ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 382 จอมอสูรโลหิตความตาย
บทที่ 382 จอมอสูรโลหิตความตาย
บทที่ 382 จอมอสูรโลหิตความตาย
ในเดือนสาม ปีที่สอง บนชายฝั่งของทะเลสาบซู
นี่คือช่วงใบไม้ผลิอันแสนเย็นสบาย แต่หากจะว่ากันตามตรงแล้วมันก็ไม่เหมาะที่จะมาเยือนทะเลสาบซูเท่าไหร่นัก
เหล่าปัญญาชนแห่งต้าเซียที่อยากไปเยือนทะเลสาบซูมักมากันในช่วงหน้าหนาว เพื่อรับชมทิวทัศน์อันงามงดของหิมะโปรยปราย สายสะพานกับน้ำ และนภาสีขาวเงิน หรือไม่ก็มาช่วงหน้าร้อน และช่วงหน้าฝน เพื่อกางร่มกระดาษ เดินชมทะเลสาบซูที่เต็มไปด้วยม่านหมอก เป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อนัก
แต่ผู้คนที่มาที่นี่ในวันนี้ ไม่มีอิสระที่จะเลือกฤดูกาลได้ตามต้องการ
เขายุ่งมากตลอดทั้งวัน… ยุ่งมากจนถึงขั้นมาที่ริมทะเลสาบซูที่คำนึงหามาโดยตลอดได้ สุดท้ายจึงอาศัยโอกาสจากการมาเยือนในครั้งนี้เพื่อแวะทะเลสาบแห่งนี้
วันก่อนที่คนผู้นี้จะมาทะเลสาบซู เจ้าหน้าที่ของราชสำนักต้าเซียสั่งคนไปจัดการให้นักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่งของทะเลสาบซูหลีกทางออกไป พยายามสุดความสามารถเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัย จนกระทั่งวันนี้มาถึง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ชายแดนจนถึงจ้าวเมืองท้องถิ่น ทุกคนล้วนติดตามเขาด้วยความเคารพ กระทั่งถึงริมทะเลสาบซู
กระโจมสีเหลืองสดใสห้อมล้อมทะเลสาบ ทหารยามชั้นยอดที่พรั่งพร้อมด้วยอาวุธชุดเกราะเข้าแถวยาวเหยียด
ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามจักรพรรดิแห่งต้าเซียขึ้นเรือมังกรที่เตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ เพื่อพาเขาล่องเรือไปบนทะเลสาบซู และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามนี้
ขณะนั้นเอง มุมหนึ่งของห้องเบื้องล่างศาลาสามชั้นของเรือมังกร เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกงเหวยผู้ติดตามมาด้วยถูกชายชุดดำผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาหา
“เริ่มเลย”
สายตาของชายชุดดำเผยแววบ้าระห่ำออกมา
“พี่น้องของพวกเราซุ่มอยู่ทั่วเรือลำนี้ ตอนนี้มันกำลังล่องอยู่กลางทะเลสาบ ถูกล้อมไว้แบบนี้กลายเป็นเกาะโดดเดี่ยวไร้ทางหนี… หึ เจ้าที่อยู่กองกำลังนอกรีตก็มีประโยชน์เหมือนกัน”
“ทุกคนคือผู้ศรัทธาของเทพโลหิตแห่งความสุข ทำไมถึงมาดูถูกข้า?”
เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกงเหวยไม่พอใจเล็กน้อย
“หึ เจ้าอย่าลืมสิว่าพวกข้าคือผู้ศรัทธาดั้งเดิมที่สุดของเทพโลหิตแห่งความตาย”
เมื่อชายชุดดำเย้ยหยัน หนามบนใบหน้าก็ทะลุผ้าเช็ดหน้า เผยให้เห็นมุมหนึ่งของผิวพักตร์สีแดงเข้ม
“หากเทพโลหิตแห่งความสุขไม่ถูกเทพโลหิตแห่งความตายกลืนกิน เจ้าคงถูกพวกข้ากวาดล้าง จนกลายเป็นสำนักนอกรีตไร้ความสามารถไปนานแล้ว!”
“เจ้าคนวิปริตไร้เหตุผล”
เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกงเหวยกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
“ถ้าข้าไม่ให้โอกาส พวกเจ้าจะสามารถขึ้นมาบนเรือมังกรต้าเซียลำนี้ได้หรือ?”
“ฮ่า ๆ”
ครั้นชายชุดดำได้ยินดังนั้น รอยยิ้มเยาะก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“หากไม่มีเจ้า พวกข้าก็ลอบสังหารที่ริมทะเลสาบได้ เฮอะ!”
“กำลังคนของเจ้าช่างน้อยนิด แต่ริอาจอยากฆ่าจักรพรรดิต้าเซียผู้อยู่ขั้นเก้าของขอบเขตความเป็นมนุษย์ที่ริมทะเลสาบ ช่างอ่อนหัดนัก”
เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกล่าว
“หากไม่มีข้า เจ้าคงจะถูกอารักขาพยัคฆ์ราชวงศ์ที่อยู่ริมทะเลสาบฆ่า อีกอย่าง ข้าขอเตือนไว้ก่อน แม้กระทั่งบนเรือมังกรลำนี้ วิชายุทธ์ของจักรพรรดินั้นไม่ธรรมดา อย่าคิดว่าจะล่มเรือได้ง่าย ๆ”
“แล้วมันทำไม?”
ชายในชุดดำถามด้วยความอวดดี
“ต่อให้เจ้าตาย แต่พวกข้าก็ยังคงจัดงานเลี้ยงสังหารสูงสุดแก่เทพโลหิตแห่งความตาย เทพจะเชยชมพวกข้า นำพาไปสู่อาณาจักรของพระองค์! มีชีวิตนิจนิรันดร์ ยินดีกับการไล่ล่าไร้ที่สิ้นสุด!”
“ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว”
เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกงเหวยกล่าว
“โอกาสสำเร็จในภารกิจนี้ไม่สูงนัก ข้าไม่ใช่คนที่มองโลกในแง่ดีด้วย เพื่อให้อยู่ต่อ ข้าจะไม่เข้าร่วมกับเจ้าในตอนแรก เจ้าจงไปก่อน ข้าจะชดใช้ความเสียหายให้เอง”
“เจ้าอยากหนีงั้นหรือ?”
ชายชุดดำถามด้วยท่าทีหยามเหยียด
“เมื่อจุดยืนไม่มั่นคง ย่อมไร้ซึ่งความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง”
“หึ จุดยืนของข้ามั่นคงอย่างแน่นอน”
เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกล่าวเย้ยหยัน
“เพียงแค่ว่าวิธีแสดงความซื่อสัตย์ของข้าไม่ใช่สิ่งที่คนวิปริตเช่นเจ้าจะสามารถเข้าใจได้… มากับข้า เรียกคนของเจ้ามา ข้าจะให้คนเหล่านั้นมีโอกาสเข้าใกล้จักรพรรดิภายในห้าก้าว”
…
ชั้นบนสุดของเรือมังกร จักรพรรดิต้าเซียผู้มีอายุมากกว่าสามสิบปีกำลังนั่งร่วมกับสวินฝู่ท้องถิ่นและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ติดตามมา พวกเขาดื่มชาไปพลาง ชมทิวทัศน์ของทะเลสาบซูไปพลาง
สวินฝู่เค้นสมองเพื่อบอกจักรพรรดิเกี่ยวกับความงดงามของทะเลสาบซูและตำนานที่ข้องเกี่ยวให้ฟัง ทั้งยังพยายามแต่งเติมให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้เอง พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“องค์เหนือหัว”
ทหารยามที่ประตูกล่าว
“เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกงเหวยมาแล้ว”
“ให้เขาเข้ามา”
จักรพรรดิต้าเซียสั่ง
ครั้นประตูเปิดออก เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกงเหวยก็เดินเข้ามา มีสาวใช้ก้มศีรษะเดินตามหลังมาเช่นกัน สาวใช้ถือจานไว้ในมือ ด้านบนมีขนมอบส่งกลิ่นหอม
“องค์เหนือหัว”
เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูคารวะจักรพรรดิต้าเซียแล้วกล่าวว่า
“ขนมอบในครัวพร้อมแล้ว ข้าจึงนำพวกมันออกมาเพื่อมอบให้ท่าน”
สวินฝู่แห่งมณฑลทะเลสาบซูยิ้มให้จักรพรรดิเช่นกัน
“องค์เหนือหัว ขนมอบของพวกข้าในทะเลสาบซูเป็นอาหารที่พิเศษนัก หวังว่าท่านจะได้ลิ้มลอง”
“โอ้ ในเมื่อทุกท่านพูดเช่นนี้”
จักรพรรดิต้าเซียพยักหน้าให้กับสาวใช้
“เช่นนั้นก็นำเข้ามา”
สาวใช้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น นางถือขนมอบเดินเข้าหาจักรพรรดิ เมื่อก้าวเข้ามาจนห่างจากด้านข้างของจักรพรรดิประมาณสามก้าว จักรพรรดิต้าเซียก็พลันขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ!
หลังจากนั้นในเวลาต่อมา สาวใช้พลันเงยหน้าขึ้น โยนจานขนมอบใส่จักรพรรดิกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่รอบข้าง นางดึงเอากริชที่แผ่กลิ่นอายโลหิตแปลกประหลาดออกมาจากแขนเสื้อ
“ไปลงนรกซะ! จักรพรรดิชาติหมา!”
สาวใช้กรีดร้องอย่างเกรี้ยวกราด กริชในมือหมายจะแทงเข้าหาจักรพรรดิต้าเซียอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าเพียงพริบตา จักรพรรดิต้าเซียยกฝ่ามือขึ้น ปราณรูปทรงมังกรแผ่ออกมาจากฝ่ามือ มังกรแผดเสียงคำรามออกมา ฝ่ามืออันร้ายกาจของเขาพุ่งไปกระแทกใส่หน้าอกของสาวใช้อย่างแรง พลังฝ่ามืออันโอ่อ่าทะลวงกระดูกหน้าอกของนาง ส่งผลให้อวัยวะภายในถูกทำลายจนยับเยิน
แต่ผู้หญิงคนนี้คล้ายกับเสียสติ ไม่กลัวความตายแต่อย่างใด แม้จะถูกจักรพรรดิต้าเซียฆ่าด้วยฝ่ามือเดียว แต่มือของนางกลับยังคงไม่หยุด ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนจะถึงฆาต นางแทงกริชในมือเข้าที่หัวไหล่ของจักรพรรดิต้าเซีย
คมกริชเย็นเยือกเต็มไปด้วยโลหิต ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างจักรพรรดิพร้อมบาดแผล ความรู้สึกนี้ทำให้โลหิตของเขาเดือดพล่าน โทสะเข้าเล่นงานจิตใจ ปราณอันเกรี้ยวกราดหยุดนิ่งชั่วครู่
“นี่มัน… วิชาของสำนักโลหิตแห่งความสุข”
จักรพรรดิต้าเซียเดือดดาล ซัดออกไปอีกฝ่ามือ ฉีกร่างของสาวใช้จนเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะดึงมือออกแล้วหอบหายใจด้วยความเจ็บปวด
“ผู้ศรัทธาชั่วช้าเหล่านี้ ยังไม่ตายอีกหรือ ข้า…”
“แน่นอนว่าพวกข้ายังไม่ตาย แต่ชีพจรมังกรต้าเซียจะต้องสิ้นสุดลงที่นี่และวันนี้”
กลุ่มชายชุดดำไหลหลั่งเข้ามาในห้องจากทุกหนแห่ง จักรพรรดิต้าเซียและข้าราชบริพารถูกล้อมเอาไว้
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องและทุกหนแห่งบนชั้นดาดฟ้าของเรือมังกรมีเสียงการต่อสู้และเสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกัน ดูท่าว่าทหารยามบนเรือมังกรส่วนใหญ่จะโชคไม่ดีนัก
“กลุ่มขยะอย่างพวกเจ้า คิดจะตัดชีพจรมังกรต้าเซียอย่างนั้นหรือ?”
จักรพรรดิต้าเซียเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่ด้วยรากฐานการฝึกฝนสั่นสะเทือนโลกา จึงช่วยระงับบาดแผลและพิษในกายของตนเองเอาไว้ชั่วคราว
“ก็แค่คนเดินดินที่เติบโตได้ด้วยการส่งต่อทักษะของผู้อื่น จะมาเอาคำสอนของโลหิตแห่งความตายได้อย่างไร!”
ชายชุดดำฉีกเสื้อ แผดเสียงคำราม เขาถึงกับกลายเป็นสัตว์ประหลาดร่างยักษ์สีแดงสูงราวสามถึงสี่จั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยเขางอกออกมาจำนวนมาก
“จอมอสูรโลหิตแห่งความตายงั้นหรือ?”
จักรพรรดิต้าเซียกัดฟันขณะถามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะสังหารเจ้าไม่ได้?”
“เช่นนั้นเจ้าก็ลองสังหารข้าดูสิ!”
ชายชุดดำผู้กลายเป็นจอมอสูรคำรามก่อนพุ่งเข้าหาจักรพรรดิ
ในไม่ช้าทั้งสองจึงต่อสู้กัน
ในหมู่ข้ารับใช้ที่มากับเขา มีเจ้าหน้าที่บางคนที่เปี่ยมวิชายุทธ์ยอดเยี่ยม ตอนนี้ พวกเขาเผยสันดานดิบออกมา ถกแขนเสื้อขึ้น เข้าต่อสู้กับเหล่าผู้ศรัทธาผู้มีโลหิตแห่งความตายและรอบรู้เรื่องอสูร