ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 386 อาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายถือกำเนิด
บทที่ 386 อาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายถือกำเนิด
บทที่ 386 อาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายถือกำเนิด
“เขาไปแล้ว” ไป๋ชิวหรานดึงสติกลับมาก่อนเอ่ยขึ้น “จักรพรรดิทำตามเตี้ยวโส่วด้วยการจุดธูปสามดอกหน้ารูปปั้นแต่ละองค์… จะว่าไป ท่านอย่าเชื่อเจ้าสารเลวตัวน้อยนี้เลย มันก็แค่การเติมเครื่องหอมให้อาจารย์อสูรตนอื่น แล้วพระโพธิสัตว์เสริมอกมาทำอะไรในที่แบบนี้กัน?”
“เห็นได้ชัดว่าผู้คนย่อมไม่เชื่อ”
หลีจิ่นเหยากลอกตา ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปในบ้าน ลากถังรั่วเวยผู้กำลังฝึกฝนวิชาดูดวงออกมา
“รั่วเวย รั่วเวย เจ้าฟังข้านะ จักรพรรดิต้าเซียไม่เชื่อในพลังอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์เสริมอก เจ้าต้องใช้พลังเหนือธรรมชาติเสริมอกให้กับเขา เขาถึงจะเชื่อ”
“เอ่อ อย่าเลย อาจารย์สาม”
ไป๋ลี่รีบห้าม
“ถึงเขาจะเชื่อ แต่ข้าเกรงว่าพวกเราทั้งหมดจะถูกตีตราว่าเป็นลัทธิชั่วร้าย”
เขายืนขึ้นกล่าวพลางระบายยิ้มออกมา
“ท่านอาจารย์อย่าไปเลย เรื่องนี้เชื่อมือข้าดีกว่า คนที่เป็นจักรพรรดิมักน่ารังเกียจ ข้าเกรงว่าท่านต้องอดใจฆ่าเขาในฝันไม่ได้แน่ ให้ข้าจัดการเองดีกว่า เดี๋ยวจะสอนท่วงท่าและประสบการณ์ในชีวิตให้รู้ซึ้งไปเลย”
“ได้”
ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้น
“เช่นนั้นข้าฝากเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”
…
ในคืนนั้น ไป๋ลี่ใช้อาจารย์อสูรจากการเดินทางของวิถีราชาเข้าสู่ความฝันของจักรพรรดิต้าเซีย
ไม่มีใครรู้ว่าไป๋ลี่ ผู้ถือได้ว่าเป็นจักรพรรดิที่เก่าแก่ที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตอนที่สนทนากับจักรพรรดิน้อยได้กล่าวอะไรเป็นพิเศษออกไปบ้าง เขาเพียงบอกไป๋ชิวหรานว่าทุกสิ่งได้ถูกตระเตรียมเอาไว้แล้ว
เวลาผ่านไปใกล้จะถึงหกเดือน จักรพรรดิต้าเซียมาหาตามสัญญา เพื่อขอให้เตี้ยวโส่วออกจากเขาไปเป็นราชครู
ที่หมู่บ้านชิงสุ่ย
เขาได้เพิ่มเงื่อนไขอีกว่าจะใช้ระบบความเชื่อของเทพเจ้าจากท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ประกอบกับอำนาจของราชสำนัก เพื่อส่งเสริมให้เกิดกับทุกภาคส่วนของอาณาจักรต้าเซีย
ไป๋ชิวหรานบอกกับเตี้ยวโส่วว่าสามารถให้สัญญากับเขาได้
เตี้ยวโส่วติดตามจักรพรรดิต้าเซียอย่างลังเลเพื่อบอกลาชาวบ้าน หลังออกจากหมู่บ้านชิงสุ่ยก็กลายเป็นราชครูของจักรพรรดิต้าเซีย ภายใต้การผลักดันของเขา ความเชื่อจำนวนมากในหมู่บ้านชิงสุ่ยแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว
เดิมทีเป็นเรื่องง่ายที่ราชสำนักจะส่งเสริมความเชื่อ ยังไม่รวมถึงเรื่องที่พวกไป๋ชิวหรานมีอาจารย์อสูร แต่พวกเขาล้วนเป็นตัวตนที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าเทพ ดังนั้นในไม่ช้า จึงมีผู้คนจำนวนมากที่เชื่อในเทพเจ้าของท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ทำให้พื้นที่ของท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเริ่มแผ่ขยายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
แต่ในเจียงหูยังมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่เชื่อในการก่อสร้างรากฐาน คนเจียงหูเหล่านี้รักที่จะขับขานต่อต้านราชสำนัก พวกเขามักไม่สักการะเทพและพุทธองค์ที่นำไปสู่ความเชื่อพื้นบ้าน ทำให้ท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานของไป๋ชิวหรานค่อย ๆ ตามหลังผู้หญิงที่ข้องเกี่ยวกับอาจารย์อสูร
อย่างไรเสียความปรารถนายิ่งใหญ่ที่สุดของปุถุชนเหล่านี้ก็คือการใช้ชีวิตที่สงบสุข…ในชีวิตประจำวัน น่าจะมีคนไม่มากที่จะไปกราบไหว้เทพเพื่อขอพรให้กำลังของตัวเองเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น
ดังนั้น หลังจากความเชื่อของท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกระจายไปสู่ผู้คน ทำให้สามเทพเจ้าอย่างเทพีแห่งความมั่งคั่งของซูเซียงเสวี่ย ราชินีประทานบุตรของเจียงหลาน รวมถึงเทพธิดาแห่งความผูกพันของหลีจิ่นเหยามีอำนาจเหนือกว่า แม้กระทั่งพระโพธิสัตว์เสริมอกของถังรั่วเวยยังได้รับการสนับสนุนทางจิตใจมากกว่าท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเสียอีก!
ทว่าไป๋ชิวหรานไม่สนใจ ทันทีที่เชื่อมโยงกันกับอาจารย์อสูร คนหนึ่งย่อมได้ คนหนึ่งย่อมเสีย นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ เมื่อได้รับการเผยแพร่จากท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานไปทั่วทั้งเจียงหู กำลังของท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็จะแข็งแกร่งขึ้น
ถึงแม้จำนวนคนในเจียงหูจะไม่มากเท่าประชาชนทั่วไป ทว่าพลังจิตของพวกเขาสูงว่าคนธรรมดาผู้ไม่ได้ฝึกฝนวิชายุทธ์ ดังนั้นการเติบโตของไป๋ชิวหรานเกี่ยวกับอาจารย์อสูรจะต้องไม่ด้อยไปกว่าผู้หญิงคนอื่นอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ ไป๋ชิวหรานจึงรอคอยการเริ่มต้นของสมาพันธ์แลกเปลี่ยนกระบี่ และในขณะที่เขาฝึกฝนคนหนุ่มและคนแก่ในหมู่บ้านชิงสุ่ย เขาก็คอยสอนสั่งพวกเขาถึงการสร้างรากฐาน ทำให้ในไม่ช้าผู้อาวุโสจำนวนมากในหมู่บ้านก็กลายเป็นตัวตนที่สำเร็จการก่อสร้างรากฐาน หลังจากที่ได้พยายามอย่างหนักมาปีกว่า
ตอนผู้อาวุโสพบไป๋ชิวหรานแล้วคารวะขอบคุณเขาในวันนั้น ไป๋ชิวหรานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมากเช่นกัน เขาตบเข่าดังฉาดระบายความปลื้มปีติ
ด้วยการพัฒนาระดับการฝึกฝนของผู้คนในหมู่บ้านอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขอบเขตของท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจึงแผ่ขยายเป็นบริเวณกว้าง
กระทั่งหนึ่งปีต่อมา ภายในเขตแดนแห่งจิตสำนึก ดินแดนของท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานที่เผชิญกับพื้นที่อันเต็มไปด้วยโลหิตก็กลายเป็นดินแดนแห่งการฆ่าและราคะ
นี่คืออาจารย์อสูรดั้งเดิมที่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้มาก่อน ดินแดนอาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตาย!
ร่างจำแลงอาจารย์อสูรระดับสูงทั้งหมดในขอบเขตของท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน เช่นเทพธิดาแห่งความผูกพันก็ล้วนรู้สึกสั่นสะท้านในเวลาเดียวกัน
ไป๋ชิวหรานเชื่อว่าคนที่อยู่อีกฝั่งจะต้องสังเกตเห็นเช่นกัน เขาจึงสลับห้วงความคิดไปยังเขตแดนแห่งจิตสำนึกทันที ร่างกายที่แต่เดิมนั่งอยู่ใจกลางทั่วทั้งเขตแดนก็พลันยืนขึ้น มุ่งสู่พรมแดนที่ปะทะกับดินแดนอาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตาย
เมื่อจิตของไป๋ชิวหรานผลักดันร่างอสูรไปยังพรมแดน เขาพบว่าอีกด้านของดินแดนอาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายมีกองทัพที่ประกอบด้วยอสูรระดับต่ำนับไม่ถ้วน พวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างขึงขัง
“ดูนี่สิ อีกฝ่ายกำลังวางแผนจะกลืนกินพวกเราโดยตรง”
ไม่นานหลังจากท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานมาถึง ถังรั่วเวยและหลีจิ่นเหยาได้จัดการกับอสูรของตัวเองอย่างรวดเร็วเช่นกัน
พวกนางกวาดสายตาไปรอบทิศ อาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายตนนี้อยู่ใกล้กับกองทัพอสูรที่สั่งสมมาหลายสิบปี หากนับคร่าว ๆ น่าจะมีจำนวนมากกว่าหนึ่งพันตน
“รากฐานการฝึกฝนของพวกเราในตอนนี้น่าจะเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขั้นท้ายของปฐมวิญญาณ” เทพธิดาแห่งความผูกพันถึงกับกำหมัดแน่น “เจ้าอยากส่งร่างหลักออกไปงั้นหรือ? ท่านบรรพชนกระบี่ชิวหราน”
“เปล่าประโยชน์” ท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ร่างที่นั่งอยู่นี้สร้างขึ้นมาสำเร็จตั้งแต่เกิด มีไว้เพื่อจัดการกับขยะเหล่านี้ก็จริง แต่มันไม่ง่ายนัก… เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ถอยออกมา หลังจากนี้หากมีผู้พิทักษ์และอาจารย์อสูรบางส่วนอยู่ฝั่งตรงข้าม หรืออาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายมาหาด้วยตัวเอง ค่อยออกมาอีกรอบ แล้วหาทางเก็บพวกมันเอาไว้”
หลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยเห็นพ้อง
ก่อนทำการควบคุมเทพธิดาแห่งความผูกพันและพระโพธิสัตว์เสริมอกให้ถอยออกมาซ่อนอยู่ในขอบเขตของท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
ส่วนไป๋ชิวหรานกำลังควบคุมท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ยืนอยู่บนพรมแดนของขอบเขตตัวเอง เขาก้าวนำไปหนึ่งก้าว ก่อนมองกองทัพอสูรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่กลัวเกรง
เมื่อก้าวเข้าสู่เส้นแบ่งระหว่างสองขอบเขต กองทัพอาจารย์อสูรเหล่านี้ต่างหยุดนิ่ง หลังจากนั้น หลุมขนาดใหญ่พลันเปิดขึ้นในนภาของดินแดนโลหิตแห่งความตาย อาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายเคลื่อนกายลงมา
เขาไม่ได้สังเกตการณ์มานาน คนผู้นี้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างสมบูรณ์ ทั้งส่วนที่ดูกระหายโลหิต กระหายการเข่นการฆ่า ความเกลียดชัง สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นชุดเกราะ พาหนะ และอาวุธ
ผู้หญิงผมแดงดึงรถม้าเหล็กสีดำที่ถูกสัตว์อสูรเพลิงสามตัวลากมา มือถือเคียว ล้อของรถม้าหมุนใบมีดที่เต็มไปด้วยคราบโลหิตและเปลวเพลิงอย่างต่อเนื่อง บนใบมีดมีเปลวเพลิงที่มีควันสีดำนับไม่ถ้วนถูกขว้างมาจากด้านบน และมันกระแทกใส่กลุ่มอาจารย์อสูรที่อยู่ด้านล่าง
แต่ภายในรถม้าขนาดใหญ่ เมื่อมองผ่านม่านสีชมพู พบว่ามีผู้หญิงเปลือยกายจำนวนมากเกี่ยวกระหวัดกันไปมา เป็นฉากที่ไม่น่าดูนัก เสียงอันแน่วแน่ดังก้องไปทั่วนภา อาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายเปลี่ยนจากเทพอสูรคล้ายอสุรา กลายเป็นเทพสงครามหลากสีสันผู้มีเสน่ห์
ดูท่าว่าแนวคิดเรื่องการกลืนกินจะส่งผลต่ออาจารย์อสูรเช่นกัน…
ไป๋ชิวหรานแอบจดจำไว้ เขาไม่อยากกลายเป็นบางสิ่งที่แปลกประหลาดเช่นนั้นในอนาคต
อาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายผู้เสร็จสิ้นกระบวนการให้กำเนิดบุตรขับรถม้าเมินกองทัพอาจารย์อสูรที่อยู่ใต้บัญชาของมัน ก่อนจะเคลื่อนไปตามถนนโลหิตที่เต็มไปด้วยตอไม้และเศษซากแขนขา จากนั้นดึงบังเหียน จอดรถม้าตรงสุดถนน หันเคียวยักษ์ในมือไปทางท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
“จงทำแบบเดียวกัน เปิดเขตแดนของเจ้า แล้วยอมจำนนต่อข้าเสีย” อาจารย์อสูรโลหิตแห่งความตายผู้ไม่เคยสามารถกล่าววาจาใด ๆ ได้ ตอนนี้ถึงกับคุกคามไป๋ชิวหรานด้วยน้ำเสียงรื่นเริงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่อย่างนั้น คืนนี้เจ้าจะต้องเป็นมื้อเย็นของข้า”