ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 370 ฝึกฝนการสร้างรากฐาน
บทที่ 370 ฝึกฝนการสร้างรากฐาน
บทที่ 370 ฝึกฝนการสร้างรากฐาน
ด้วยความช่วยเหลือจากผู้นำหมู่บ้านลิ่วเยวี่ยนและเจี่ยเชียนโหรวผู้เป็นภรรยา การเผยแพร่คำสั่งสอนของไป๋ชิวหรานจึงเป็นไปอย่างราบรื่น
เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากถูกโน้มน้าวจากบุตรชายและสามี เจี่ยเชียนโหรวจึงประสบความสำเร็จในการทะลวงผ่านสภาวะตีบตันด้วยการสวดภาวนาต่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ตอนนี้ทั้งนางและสามีจัดอยู่ในกลุ่มผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้แล้ว!
หลังจากประสบความสำเร็จ ทั้งคู่จึงช่วยเหลือไป๋ชิวหรานใช้ใบหน้าของตนเองเป็นประกันเพื่อเกลี้ยกล่อมชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยแห่งนี้ อย่างเช่นชายชราที่ชอบไปตกปลากับลิ่วเยวี่ยน หรือชายชราที่ใช้มืออันแข็งแกร่งหยิบมูลวัวริมถนน
ทั้งหมดคือผู้อาวุโสของหมู่บ้านชิงสุ่ย และความอาวุโสของพวกเขาในอาณาจักรต้าเซียยังมากกว่าลิ่วเยวี่ยนกับเจี่ยเชียนโหรวด้วย เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในอาณาจักรต้าเซีย เขาเป็นคนไร้นาม ไม่มีผู้ใดรู้จัก ไร้ซึ่งชื่อเสียง
ผู้อาวุโสเหล่านี้ติดอยู่ในสภาวะตีบตัน ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นที่เก้าและสิบของการกลั่นลมปราณ แต่หลังจากวางมือเพราะอายุที่มากเกินไป ทั้งหมดก็ไร้ซึ่งความหวังที่จะฝ่าฟัน ในชีวิตนี้จึงกระทำเรื่องไร้สาระและใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่มีผู้ใดสนใจศิลปะการต่อสู้และหันไปทำเรื่องที่ชอบแทน
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจิตใจของพวกเขาปล่อยวางโดยสมบูรณ์ เพราะทั้งหมดล้วนเป็นนักรบของโลกใบนี้ ผู้ใดกันจะไม่อยากต่อสู้? ใครบ้างไม่อยากเป็นนักรบแนวหน้า?
ดังนั้น หลังจากลิ่วเยวี่ยนกับเจี่ยเชียนโหรวสามารถทะลวงผ่านได้ ทั้งยังใช้ใบหน้าของพวกเขาเป็นประกัน ผู้อาวุโสเหล่านี้จึงตอบตกลง คนทั้งหมดได้แสดงศรัทธาของตนเองต่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน!
วันที่สาม ขณะที่ผู้เฒ่าในหมู่บ้านกำลังนอนหลับก็ได้พบกับเทพเจ้าจริง ๆ และด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์ พวกเขาจึงทะลวงผ่านสภาวะตีบตันได้สำเร็จ
ในช่วงเวลานี้ ผู้อาวุโสทุกคนในหมู่บ้านจึงกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก หากวัดในเรื่องพละกำลังการต่อสู้ ตอนนี้พลังของหมู่บ้านชิงสุ่ยอยู่ในระดับสูงยิ่งกว่ากองกำลังราชสำนักของอาณาจักรต้าเซียในปัจจุบันเสียอีก!
ด้วยความหอมหวานที่ได้รับ ผู้เฒ่าเหล่านี้ไม่คิดตั้งคำถามกับการมีอยู่ของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานอีกต่อไป ในเวลาเดียวกันยังช่วยเหลือลิ่วเยวี่ยน เจี่ยเชียนโหรว และไป๋ชิวหรานในการเผยแพร่ความเชื่อนี้ให้กับชาวบ้านคนอื่น ๆ อีกด้วย
เพราะว่าชาวบ้านทั้งหมดเติบโตมาภายใต้การดูแลซึ่งกันและกัน เด็กน้อยในหมู่บ้านล้วนเป็นบุตรหลาน คนแก่ทั้งหมดย่อมอยากเอาใจเด็ก ๆ หลังจากได้รับสิ่งดี ๆ มาแล้ว ทุกคนจึงพร้อมที่จะแบ่งปันมันออกไปอย่างเต็มใจ
ผู้นำหมู่บ้าน ภรรยาผู้นำหมู่บ้าน และเหล่าผู้อาวุโสพากันเดินออกมากล่าวโดยพร้อมเพรียง แม้ว่าชาวบ้านจะลอบสาปแช่งเทพอาวุโสก่อสร้างในใจ แต่อย่างน้อยในเบื้องหน้าต้องแสร้งทำเป็นสนใจเมื่ออยู่ต่อหน้าอาวุโสเหล่านี้…
หลังจากแสร้งทำเป็นศรัทธาแล้ว ไป๋ชิวหรานก็จัดการได้โดยง่าย เขาเข้าควบคุมเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานที่เป็นอาจารย์อสูรของเขาเอง เข้าฝันชาวบ้านในหมู่บ้าน และทำให้ทุกคนทะลวงผ่านสภาวะตีบตันไปได้
เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ไม่สำคัญกับไป๋ชิวหรานแม้แต่น้อย การสั่งสอนให้นักสู้สามารถปรับแต่งลมปราณ ไม่ว่าจะเป็นหลีจิ่นเหยาหรือถังรั่วเวย ทั้งสองสามารถจัดการได้โดยง่าย และชายหนุ่มที่หมกมุ่นอยู่กับขั้นกลั่นลมปราณมาถึงสามพันปี อย่างเช่น…
ไป๋ชิวหรานไม่จำเป็นต้องดูตำราใด การกลั่นลมปราณขั้นที่เก้าและการกลั่นลมปราณขั้นที่สิบนั้น เขารับรู้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถคิดหาวิธีทะลวงผ่านได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นในวันถัดมา ขอบเขตการฝึกฝนของทั้งหมู่บ้านจึงถูกยกระดับขึ้นโดยเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
ในเวลานี้ ชาวบ้านทั้งหมดในหมู่บ้านชิงสุ่ยต่างเปี่ยมไปด้วยศรัทธาที่มอบให้กับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน พวกเขาค่อย ๆ เปิดใจให้กับไป๋ชิวหราน หลีจิ่นเหยา และถังรั่วเวย ผู้ซึ่งเผยแพร่ความเชื่อนี้ให้แก่พวกเขาทั้งหมด
ชายหนุ่มและคนอื่น ๆ จึงสร้างบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยและอาศัยอยู่ที่นี่
หลังจากได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้าน ไป๋ชิวหรานกับไป๋ลี่จึงดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง
เขายื่นคำร้องต่อผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านทั้งหมด โดยหวังว่าจะรวบรวมบุตรทั้งหลายในหมู่บ้าน เพื่อก่อตั้งโรงเรียนและสั่งสอนวิธีการฝึกฝนการสร้างรากฐานให้กับพวกเขา
ชาวบ้านไม่คิดตั้งคำถามกับไป๋ชิวหรานเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ไป๋ชิวหรานกล่าวว่า ‘มีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่าขอบเขตเทพเจ้าแห่งแผ่นดิน’ ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครสงสัย แม้แต่สิ่งลึกลับอย่างเช่นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานยังปรากฏตัวได้ แม้ไป๋ชิวหรานจะบอกว่าดวงอาทิตย์เป็นทรงสี่เหลี่ยม พวกเขาก็พร้อมจะเชื่อถือ!
โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาปฏิเสธข้อเสนอของไป๋ชิวหรานเกือบทุกประการ ซึ่งเหตุผลหลักก็คือไป๋ลี่
ในฐานะบุตรชายของผู้นำหมู่บ้านและผู้นำรุ่นต่อไปของหมู่บ้านชิงสุ่ย การจะเผยแพร่ความคิดการฝึกฝนตนสู่หนทางเซียนนั้น ไป๋ลี่จึงจำเป็นต้องสั่งสอนเหล่าสหายตัวน้อยในหมู่บ้านชิงสุ่ยตั้งแต่ยังเยาว์
ชาวบ้านกังวลว่าหลังจากไป๋ชิวหรานสั่งสอนให้พวกเขาเข้าสู่ขอบเขตที่สูงกว่า เจ้าเด็กตัวเหม็นเหล่านี้จะปีกกล้าขาแข็งและจัดการกับบิดามารดาของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานถึงกับแย้งในทันทีว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้การฝึกฝนตนกับการสร้างรากฐานได้ เขาสามารถเปิดห้องเรียนให้กับเด็กและยังสามารถเปิดห้องเรียนให้กับวัยกลางคนหรือผู้อาวุโสได้ด้วย ทุกคนสามารถสร้างรากฐานและมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งการฝึกฝนของบิดามารดาย่อมรวดเร็วกว่าเด็กน้อยแน่นอน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชาวบ้านจึงเห็นด้วยทันที ทำให้ความตั้งใจของไป๋ชิวหรานราบรื่นไปได้ด้วยดี
ชายหนุ่มรวบรวมคนในหมู่บ้านและก่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็ก วัยกลางคน และผู้สูงอายุ
เขามอบหมายให้หลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยสั่งสอนเด็ก ๆ เพราะอย่างไรแล้วถังรั่วเวยก็เป็นศิษย์ของเขามานานหลายปี นางติดตามไปทั่วโลกและได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย ถึงเวลาแล้วที่นางจะต้องลองหาวิธีเพื่อสั่งสอนผู้อื่นบ้าง…
ส่วนเขาจะเป็นผู้ฝึกสอนให้กับวัยกลางคนและเหล่าผู้เฒ่า แน่นอนว่าวิธีการสอนของไป๋ชิวหรานได้รับฉายาว่าเป็น ‘ปรมาจารย์’ เสมอมา การฝึกฝนนั้นขึ้นอยู่กับบุคคล ดังนั้นจึงต้องใส่ใจทุกคนให้มาก ที่ผ่านมามีศิษย์ที่ให้ความสนใจและต้องคอยพร่ำสอนอยู่เสมอนั้นมีเพียงถังรั่วเวยคนเดียวเท่านั้น แม้แต่จักรพรรดิเซียนองค์แรกไป๋ลี่ยังไม่ได้รับการดูแลเช่นนี้
แน่นอนว่าเหตุผลหลักที่ไป๋ชิวหรานสนใจถังรั่วเวยนั้นเป็นเพราะร่างกายที่แปลกประหลาดของนาง หลังจากสายเลือดที่แท้จริงของเหล่าทวยเทพในร่างกายตื่นขึ้น กว่าเรื่องราวแปลกประหลาดมากมายจะปรากฏ กว่าสิบปีที่ไป๋ชิวหรานต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาแยกจิต เช่นนั้นการควบคุมกระดูกหน้าอกของหญิงสาวผู้นี้จึงมีเจียงหลานและซูเซียงเสวี่ยคอยควบคุม แต่ตอนนี้ซูเซียงเสวี่ยพ่ายแพ้ ส่วนเจียงหลานยังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘ในอีกไม่กี่ทศวรรษ แม้แต่นางที่เป็นจักรพรรดิเซียน อีกทั้งยังอยู่ในขอบเขตซากปรักหักพังหวนคืนก็ยังไม่อาจต่อกรกับกระดูกแผ่นอกนี้ได้’
ไป๋ชิวหรานจึงอยากทราบว่ากระดูกหน้าอกของถังรั่วเวยนั้น… สุดท้ายแล้วมันจะแข็งแกร่งเพียงใด
…
หลังจากเรียกร้องกับผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านสำเร็จ โรงเรียนฝึกฝนของไป๋ชิวหรานจึงก่อตั้งขึ้น!
เขาดูแลห้องเรียนของวัยกลางคนกับผู้เฒ่าได้สบาย ๆ หลังจากตรวจสอบทักษะการต่อสู้ของชาวบ้าน เขาจึงสุ่มสร้างทักษะที่เหมาะสมกับคนผู้นั้นสักสองสามกระบวนท่า จากนั้นไป๋ชิวหรานจึงมอบหมายให้กลับไปฝึกต่อและเป็นเจ้าของกระบวนท่าเหล่านั้น
หากไม่สามารถทะลวงผ่านได้ก็จะต้องทำแบบฝึกหัดอย่างหนัก และหากยังคงติดขัดจนไม่สามารถผ่านพ้นสภาวะตีบตันได้ พวกเขาต้องกลับไปจุดเครื่องหอมบูชาเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ทุกคนในห้องเรียนของไป๋ชิวหรานล้วนเป็นผู้ใหญ่ พวกเขามีความรับผิดชอบและมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง ทั้งหมดจึงดำเนินการไปอย่างราบรื่น
ไป๋ชิวหรานที่ปลดภาระให้กับตนเองได้จึงวิ่งไปที่ห้องเรียนของเด็กเพื่อพบหลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวย จากนั้นเขาจึงเริ่มสั่งสอนบุตรหลานของชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ย…