ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 383 วีรบุรุษ… ช่วยชีวิต
บทที่ 383 วีรบุรุษ… ช่วยชีวิต
บทที่ 383 วีรบุรุษ… ช่วยชีวิต
สงครามยังคงดำเนินต่อไป ทว่าสถานการณ์การต่อสู้ตกมาอยู่ที่ฝั่งสำนักโลหิตแห่งความตาย จริงอยู่ที่จักรพรรดิสังหารจอมอสูรในยามคับขันตั้งแต่เยาว์วัย แต่มันคือการสังหารด้วยความร่วมมือของผู้ติดตามทหารม้าในสมรภูมิอันโกลาหล
แต่บัดนี้ ไม่เพียงแค่จักรพรรดิที่ไร้ความช่วยเหลือจากทหารม้าต้าเซียแล้ว แม้กระทั่งร่างกายยังถูกแทงด้วยมีดอาบยาพิษ ทุกอย่างถูกคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี ส่งผลให้ทางฝั่งของต้าเซียตกอยู่ในอันตรายโดยพลัน
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้กองกำลังในมือของเขายังนับว่าแข็งแกร่ง แม้โดนพิษเล่นงานจนบาดเจ็บ ทว่าจอมอสูรโลหิตแห่งความตายก็ไม่สามารถจัดการกับจักรพรรดิต้าเซียได้ในทันที อีกทั้งเมื่อครู่นี้ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้หนึ่งส่งสัญญาณให้เตรียมหาทหารยามที่ริมฝั่งทะเลสาบแล้ว ตอนนี้ทหารยามกำลังเร่งติดตามมา บ้างนั่งเรือ บ้างใช้วิชาตัวเบาเหยียบคลื่นมาที่นี่
ในไม่ช้า กำลังเสริมก็มาถึงบนเรือมังกรเพื่อห้อมล้อมเหล่าผู้ศรัทธา หากพวกมันคิดหนีก็นับว่าสายเกินไปแล้ว…
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว จอมอสูรจึงส่งเสียงคำรามขึ้น
“กงเหวย… เจ้ามัวรออะไรอยู่? ลงมือเสีย!”
สิ้นเสียงคำราม กงเหวยผู้เดิมทีปะปนกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่พลันพุ่งออกมาพร้อมมีดสั้นสองเล่ม เล่มหนึ่งปักเข้าที่หลังคอของปิงปู้ผู้กำลังต่อสู้อย่างหาญกล้าอยู่ข้างหน้า อีกเล่มพุ่งออกจากมือไป ภายใต้พรของลมปราณที่แท้จริง มันปักเข้าที่หลังของจักรพรรดิต้าเซียได้สำเร็จ
การเคลื่อนไหวอันเกรี้ยวกราดของจักรพรรดิต้าเซียชะงักงัน จนถูกจอมอสูรตนหนึ่งฟาดเข้าใส่ทันที ร่างเขากระเด็นไปกระแทกกับเสาของห้องใต้หลังคาเรือมังกร
“แค่ก กงอ้ายชิง คาดไม่ถึงว่าเจ้าเองก็ลงเรือลำเดียวกับพวกมัน”
จักรพรรดิต้าเซียไอกระอักโลหิตออกมา อาภรณ์ถูกย้อมไปด้วยสีแดง
“ดูท่าว่า หากข้าอยากรอด ก็ควรต้องสอบสวนเจ้าหน้าที่สำคัญในราชสำนักนับจากนี้สินะ”
“เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับองค์เหนือหัวแล้วว่าจะสามารถรอดชีวิตไปได้หรือไม่”
กงเหวยหยิบมีดสั้นอีกเล่มออกมาอย่างไร้ความปรานี จับมีดสองเล่มไว้มั่น แสดงท่วงท่าอันร้ายกาจและดุดัน ฟาดฟันใส่จักรพรรดิต้าเซียผู้สูญเสียความสามารถในการขัดขืนอย่างไม่ลดละ
“ลาก่อนองค์เหนือหัว จงไปเป็นจักรพรรดิบนวิถียมโลกเสียเถอะ!”
คมมีดตัดผ่านในอากาศ ประกายเย็นเยือกสาดส่องในดวงตาของจักรพรรดิต้าเซีย จากนั้นเกิดเสียงอันน่าสะพรึงของมีดแทงเข้าที่เนื้อ
แต่ผู้ถูกมีดแทงกลับไม่ได้รู้สึกอะไร ครั้นแสงสว่างหายไปจากนัยน์ตา เขามองไปเบื้องหน้า เสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกงเหวยไม่ขัดขืน เขากลับฟันบางสิ่งที่จู่ ๆ ก็เข้ามาขวางทางระหว่างเขาและจักรพรรดิต้าเซีย
“ปลาหรือ?”
กงเหวยประหลาดใจ ปลาที่ถูกมีดฟันพลันแยกส่วนเป็นหลายชิ้น ส่วนหางตกลงสู่พื้นที่ยังคงดิ้นไปมา
“ระวัง!”
จอมอสูรโลหิตแห่งความตายตะโกนเตือนขึ้นในทันที
แต่มันสายเกินไปแล้ว สายเบ็ดโปร่งแสงวูบไหวกลางอากาศ รอบลำคอของเสนาบดีกรมธรรมการซ่างซูกงเหวยพลันปรากฏรอยแผลออกมา จากนั้น ศีรษะของเขาพลันถูกฟันด้วยบางสิ่ง ก่อนถูกตะขอเกี่ยวให้พุ่งออกไปจากหน้าต่าง
“ใครอยู่ตรงนั้น!”
จอมอสูรโลหิตแห่งความตายคำราม พ่นเปลวเพลิงส่องสว่างใกล้กับหน้าต่างกระดาษ จากนั้นยกมือขึ้นตวัดออกไป กระแทกใส่ส่วนหนึ่งของกำแพงจนเป็นเศษไม้
“ชายชราตกปลากลางสายหมอก”
ใครบางคนกระซิบนอกหน้าต่าง
จากนั้น สายเบ็ดถูกเหวี่ยงออกไปอยู่ในจุดที่จอมอสูรโลหิตแห่งความตายเอื้อมไม่ถึง สายเบ็ดนี้วาดวิถีอันสุดจะจินตนาการขึ้นมา ผู้ศรัทธาที่อยู่ในห้องและบนเรือมังกรถูกสังหารไปคนแล้วคนเล่า
“โฮก!”
ครั้นเห็นว่าไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ใดได้ จอมอสูรโลหิตแห่งความตายจึงไม่เหลือทางเลือก ทั่วร่างถูกจุดด้วยเปลวเพลิงก่อนพุ่งเข้าหาจักรพรรดิต้าเซีย
แม้สายเบ็ดขวางหน้า แต่จอมอสูรยังฝืนฝ่าออกไปจนต้องทนรับความเจ็บปวดฉับพลัน
เมื่อเดินไปสองก้าว แขนซ้ายแขนขวาพลันหัก และเมื่อเดินไปสี่ก้าว ขาพลันแยกออกจากร่าง ทันใดนั้นร่างก็ขาดวิ่น เขาถูกฟันเป็นชิ้น ๆ ด้วยสายเบ็ดโปร่งแสงกลางอากาศ
“ข้าขอสาปเจ้า!”
จอมอสูรที่แตกสลายยังไม่ตายในทันที มันสาปส่งจักรพรรดิต้าเซียขณะอยู่กลางอากาศ
“รอก่อนเถอะ จักรพรรดิชาติหมา เจ้าดูหมิ่นเทพที่แท้จริง อีกไม่ช้าทั้งดินแดนและราชวงศ์นี้ต้องถูกทำลายไปพร้อมกัน!”
สิ้นเสียงนั้น ศพของมันก็ล้มลงกับพื้น วิญญาณและสติกลับกลายเป็นแสงไฟ ก่อนถูกดูดเข้าไปในความว่างเปล่าโดยที่พลังลึกลับบางอย่างหายลับไปด้วย
จักรพรรดิต้าเซียได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ เขายืนขึ้นและรีบออกจากห้องมาที่ทางเดิน ก่อนมองออกไปข้างนอก
ใกล้กันกับเรือมังกร ไม่รู้ว่าเรือลำเล็กนี้เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ บนเรือมีชายชราสวมผ้าโพกศีรษะ สวมหมวก และเสื้อคลุมคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เขาเพียงวางคันเบ็ดในมือลง
“ขอบคุณชายชราที่ช่วยข้าเอาไว้”
จักรพรรดิต้าเซียกล่าว
“เจ้าอยู่ที่นี่สักพักได้หรือไม่ ให้ข้าได้ตอบแทนพระคุณที่เจ้าช่วยชีวิตเอาไว้”
“ไม่จำเป็น”
ชายชราหยิบไม้ไผ่จากเรือปักลงไปในน้ำ นึกถึงสิ่งที่ไป๋ลี่เคยบอกเอาไว้
‘เตี้ยวโส่ว… จำไว้ คนเช่นเจ้าที่ทะลวงถึงขั้นที่สิบของกลั่นลมปราณ จักรพรรดิต้าเซียจะต้องพยายามเชิญไปเป็นเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน ในตอนแรกอย่าให้สัญญา… อย่าตอบตกลง เจ้าควรให้ความสนใจไว้เช่นกัน ครั้นออกมาอย่าลืมลบตำแหน่งตัวเองให้ดี แสร้งเป็นยอดฝีมือที่ไม่สนเรื่องของราชสำนัก อย่าแสดงความทะเยอทะยานเพียงเพราะตนต้องการ จำไว้ว่าต้องอดทนไว้’
ใบหน้าเยาว์วัยเปี่ยมไปด้วยความจริงจังของไป๋ลี่ปรากฏขึ้นในใจของเตี้ยวโส่ว
‘หากตอบตกลงทันที ไม่เพียงแค่จักรพรรดิจะไม่เชื่อสนิทใจแล้ว แต่จะยังสงสัยอีกว่าสมคบคิดกับผู้ศรัทธาที่โจมตีเขา อีกอย่าง แบบนี้จะเป็นการลดทอนภาพลักษณ์และสถานะเจ้าในใจของเขาด้วย ตอนแรก… ต้องแสร้งเป็นยอดฝีมือสันโดษเสียก่อน จักรพรรดิกระหายในพรสวรรค์ ฉะนั้นเจ้าต้องเป็นดั่งเทพเจ้าที่หาได้ยากในโลกนี้ เขาจะพยายามสุดความสามารถเพื่อตามหาเจ้าอย่างแน่นอน เมื่อนั้นเขาจะเปิดปากขอร้องเจ้าอีกครั้งก็ให้ตอบตกลง แล้วเจ้าจะได้เปรียบ’
ชายชราขัดขืนที่จะตอบตกลงเอาไว้ในใจ และทำเพียงกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า
“ก็แค่คนสมถะผู้หนึ่งที่บังเอิญผ่านมาที่นี่ระหว่างตกปลา เมื่อพบเห็นหมาบ้าจากสำนักอื่นทำร้ายผู้คน จึงยื่นมือช่วยเหลือ วีรกรรมที่สำแดงไม่ควรค่าให้กล่าวถึง… ลาก่อน”
จากนั้นเขาก็จับเรือ เร่งความเร็วด้วยลมปราณที่แท้จริงอันน่าสะพรึงจนเร็วฉิว เขาหายวับไปในสายตาของจักรพรรดิและพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ก่อนที่เรือทหารยามจะมาล้อมน่านน้ำใกล้กับเรือมังกร
“ยังมีเทพเจ้าเดินดิน และยอดฝีมือที่ข้าไม่รู้จักอยู่บนโลกอีกสินะ”
จักรพรรดิต้าเซียถอนสายตากลับ…
“องค์เหนือหัว กรุณาไปพบหมอก่อนเถอะ”
พวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่เข้ามาให้คำแนะนำ
“สุขภาพแห่งโอรสสวรรค์สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด”
“ข้ารู้แล้ว… ให้หมอหลวงที่รออยู่ตรงริมทะเลสาบนั่งเรือมาที่นี่ดีกว่า”
จักรพรรดิต้าเซียโบกมือแล้วกล่าวว่า
“หายากนักที่จะได้มาทะเลสาบซู… ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก”
สวินฝู่ท้องถิ่นก้มศีรษะเพื่อน้อมรับความผิดพลาดทันที
“เป็นอะไร? ไม่ใช่ความผิดพวกเจ้าเสียหน่อย เป็นความผิดข้าเองที่รู้หน้าไม่รู้ใจคนอื่น จนปล่อยให้คนแบบนั้นเข้ามาในราชสำนักได้”
จักรพรรดิต้าเซียยืนนิ่ง
“กลับไปคราวนี้ ข้าต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อย… แล้วส่งคนออกไปสืบสวนเงียบ ๆ ค้นหาให้ได้ว่าชายชราคนนั้นเป็นใคร”