ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 373 ราวกับพี่น้อง มาสักการะพระโพธิสัตว์เสริมอก
บทที่ 373 ราวกับพี่น้อง มาสักการะพระโพธิสัตว์เสริมอก
บทที่ 373 ราวกับพี่น้อง มาสักการะพระโพธิสัตว์เสริมอก
ช่วงบ่ายของวันที่สอง เจี่ยเชียนโหรวออกมาจากบ้าน นางตรงไปยังร้านของชำในหมู่บ้านด้วยสีหน้าที่ไม่ยินดีนัก
…หญิงสาวเจ้าปัญหามาถึงที่นี่อีกแล้ว นางเพิ่งไปเยี่ยมบ้านพวกเขามาเมื่อวาน และกำลังจะจากไปในวันนี้ อีกทั้งสามีของนางยังได้แวะเวียนมาหา
เมื่อคิดถึงหญิงสาวคนนั้นก็รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา ไม่ว่าใครในหมู่บ้านก็มองออก ส่วนความคิดของเยว่ซื่อถิงที่มีต่อลิ่วเยวี่ยน ถ้านางแสดงออกชัดเจนหรือมีท่าทีแปลกประหลาดกับเจี่ยเชียนโหรว เช่นนั้นเจี่ยเชียนโหรวจะรับมือได้ง่าย แค่ไล่กลับไปก็พอ แต่กลับแสดงออกไม่ชัดเจน ตอนที่คืนดีกับเจี่ยเชียนโหรว นางยอมตามไปทุกหนแห่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะโกรธเกลียดอีกฝ่าย
ทุกครั้งที่นางมาที่บ้านพวกเขา เยว่ซื่อถิงจะมาในฐานะแขก และเข้ากันได้ดีกับลิ่วเยวี่ยนโดยไม่มีการล่วงเกิน ดังนั้นถึงแม้นางจะมาที่นี่ทุกปี ด้วยอารมณ์กับเหตุผลของนาง แต่ก็ทำให้เจี่ยเชียนโหรวไม่กล้าผลักไสออกไป
และเมื่อไม่นานมานี้ เจี่ยเชียนโหรวรู้สึกว่าสามีนั้นมีใจให้กับเยว่ซื่อถิง… ถึงแม้ลิ่วเยวี่ยนจะไม่รู้ตัว แต่เจี่ยเชียนโหรวกลับสังเกตเห็น อย่างเช่นตอนที่สนทนากัน ดวงตาของลิ่วเยวี่ยนจับจ้องหน้าอกของเยว่ซื่อถิงอยู่เสมอ!
เมื่อคิดถึงเรือนร่างของผู้หญิงคนนั้น ในใจของเจี่ยเชียนโหรวก็ยิ่งโกรธจัด เดิมทีผู้หญิงทุกคนจะเปรียบเทียบกันในแง่มุมนี้ ถึงจะมีไม่มากจนเกินงามเหมือนอย่างถังรั่วเวย แต่อย่างน้อยก็พอไปวัดไปวาได้ไม่มากก็น้อย แต่หลังจากเห็นการแสดงของลิ่วเยวี่ยน เจี่ยเชียนโหรวจึงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น…
นางลองเทียบรูปร่างตัวเองกับเยว่ซื่อถิง จากนั้นดวงตาของนางก็เผยแววเกรี้ยวกราดออกมา
ผู้หญิงคนนั้น… กินอะไรถึงได้ใหญ่ปานนี้?
ขณะครุ่นคิด เจี่ยเชียนโหรวก็เดินมาถึงร้านขายของชำ
“ท่านพี่หวัง”
นางเรียกเถ้าแก่ร้านขายของชำ
“โปรดชั่งน้ำหนักชาให้ข้าสองจินที”
เถ้าแก่ร้านขายของชำขานรับ นำอุปกรณ์ออกมาช่วยเจี่ยเชียนโหรวชั่งชา นางมองดูและพบเห็นร่างอันคุ้นเคยในร้านขายของชำ
“แม่นางถัง”
เจี่ยเชียนโหรวกล่าวทักทาย
“เจ้าควรไปสอนพวกเด็ก ๆ ไม่ใช่หรือ? มาทำอะไรที่นี่?”
“อ๋อ ตอนนี้ศิษย์พี่หลีกำลังดูแลทางนั้นให้น่ะ”
ถังรั่วเวยตอบ
“พวกข้าเพิ่งย้ายมาที่นี่ใช่ไหมล่ะ? เพราะอย่างนั้น อาจารย์ก็เลยสั่งให้มาซื้อของใช้ประจำวัน”
เจี่ยเชียนโหรวรู้สึกมาโดยตลอดว่าชื่อถังรั่วเวย ไป๋ชิวหราน และหลีจิ่นเหยาช่างแปลกประหลาด ตามคำบอกเล่า… ไป๋ชิวหรานคืออาจารย์ของถังรั่วเวย หลีจิ่นเหยาคือคู่ทุกข์คู่ยากของไป๋ชิวหราน แต่ถังรั่วเวยกลับไม่เรียกหลีจิ่นเหยาว่าอาจารย์ แต่กลับเรียกว่าพี่สาวแทน
แต่เรื่องของผู้อื่นนั้นเจี่ยเชียนโหรวไม่ช่ำชองนัก แม้กระทั่งเรื่องที่ไป๋ชิวหรานเป็นอาจารย์ของไป๋ลี่ด้วย
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เจี่ยเชียนโหรวเดินมาอยู่ข้างถังรั่วเวย เห็นว่าสาวน้อยกำลังจ้องกองผลไม้สีเขียวเหลืองอย่างตั้งอกตั้งใจ
“แม่นางถัง นี่อะไรหรือ?”
“อ๋อ นั่นน่ะนะ”
เถ้าแก่ร้านขายของชำชั่งน้ำหนักชาให้เจี่ยเชียนโหรวเสร็จ ถังรั่วเวยจึงเดินเข้ามามองที่กองผลไม้ ก่อนจะกล่าวทั้งรอยยิ้มว่า
“นี่คือมะละกอสดที่พวกข้าเพิ่งซื้อมา เอากลับไปบ้านสิ เอาไปทำซุปหรือเอาไปดอง รสชาติล้วนดียิ่งทั้งสิ้น”
“มะละกอหรือ?”
“ใช่แล้ว”
ถังรั่วเวยพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ
“หากเอาผลไม้ผลนี้ไปตุ๋นกับนมวัวหรือน้ำผึ้งแล้วกินเข้าไป จะช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก ข้ากินเป็นประจำเลยล่ะ”
“หืม? หน้าอกมันเสริมกันได้ด้วยหรือ?”
หูของเจี่ยเชียนโหรวขยับเบา ๆ
“ได้สิ แต่มันใช้ได้ผลกับสาวน้อย หรือสาวแรกแย้มเท่านั้น การกินมะละกอตุ๋นนมจะได้ผลดีที่สุด”
ถังรั่วเวยเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
“ลืมไปเลยว่าตัวข้าเลยวัยนั้นไปนานมากแล้ว…”
เจี่ยเชียนโหรวอดที่จะมองถังรั่วเวยไม่ได้ สาวน้อยผู้นี้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งนัก น่าจะเป็นสาวพรหมจรรย์ไร้ชายสัมผัส แต่คนเราจะมองเช่นนั้นไม่ได้ หลังจากได้เรียนรู้วิชาก่อร่างสร้างฐานที่ได้รับมาจากไป๋ชิวหรานแล้ว เจี่ยเชียนโหรวก็รับรู้ได้เช่นกันว่าบางคนไม่สามารถตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกได้
“แต่อันที่จริง จากประสบการณ์ส่วนตัวของข้า การกินมะละกอมันไม่มีผลอะไรเลยนะ”
ถังรั่วเวยหน้ามุ่ย ส่ายหน้าอีกครั้งแล้วกล่าวว่า
“เพราะอย่างนั้น หลังจากกินไปสองปี ข้าก็หยุดกินไปเลย”
“อย่างนั้นหรือ…”
สีหน้าของเจี่ยเชียนโหรวดูเสียดายเล็กน้อย
“หืม? สีหน้าของท่านดูเหมือนเสียดายนิดหน่อยเลยนะ หรือว่าข้าคิดไปเอง?”
ถังรั่วเวยถามขึ้นทันที
“เปล่า ๆ ”
เจี่ยเชียนโหรวกล่าวพลางยิ้มแห้ง
“แม่นางถังมองผิดแล้ว”
“จะว่าไป ตอนข้าเพิ่งมาที่นี่ ข้าเห็นผู้นำหมู่บ้านเดินมากับผู้หญิงอีกคนด้วย”
คำพูดของถังรั่วเวยมีความหมายบางอย่าง…
ใบหน้าของเจี่ยเชียนโหรวหมองคล้ำขณะพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นดังนี้ ถังรั่วเวยจึงยกยิ้มเล็กน้อย โน้มตัวเข้าใกล้หูของเจี่ยเชียนโหรวและกล่าวแผ่วเบา
“ถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือ ข้ามีสูตรดีมานำเสนอ สามารถช่วยแก้ปัญหาให้ท่านได้ทุกเมื่อ”
“ของดีอะไร?”
เจี่ยเชียนโหรวถาม
ถังรั่วเวยชำเลืองมองเถ้าแก่ร้านขายของชำครู่หนึึ่ง ก่อนจะตอบว่า
“ออกไปคุยกันเถอะ”
นางรับของที่เถ้าแก่ร้านขายของชำส่งให้ เจี่ยเชียนโหรวเองก็รับชาที่ได้รับการชั่งน้ำหนักแล้วเช่นกัน หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยก็เดินตามฝีเท้าของอีกฝ่ายไป
ทั้งสองเดินออกมา มุ่งสู่สถานที่เปลี่ยว ถังรั่วเวยระบายยิ้มให้เจี่ยเชียนโหรวพร้อมเอ่ยขึ้นว่า
“จากการคาดเดาอันเกินควรของข้า ผู้นำหมู่บ้านและผู้หญิงคนนั้น นอกจากจะทำตัวดูน่าสงสัยแล้ว ก็อาจจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ได้ เหตุผลหลักเป็นเพราะผู้หญิงตกหลุมรักผู้นำหมู่บ้าน แต่ข้าเชื่อว่าผู้นำหมู่บ้านไม่น่าจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมอะไร เพียงแต่ว่าด้วยบุคลิกแล้ว การที่ผู้หญิงให้ความสนใจมากขนาดนั้น เกรงว่าจะทำให้เขารู้สึกละอายใจ จนมีความเป็นไปได้ที่จะไม่กล้าปฏิเสธและยอมรับอีกฝ่าย”
“แม่นางถังช่างรู้ดียิ่งนัก”
เจี่ยเชียนโหรวประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้าคิดว่าแม่นางถังไม่ใช่คนที่จะเก่งเรื่องสังเกตคำพูดและการกระทำเสียอีก”
แน่นอนว่าข้าไม่เก่ง แต่ลูกชายของข้าเก่งไม่เบา
ถังรั่วเวยกล่าวอยู่ในใจ
นางยังคงยิ้มแล้วกล่าวว่า
“ในโลกใบนี้ อย่ามองใบหน้าของผู้อื่น ประเดี๋ยวชีวิตจะลำบากเอา อีกอย่าง ที่พูดมาเมื่อครู่นี้ก็เพราะมีตัวอย่างของคนรอบข้างให้เห็นนี่แหละ”
“เช่นนั้นแม่นางถังโปรดมอบหนทางคลี่คลายให้ข้าด้วย”
เจี่ยเชียนโหรวขอคำแนะนำถังรั่วเวยอย่างถ่อมตน
“เอาล่ะ ๆ ข้าขอลองดูก่อน สถานการณ์ของท่านมีหนทางคลี่คลายอยู่สองทาง”
ถังรั่วเวยส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า
“ทางแรกคือเปลี่ยนตัวเอง ผู้นำหมู่บ้านและภรรยาตกหลุมรักกันมาก แต่ไม่ว่าความสัมพันธ์คู่รักนั้นจะดีเพียงใด แต่ถ้าชีวิตไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผ่านไปสักพักจะรู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้นท่านต้องรู้จักเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นหาทางเพิ่มขนาดหน้าอกให้เท่ากับผู้หญิงคนนั้น ถึงตอนนั้น ผู้นำหมู่บ้านจะปฏิบัติต่อท่านเหมือนเพิ่งแต่งงานใหม่”
“ทางที่สองนั้นเรียบง่ายมาก ผู้นำหมู่บ้านและภรรยาให้กำเนิด… ลิ่วหวยลี่ คบกันมานานกว่าสิบปีแล้วใช่หรือไม่? หากแม่นางสามารถมีความสุขกับลูกชายในตอนนี้ได้ เมื่อผู้นำหมู่บ้านเผชิญหน้ากับผู้หญิงก็จะเกิดความละอายใจ ความคิดจะเปลี่ยนไป จนอาจจะสามารถปฏิเสธผู้หญิงคนนั้นอย่างจริงจังได้”
“แม่นางถังพูดถูก”
เจี่ยเชียนโหรวครุ่นคิดสักพัก ก่อนเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวออกมา
“แต่ภรรยาน้อยทำแบบนั้นไม่ได้”
“หาใช่ปัญหาไม่”
ถังรั่วเวยตบอก นางยังคงจับหน้าอกตัวเองเอาไว้ ทำให้เนินอกเกิดแรงสั่นไหวอันน่าประหลาดขึ้นมา
“นอกจากเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน พวกเรายังมีเทพอีกสองตนที่นี่ นามของพวกนางคือพระโพธิสัตว์เสริมอกและราชินีประทานบุตร มีเพียงเทพสองตนนี้ที่สามารถคลี่คลายปัญหาของผู้หญิงได้”
“เรื่องแบบนั้น…”
เจี่ยเชียนโหรวกล่าวด้วยความสงสัย
“การสักการะเทพจะเป็นประโยชน์จริงหรือ?”
“แน่นอนว่าเป็นประโยชน์ แม่นางคงจะไม่เชื่อสินะ แต่ตัวข้าเคยมีหน้าอกแบนเหมือนกับผู้ชายมาก่อน แม้แต่ผู้ชายบางคนยังมีกล้ามหน้าอกใหญ่กว่าของข้าเสียอีก แต่ตอนนี้ ก็อย่างที่เห็น…”
ถังรั่วเวยกลั้นน้ำตาเอาไว้ ยังคงหน้ามืดตามัว ตบหน้าอกดังตุบ พยายามสุดความสามารถเพื่อเขย่าเนินอกให้ดีที่สุด!
“นี่คือผลจากการสักการะพระโพธิสัตว์เสริมอก เจ้าลองกลับไปสวดภาวนาสักเดือนดู หากไม่ได้ผลให้กลับมาหาข้า แล้วข้าจะมอบคำอธิบายให้อย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นเจี่ยเชียนโหรวยังมีทีท่าลังเล ถังรั่วเวยจึงเสริมว่า
“ตอนที่อาจารย์ของข้าสอนหลักธรรมของท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน เจ้าก็ไม่เชื่อไม่ใช่หรือ? การฟังคำพูดของเขา เจ้าไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว ทำไมถึงไม่ลองดูเสียหน่อยล่ะ?”