ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 372 ศรัทธาพระโพธิสัตว์เสริมอก
บทที่ 372 ศรัทธาพระโพธิสัตว์เสริมอก
บทที่ 372 ศรัทธาพระโพธิสัตว์เสริมอก
ไป๋ลี่ร้องเรียกสตรีที่กำลังพูดคุยกับไป๋ชิวหรานว่า ‘ท่านป้า’
อีกฝ่ายหันมาตามเสียง พร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้เขา
นางกล่าวทักทายหนุ่มสาวทั้งสอง “เป็นหวยลี่กับเยว่เอ๋อร์นั่นเอง พวกเจ้าโตขึ้นมาก หวยลี่สูงขึ้น และเยว่เอ๋อก็งดงาม ในอนาคตคงจะหล่อเหล่าเหมือนบิดา ส่วนเจ้าก็คงงดงามเช่นเดียวกับมารดา”
“ท่านป้ายกยอข้าเกินไปแล้ว”
ไป๋ลี่แสร้งทำเขินอาย ก่อนเกาศีรษะอย่างไร้เดียงสา ส่วนลิ่วเยว่เอ๋อร์หลบไปอยู่ด้านหลังด้วยความประหม่าเช่นกัน
“มานี่สิ ข้ามีของฝากมาให้พวกเจ้าด้วย”
สตรีผู้นั้นหยิบถุงกระดาษซึ่งมีลูกกวาดน้ำตาลสองชิ้นออกมา
ไป๋ลี่กล่าวขอบคุณยามน้อมรับ ก่อนยื่นชิ้นที่ใหญ่กว่าให้กับลิ่วเยว่เอ๋อร์ผู้หลบอยู่ด้านหลัง
ลิ่วเยว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเอื้อมมือไปรับมันไว้ โดยใช้มืออีกข้างจับชายเสื้อของเขาต่อไป นางเลียลูกกวาดเงียบ ๆ ในขณะที่ยังหลบอยู่ด้านหลังไป๋ลี่
“หวาน”
นางกระซิบ
“อร่อย”
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าของหญิงสาวก็เผยรอยยิ้มใจดีราวกับหญิงชรา
จากนั้นจึงนางใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อถามไป๋ลี่
“ว่าแต่ ตอนที่ข้ามาถึงที่นี่ ข้ายังไม่เห็นบิดาของเจ้าและคนอื่น ๆ เลย ทั้งหมดไปไหนงั้นหรือ?”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านลุง และท่านปู่ของข้ากำลังฝึกฝนอยู่ที่หลังภูเขา”
ไป๋ลี่กล่าวเสริม
“มารดาของข้าก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน”
“โอ้ พวกเขากำลังฝึกฝน?”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านป้าลุกขึ้นพร้อมกล่าวต่อ
“เช่นนั้นข้าควรไปรับชมสักหน่อย”
ไป๋ลี่และลิ่วเยว่เอ๋อร์มองดูนางเดินออกจากประตู ก่อนจะเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับไป๋ชิวหราน
“สตรีผู้นั้นคือใคร? เจ้ารู้จักนางหรือ?”
ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม
“เยว่ซื่อถิง จ้าวหอหว่านฮวาแห่งประตูที่สามเมืองผิงโจว”
ไป๋ลี่เคี้ยวลูกกวาดน้ำตาลในมือ ก่อนกลืนมันลงคอ
“ตอนบิดาข้ายังเยาว์ ดูเหมือนเขาจะเป็นวีรบุรุษที่ช่วยเหลือสาวงามผู้นี้ไว้ แล้วนางผู้นี้ก็จะมาที่หมู่บ้านของเราทุก ๆ ปี ทุกคนในหมู่บ้านล้วนแต่รู้จักนางทั้งสิ้น”
“มีคนนอกเดินเพ่นพ่านในหมู่บ้านของเจ้ามานานหลายปีแล้วหรือเนี่ย แปลกประหลาดไม่น้อย”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ
“เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่านางอาจมีแรงจูงใจซ่อนเร้นอื่น สตรีผู้นี้ถามว่าข้ามาจากไหน ราวกับนางเป็นคนในหมู่บ้านแห่งนี้”
“ข้าก็คิดสงสัย แต่ป้าเยว่เป็นคนที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้คน เช่นนั้นจึงไม่มีอะไรต้องหวาดระแวง”
ไป๋ลี่กลืนก้อนน้ำตาลทั้งหมด และหุบปากเคี้ยว
“ว่าไม่ได้แฮะ ขนมเด็กพวกนี้มันอร่อยจริง ๆ”
“แล้วเรื่องสตรีผู้นั้นล่ะ?”
ไป๋ชิวหรานอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก
“ท่านคิดสิ่งใด? ท่านอาจารย์ ท่านไม่เห็นหรือไร?”
ไป๋ลี่มองไป๋ชิวหรานด้วยสายตาแปลกประหลาด
“นางต้องการความรักจากบิดาข้า”
เดิมทีไป๋ลี่คิดว่าไป๋ชิวหรานแสร้งทำเป็นไม่ทราบ แต่มิใช่… เขาเพิ่งตระหนักได้หลังจากได้ยินถ้อยคำของไป๋ชิวหราน
“ท่านอาจารย์ นี่ท่านไม่ทราบจริง ๆ”
ไป๋ลี่พูดไม่ออก
“ปกติแล้ว ด้วยความงามเช่นนี้ในยุคสมัยนี้… เป็นเรื่องง่ายที่สตรีจะสามารถเอาชนะใจบุรุษได้”
ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อนเอ่ย
“เมื่อก่อนข้าก็ช่วยเหลือสตรีไว้มากมาย แต่เหตุใดภายหลังพวกนางถึงรังเกียจข้าล่ะ?”
“แล้วข้าจะไปรู้กับเจ้าหรือ!”
ไป๋ลี่กางมือพร้อมกล่าวต่อ
“ไม่ว่าท่านจะทำให้ผู้อื่นขุ่นเคืองด้วยการกล่าววาจาแล้งน้ำใจ หรือเพียงพูดว่าเกลียดชัง แต่ความจริงแล้วกลับชื่นชอบท่านมาก เป็นท่านเองที่ไม่อาจสัมผัสได้”
“เอาล่ะ หยุดกล่าวเรื่องของข้าดีกว่า”
ไป๋ชิวหรานชี้ไปที่ประตู
“สตรีผู้นั้นเพิ่งบอกว่าจะไปหาบิดาของเจ้า แล้วมารดาเจ้าก็อยู่ที่นั่น ไม่เกรงว่าพวกเขาจะตบตีกันบ้างหรือ?”
“ไม่ต้องกังวล มารดาของข้าไม่สนใจรูปลักษณ์ของนาง และจะไม่ลงมือจัดการกับนางโดยง่าย ท่านป้าซื่อถิงเพียงแค่แสดงความรักที่มีต่อบิดาของข้า และนางมักจะละอายใจต่อมารดาของข้าเสมอ แน่นอนว่าย่อมไม่กล้าสร้างปัญหากับท่านแม่ของข้าแน่”
ไป๋ลี่กล่าวตอบ
“หากนางต้องการยั่วยุมารดาข้า นางคงไม่ใจดีกับข้าและเยว่เอ๋อร์เช่นนี้ เพราะชีวิตนี้ข้าไม่ใช่เพียงบุตรชายของท่านพ่อเท่านั้น แต่เป็นบุตรของท่านแม่ด้วย”
เรียวปากที่กำลังเอื้อนเอ่ยมีเศษน้ำตาลติดอยู่ ลิ่วเยว่เอ๋อร์ผู้นั่งอยู่เคียงข้างสังเกตเห็นจึงเลื่อนนิ้วเข้าไปหา เบียดมันเข้าไปในปากอย่างนิ่มนวล
ไป๋ชิวหรานมองการกระทำของสาวน้อยก็อดส่งยิ้มให้ไป๋ลี่มิได้
“เช่นนั้นเจ้าจึงยอมรับทุกสิ่งในตัวนางได้? ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“ถูกต้องแล้ว ป้าเยว่ซื่อถิงซื้อของให้ข้าและเยว่เอ๋อร์มากมาย นั่นก็เพราะนางชอบพวกเรา”
ไป๋ลี่ไม่คิดใส่ใจ
“ส่วนความประสงค์ของนางจะบริสุทธิ์หรือไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องกังวล บาปกรรมที่ท่านพ่อก่อไว้ เขาจะต้องชดใช้ด้วยตนเอง ไม่มีเหตุผลใดที่บุตรชายจะต้องชดใช้หนี้แทนท่านพ่อ”
“แล้วมารดาเจ้าล่ะ?”
“ท่านแม่? ท่านแม่ของข้าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในโลกใบนี้ นางมั่นใจว่าด้วยความงามของนางจะสามารถเอาชนะป้าเยว่ซื่อถิง และคนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย สุดท้าย ท่านแม่จะจับมือท่านพ่อไว้ได้แน่นหนา”
ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขานึกเปรียบเทียบเยว่ซื่อถิงกับเจี่ยเชียนโหรวในใจก่อนพยักหน้ารับ
“ความจริงแล้ว หากมองในแง่ของความงดงามอย่างเดียว มารดาของเจ้าถือว่าเหนือกว่า”
“เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนท่านแม่จะหดหู่ไม่น้อย”
ไป๋ลี่แตะคางครุ่นคิดก่อนกล่าวต่อไป
“ทำไม?”
“ประการแรก บุรุษเปรียบกับหมูตัวใหญ่ แม้มีชามข้าวให้กินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็ยังอดใจในความเย้ายวนของหม้อที่ร้อนและใหญ่กว่าไม่ได้… แม้ปากจะพูดอย่างไร ทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์”
ไป๋ลี่ชูนิ้วที่สอง
“ประการที่สอง ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าป้าเยว่ซื่อถิงมีข้อได้เปรียบเหนือมารดาของข้าในเรื่องใดบ้าง?”
“เอ่อ…”
ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวตอบ
“เยว่ซื่อถิงอารมณ์ดี สุภาพ และสนทนาตามปกติวิสัยมนุษย์ปุถุชน ข้าสามารถพูดคุยกับนางได้อย่างผ่อนคลาย ทว่ามารดาเจ้าเย่อหยิ่ง และยังดุร้ายเมื่อข้าแตะต้องเจ้า หากนางพบเจอกับสตรีที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นข้า นางอาจอกแตกตายได้ง่ายดาย”
“ไม่ใช่เรื่องนี้”
ไป๋ลี่รู้สึกอับจนปัญญา เขายื่นมือแสดงท่าทางยามอธิบาย
“มันคือทรวดทรงองค์เอว! นาฬิกาทรายนั่น ท่านไม่เห็นหรือว่าส่วนโค้งเว้าของท่านป้าเยว่ซื่อถิงน่าตื่นตาตื่นใจเพียงไหน?”
“เรื่องนั้น… ข้าไม่ได้สนใจ”
ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“มันหยาบคายเกินไปหากข้าจะมองร่างกายของเพศตรงข้ามเช่นนั้น”
“โอ้ ด้วยประสบการณ์หลายปีของข้า ร่างกายของท่านป้าเยว่จะต้องยอดเยี่ยมแน่นอน”
ไป๋ลี่ทำท่าทางประกอบไปด้วย
“หากเปรียบเทียบกันแล้ว มารดาของข้ายังด้อยกว่ามาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข้าเข้าใจได้หากท่านพ่อจะสั่นคลอน…”
“ศิษย์พี่ลี่ชอบสตรีที่งดงามเช่นนั้นหรือไม่?”
ลิ่วเยว่เอ๋อร์ที่เงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้น
“เอ่อ…”
ไป๋ลี่เผยทักษะยอดเยี่ยมในการรับมือกับสตรีต่อหน้าไป๋ชิวหราน
“ไม่ว่าเยว่เอ๋อร์จะเป็นเช่นไร ข้าก็ชอบ”
เด็กหนุ่มมอบคำมั่น
“อย่าไปเชื่อเขา! เขาชอบสตรีอกสะบึม ทรงตู้ม เขาเคยบอกข้า!”
น่าเสียดายที่ไป๋ชิวหรานไม่คิดช่วยเหลือศิษย์ของตนเลย และเขากล่าวกับลิ่วเยว่เอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมา
“เอาล่ะ …ข้าเข้าใจแล้ว”
ลิ่วเยว่เอ๋อร์เหลือบมองไป๋ลี่ พร้อมพยักหน้าขอบคุณไป๋ชิวหราน
“อาจารย์ พวกเรากลับมาแล้ว”
ขณะนี้ หลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยปรากฏตัวขึ้นที่ประตูโรงเตี๊ยม ถังรั่วเวยยกมือขึ้นเพื่อทักทายไป๋ชิวหราน และคนอื่น ๆ
“เห็นศิษย์พี่หญิงหลีบอกกล่าวว่าท่านสร้างบ้านเสร็จแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปกันเถิด… อ้อ เมื่อครู่ท่านกำลังกล่าวถึงสิ่งใดกัน ดูเหมือนข้าจะได้ยินว่า ‘ทรงตู้ม’ หรืออะไรสักอย่าง…”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น นางก็นึกถึงหน้าอก นึกถึงขนาด จนเกิดความริษยาในใจ และจินตนาการของถังรั่วเวยยังปราดเปรื่องยิ่งนักในเรื่องนี้…
ความสามารถในการเชื่อมโยงของนางทำให้หลีจิ่นเหยาไร้ความสุขเมื่อเดินเข้ามา
“ศิษย์พี่ขอรับ ไม่มีสิ่งใดทั้งนั้นแหละ!”
ไป๋ลี่รีบกล่าว
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองศิษย์ของเขา ทันใดนั้นก็นึกถึงบางสิ่งได้ก่อนจะปรบมือเสียงดัง
“รั่วเวย เจ้ามาได้ตรงเวลาเสียจริง จู่ ๆ ข้าก็คิดหาวิธีช่วยเผยแพร่ศรัทธาพระโพธิสัตว์เสริมอกได้แล้ว!”