ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 394 น้องสาว… มาศรัทธาในพระโพธิสัตว์เสริมอกกันเถอะ!
- Home
- ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี
- บทที่ 394 น้องสาว… มาศรัทธาในพระโพธิสัตว์เสริมอกกันเถอะ!
บทที่ 394 น้องสาว… มาศรัทธาในพระโพธิสัตว์เสริมอกกันเถอะ!
บทที่ 394 น้องสาว… มาศรัทธาในพระโพธิสัตว์เสริมอกกันเถอะ!
“สหายทั้งสอง มีการอันใดกับข้างั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานยืนอยู่ตรงมุมกำแพงในลานบ้านโดยหันหลังให้กับชายและหญิง ใบหน้าของเขาทำทีเป็นไร้เดียงสา
“พวกท่านมองหาที่ระบายความกำหนัดกันอยู่หรือ? ข้าไม่รังเกียจหากพี่ชายมาจะกับนาง แต่สตรีผู้นี้ไม่ใช่คนที่คู่ควรจะจูบกอด”
หญิงงามผู้นั้นเป็นผู้ศรัทธาของสำนักโลหิตแห่งความสุขอย่างแรงกล้า นางถึงกับหัวเราะเยาะไป๋ชิวหราน
“ไม่เป็นไร น้องชาย! หากเจ้าไม่สะดวก… ครอบครัวของข้าสามารถช่วยเจ้าแก้ปัญหาได้”
ทันทีที่กล่าวเช่นนั้น บรรยากาศอันเย้ายวนใจที่แผ่ซ่านจากกายของนางก็พุ่งเข้าโจมตีไป๋ชิวหราน
คนธรรมดาทั่วไปอาจถูกนางล่อลวงจนตกอยู่ในเงื้อมมือโดยไม่รู้ตัว ทว่าไป๋ชิวหรานเป็นคนธรรมดาหรือไร?
ความสามารถของพลังเสน่ห์นั้นเป็นพรสวรรค์ที่พบเจอได้ยาก แต่มันไม่มีผลใดต่อเขาเลย
หลังจากเห็นสาวงามตรงหน้าขยิบตาให้ ขนบนร่างของไป๋ชิวหรานก็ลุกพรึบราวกับถูกไฟโลมเลีย เขากล่าวคำเคร่งขรึมออกมา
“ท่านพี่หญิงใหญ่ อย่าทำเช่นนี้เลย! มีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเถิด ทำเช่นนี้ข้าเกรงว่าจะไม่อาจปลดทุกข์ได้”
ท่านพี่หญิงใหญ่?
สาวงามเลิกคิ้วขึ้นอย่างขุ่นเคือง
“หยุดพูดล้อเล่นกับเขาสักที!” ชายร่างใหญ่อกเปลือยคว้าร่างหญิงงามไปอยู่ด้านหลัง ก่อนจะขยับร่างกายตรงเข้าหาไป๋ชิวหราน “ปีศาจผมขาว พวกเรามีบางอย่างอยากพูดคุยกับเจ้า!”
…
หนึ่งในสิบถ้วยชาต่อมา ไป๋ชิวหรานสะบัดเลือดที่กำปั้นเบา ๆ ก่อนจะคว้าศีรษะของชายใบหน้าเปื้อนเลือดจนเค้าโครงหน้าเดิมหายไปหมดสิ้นขึ้นมา แล้วก้มหน้าลงถามอีกฝ่ายว่า
“เป็นพวกเจ้าที่เข้ามาระราน ข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องการพูดคุย พวกเจ้ามาที่นี่กี่คน? แล้วพักอยู่ที่ใด? ต้องการสิ่งใด?”
“ถุย!”
ชายผู้นี้ช่างแสนดื้อรั้น เพราะเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็พ่นน้ำลายปนโลหิตใส่ใบหน้าของไป๋ชิวหราน
ทว่าเมื่อไป๋ชิวหรานเอี้ยวศีรษะหลบ ชายผู้นี้ก็คำรามออกมาทันที
“องค์เหนือหัวข้า โปรดปกป้องข้าด้วย!”
คนผู้นี้เหมือนจะตะโกนบอกกล่าวกับผู้ใดสักคนเพื่อเรียกความกล้า ก่อนพุ่งเข้าหาไป๋ชิวหรานอย่างไม่หวั่นเกรง
ราวกับว่าเทพโลหิตแห่งความตายกำลังจับตาดูการเคลื่อนไหวของโลกในเมืองตู่โจวอย่างใกล้ชิด หลังจากชายผู้นั้นตะโกน จู่ ๆ ก็มีแสงสีเลือดพุ่งลงมาจากท้องฟ้าปกคลุมกายชายผู้นั้นจนแดงฉาน
ร่างของชายผู้นั้นบิดเบี้ยวและขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วขณะวิ่งเข้ามาหา ในที่สุดเขาก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดสีแดงตัวสูงกว่าจั้ง เขาสองข้างงอกบนบนศีรษะ แขนสองข้างงอกจากแผ่นหลัง มันปากอ้ากว้างพ่นไฟใส่ไป๋ชิวหราน
“นี่มันอาจารย์อสูรยักษ์!”
หญิงสาวทรงเสน่ห์ผู้มีดวงตาฟกช้ำและจมูกบิดเบี้ยวอดสั่นสะท้านไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งนี้
“เราชนะแล้ว…”
อสูรคำรามยามพุ่งเข้ามา
เปรี้ยง!
ไป๋ชิวหรานปล่อยหมัดใส่อสูรสีแดงตัวใหญ่จนแตกสลายกลายเป็นก้อนเนื้อออกไปภายในรัศมีห้าจั้ง แม้กระทั่งวิญญาณก็ถูกปิดผนึกไว้ในหอกประหลาด
จากนั้นเขาเดินไปด้านหน้าของหญิงสาวทรงเสน่ห์ ก่อนจะยกลำคอของนางขึ้นโดยไม่สนใจผิวพรรณขาวผุดผ่องที่ถูกเปิดเผย แค่นเสียงถามถามอย่างเดือดดาล
“ข้าจะไม่กล่าวซ้ำสอง เจ้าคงจะได้ยินคำถามของข้าแล้วใช่หรือไม่? อย่าคิดท้าทาย เพราะข้ากล้าพอที่จะฉีกใบหน้าของเจ้า!”
“ข้ายอมแล้ว ข้าบอกแล้ว!”
สาวงามเผยใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
ครึ่งถ้วยชาถัดมา นางกล่าวทุกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับภารกิจของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขกับไป๋ชิวหราน
อย่างไรก็ตาม ภารกิจนี้นางเป็นเพียงผู้ติดตามเท่านั้น ระดับของนางไม่ได้สูงนัก กลุ่มของพวกเขายังมีอีกหลายสิบคนแอบเข้าเมืองตู่โจวเพื่อดำเนินการเช่นนี้
ไม่มีผู้อื่นรับรู้นอกจากเจ้าสำนักและตัวพวกเขาเอง เพราะทั้งหมดปลอมตัวเป็นทหารที่คล้ายกับมาแข่งขัน หรือปลอมเป็นชาวบ้านธรรมดาในเมือง หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของศาลาว่าการ
นอกจากนี้ยังมีรหัสลับยืนยันตัวตนของกันและกัน เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น
“เอาล่ะ เพราะเจ้ายอมรับความผิด ข้าจะปล่อยไป” ไป๋ชิวหรานคลายมือหนาที่ลำคอระหง ก่อนจะจับนางยืนขึ้น ดึงอาภรณ์ขึ้นมาปิดหน้าอกของนาง “สำหรับสตรีแล้ว แม้เจ้าจะมีพลังแห่งเสน่ห์น่าลุ่มหลง แต่มันก็ยังต้องสงวนสิ่งนี้ไว้ให้มาก หากเปิดกว้างเกินไปจะไม่อาจสร้างเสน่ห์ได้”
“ขอบคุณคำแนะนำ พี่ชาย”
สาวงามสั่นสะท้านขณะจัดการเสื้อผ้าของตนเอง ราวกับว่าไป๋ชิวหรานพรากความบริสุทธิ์ไปจากนาง
เมื่อมองสตรีตรงหน้าผู้นี้ ไป๋ชิวหรานจึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้น
“กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ท่านพี่หญิงใหญ่… โอ้ ไม่สิ น้องสาว” ไป๋ชิวหรานไอแห้งสองสามครั้งก่อนจะกล่าวต่อ “เพราะเจ้าเปิดเผยความลับของสำนักตนเองในคราวนี้ หลังกลับไปแล้ว ข้าเกรงว่าเจ้าจะถูกเจ้าสำนักจัดการ… เจ้ามีแผนทำสิ่งใดต่อเล่า?”
“…”
สาวงามระมัดระวังตัวมากขึ้น นางกำเสื้อไว้แน่นแต่ไม่ตอบคำถาม
เปรี้ยง!
ไป๋ชิวหรานตบใบหน้าของนางจนร่างกายปลิวกระแทกกำแพงด้านข้าง เกิดเสียงดังสนั่น มีรอยร้าวราวกับใยแมงมุมปรากฏอยู่บนแผ่นหลังของนาง เศษหินร่วงหล่นใส่กายบอบบางนั้น
“จุดจบคือความตาย!” หญิงงามรีบกล่าวตอบ “ข้าไม่สามารถกลับสู่สำนักได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นก็ต้องตาย!”
“แล้วเพราะเหตุใดเจ้าถึงเข้าร่วมสำนักแห่งนั้น?”
ไป๋ชิวหรานถามอย่างสงสัย
“เพราะข้าไร้ความงดงาม” หญิงสาวแตะใบหน้าของตน ก่อนจะกล่าวราวกับเป็นเรื่องเรื่องโศกเศร้า “เมื่อก่อนข้าไร้ความงาม ชายในหมู่บ้านมักจะรังแกและเรียกขานข้าว่านางขี้เหร่ ดังนั้นเพื่อที่จะงดงามขึ้น ข้าจึงเข้าร่วมศรัทธาต่อเทพเจ้า”
“อืม แต่ในความคิดของข้า… เจ้ายังไม่ได้งดงามขึ้นเลย” ไป๋ชิวหรานถอนหายใจก่อนจะกล่าวต่อ “ต้องขอโทษที่ต้องกล่าวความจริง น้องสาว ข้าเกรงว่าเจ้าจะศรัทธาในเทพเจ้าจอมปลอม”
หญิงงามสัมผัสใบหน้า เผยความงุนงงผ่านสายตา แม้ว่านางจะไม่มั่นใจเรื่องอื่น ๆ แต่มั่นใจว่าใบหน้าของนางหลังจากได้รับ ‘พร’ มาแล้วนั้นย่อมเลอโฉม
“น้องสาว ความงดงามของสตรีไม่ได้อยู่ที่ใบหน้าเพียงเท่านั้น”
เมื่อเห็นการแสดงออกเหล่านั้น ไป๋ชิวหรานก็คาดเดาได้ว่านางคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่หน้าอกของนางพร้อมกล่าวต่อ
“ลำคอ กระดูกไหปลาร้า เส้นผม ผิวหนัง เรียวขา นิ้วมือ… ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญของความงดงาม แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…”
ราวกับว่าเขากำลังร่ายมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ ไป๋ชิวหรานยกแขนขึ้นก่อนจะสูดลมหายใจลึก
“หน้าอก! ถูกต้องแล้ว! สตรีอกเล็กจะถูกเรียกว่าสาวงามได้อย่างไร?!”
เขาทำท่าคล้ายกับนักพิพากษา ก้าวถอยหลังก่อนจะชี้ใบหน้าของหญิงสาว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“ขนาดหน้าอกของเจ้าสมควรถูกเรียกขานว่า… โศกนาฏกรรม!”
เมื่อถูกเปรียบเทียบความงดงาม สตรีก็เหมือนบุรุษ พวกนางทนไม่ได้ต่อการถูกลูบคม เมื่อได้ยินไป๋ชิวหรานกล่าวเช่นนี้ สาวงามถึงกับลุกขึ้นคำรามอย่างขุ่นเคือง
“ท่านกล่าวบ้าบออะไรกัน! แม้ว่าหน้าอกข้าจะไม่ใหญ่นัก แต่ขนาดก็กำลังน่าทานแล้ว! เจ้าสำนักก็ยังกล่าวชื่นชม!”
เจ้าสำนักแห่งนี้ยังชื่นชม… น่ากลัวจริง ๆ
ไป๋ชิวหรานตื่นตระหนก แต่ก็ยังเอ่ยต่ออย่างไร้ยางอาย ไม่ไว้หน้าความเป็นสุภาพบุรุษของชายทั้งโลก
“ถ้าเช่นนั้นก็นับว่าล้าสมัยยิ่ง ตอนนี้อาณาจักรต้าเซียเริ่มส่งเสริมความศรัทธาต่อพระโพธิสัตว์เสริมอก เจ้าสามารถพัฒนาให้มันขยายใหญ่ได้ และในอีกสองปีข้างหน้า เจ้าจะงามเกินสตรีทั้งโลก!”
“อะไรนะ?”
ใบหน้าสาวงามเผยความหวั่นเกรง ราวกับเบื้องหน้าคือชายโรคจิต
“น้องสาว… เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย!”
จะขายเครื่องประทินโฉมเสียแล้วหรือ… หญิงงามสับสนไปหมด
ไป๋ชิวหรานจับมือนางอย่างแผ่วเบา พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนประหนึ่งพระโพธิสัตว์ชี้นำทาง
“มาเถิด ไปกับข้า! ข้าจะพาเจ้าไปสักการะพระโพธิสัตว์เสริมอก!”
มาถึงตรงนี้ สาวงามได้แต่ได้แต่อึ้งกิมกี่… หน้าอกนางหนักกบาลชายสักคนได้ถึงเพียงนี้