย
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้ามาสร้างอสูร แล้วพามันออกไปอีกฝั่ง…”
แต่ถึงอย่างนั้น อสูรยักษ์ทั้งเจ็ดนี้ก็ไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ใดได้ พวกมันทั้งหมดล้วนก่อกำเนิดจากความปรารถนา จึงเป็นสัตว์ที่เห็นแก่ตัวและมีความละโมบ ไม่มีผู้ใดอยากทำประโยชน์เพื่อพวกพ้องอสูรทั้งหมด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าไม่มีความคิดเรื่อง ‘พวกพ้อง’ หรือบางอย่างที่คล้ายคลึงในใจเลย
ประการที่สอง พวกมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจิตสำนึกทรงพลังที่ปรากฏอยู่บนรอยแตก
สำหรับจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ที่รอยแตกถูกผนึกไว้เพื่อปิดกั้นกำแพง อสูรเหล่านี้ไม่ได้เลือกที่จะโจมตี แต่ดูเหมือนกำลังหวาดกลัวบางสิ่งมากกว่า ซึ่งเป็นความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ!
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมา อสูรทั้งเจ็ดไม่ได้รักกันเหนียวแน่นนัก ความคิดของอสูรล้วนวุ่นวายยุ่งเหยิง มันยากที่จะต้องร่วมมือกันเป็นพรรคพวกที่ยอดเยี่ยม สำหรับพวกมันแล้ว… หากอีกฝ่ายไม่ตายตก มันก็คือคนที่ต้องตายตกแทน
ดังนั้น ภายใต้การยั่วยุและความปรารถนาแรงกล้าที่ซ่อนเร้น อสูรทั้งเจ็ดล้วนแต่มีลูกสมุนของตนเอง มันนำกองกำลังของตนเองให้ต่อสู้กันที่หน้ากำแพงแห่งความตระหนักรู้
ไม่นานนัก เขตแดนจิตสำนึกแห่งนี้จึงมีเพียงศพของอสูรเกลื่อนกลาด ซ้ำยังมีเหล่าอสูรที่บาดเจ็บนับไม่ถ้วนภายในสนามรบ
…
หลังจากกลับมายังเก้าทวีปสิบแผ่นดินแล้ว ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ร่วมกันค้นคว้าวิธีต่าง ๆ ที่จะสามารถสร้างอสูร
อาจารย์อสูรเป็นวิญญาณ โดยพื้นฐานแล้วไม่ได้แตกต่างไปจากจิตวิญญาณปฐมภูมิมากนัก หลังจากที่ผู้ฝึกตนแยกจิตวิญญาณปฐมภูมิออกจากร่างกาย แต่สุดท้ายแล้วความสามารถในการต่อสู้ระหว่างทั้งสองร่างกลับแตกต่างกันอย่างมาก
เมื่อเผชิญหน้ากับอสูร แม้แต่วิญญาณของเหล่าเซียนยังอ่อนแอกว่าเล็กน้อย และนั่นเป็นเพียงอาหารของมัน
ไป๋ชิวหรานกับคนอื่น ๆ ไม่สามารถหยิบเอาวิญญาณของเหล่าเซียนมาทดลองได้ เพราะมันไม่เพียงขัดต่อศีลธรรมแห่งสวรรค์และโลก แต่ยังขัดต่อความคิดของพวกเขาด้วย
วิญญาณที่พวกเขาใช้ทดลองคือวิญญาณที่สร้างขึ้นจากความว่างเปล่า โดยไป๋ชิวหรานใช้พลังของวิถีสวรรค์ และคนที่จัดการกับมันก็คือตัวชายหนุ่มเอง
อาจารย์อสูรมีความยับยั้งชั่งใจในวิญญาณ การยับยั้งชั่งใจนี้ไม่สามารถเอาชนะได้ตราบใดที่ความแข็งแกร่งน้อยกว่าสองขั้นระดับพลัง อาจารย์อสูรสามารถเอาชนะผู้อ่อนแอและกลืนกินวิญญาณของอีกฝ่ายเพื่อให้เกิดการวิวัฒนาการกับตนเอง
แม้ว่าจะเป็นศัตรูที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิต แต่อิทธิพลของอาจารย์อสูรในโลกกายภาพล้วนไม่อ่อนแอ ความสามารถของอาจารย์อสูรเหล่านั้นถูกระงับได้เพียงขั้นเดียวเท่านั้น ตราบใดที่ยังมีความปรารถนาเพื่อสนับสนุนให้มันดำรงอยู่ หรือมีการกลืนกินวิญญาณจำนวนมาก อาจารย์อสูรก็สามารถเอาชนะการปราบปรามได้
สิ่งนี้นำไปสู่อสูรผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถในการต่อสู้ทรงพลังภายในโลกกายภาพ
แม้จะถูกระงับไว้ส่วนหนึ่ง แต่การที่พลังลดลงเพียงหนึ่งขั้น สำหรับอสูรที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีชีวิตอยู่ในเขตแดนจิตสำนึกนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะระงับไม่ให้มันแข็งแกร่งขึ้น การเอาชนะผู้ฝึกตนในโลกใบนั้นจึงง่ายดายสำหรับพวกมันอย่างยิ่ง!
นอกจากนี้ จากการทดลอง ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ยังค้นพบบางสิ่งที่คาดไม่ถึงอีกด้วย!
หลังจากอาจารย์อสูรสิ้นชีพ ตราบใดที่จิตสำนึกไม่ถูกกลืนกินโดยพวกเดียวกัน ไม่นานมันจะกลับมาหลอมรวมแล้วฟื้นคืนชีพที่ห้วงลึกของจิตสำนึกอีกครา ไป๋ชิวหรานค้นพบว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะจิตวิญญาณของพวกมันเชื่อมต่อกับสถานที่เกิดของตนเองตลอดเวลา
ตอนนี้ชายหนุ่มและอาจารย์อสูรตนอื่น ๆ ถูกครอบงำไว้ด้วยจิตสำนึกของพวกเขา ซึ่งนำไปสู่ความจริงที่ว่าหลังจากอาจารย์อสูรถูกสังหารแล้ว พวกมันจะไม่กลับคืนสู่เขตแดนจิตสำนึก แต่กลับฟื้นคืนชีพภายในจิตใจของพวกเขาเอง
ตราบใดที่ไป๋ชิวหรานกับคนอื่น ๆ ยังมีความปรารถนาแรงกล้า ร่างกายของอสูรเหล่านั้นจะสามารถฟื้นคืนชีพได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ หลังจากเรียนรู้วิธีสร้างวิญญาณกับร่างกายแล้ว แม้แต่หลีจิ่นเหยากับคนอื่น ๆ ยังมีร่างกายและวิญญาณที่ดับสูญ ตราบใดที่อสูรของพวกเขายังคงอยู่ในห้วงจิตสำนึก ไป๋ชิวหรานก็ยังสามารถใช้พลังเวทเพื่อชุบชีวิตมันกลับคืนมาอีกครั้งได้
ขณะนี้สตรีทั้งหมดจึงมีสองชีวิต และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังหารพวกนางให้ตายตก…