ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 395 ทะลวงสู่รังของศัตรู
บทที่ 395 ทะลวงสู่รังของศัตรู
บทที่ 395 ทะลวงสู่รังของศัตรู
ถังรั่วเวย หลีจิ่นเหยา และอีกสี่คนมาที่วิหารเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานทางตอนเหนือของเมือง ก่อนไป๋ชิวหรานกำลังรอพวกเขาอยู่ด้านนอกห้องโถงด้านข้างที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์เสริมอก
“ท่านอาจารย์”
ทั้งสี่เดินเข้ามา ถังรั่วเวยจึงเอ่ยปากขึ้นก่อน
“เรียกพวกเรามาที่นี่มีสิ่งใดหรือ?”
“ช่วงบ่ายนี้เจ้ามีผลงานใดหรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานไม่ได้ตอบถังรั่วเวย เพียงแต่ถามกลับ
“เอ่อ… เรื่องนั้น”
อีกฝ่ายแก้มซับสีขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อได้ยิน นางเกาใบหน้าเบา ๆ และไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับ
เมื่อเห็นท่าทีของนาง ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้รับสิ่งใดเพิ่มเติมในวันนี้เลย
“ข้าล่อลวง… พรืด ข้าประสบความสำเร็จในการทำให้คู่รักสองคู่เข้าร่วมเป็นผู้ศรัทธาเทพธิดาแห่งความผูกพัน”
หลีจิ่นเหยายิ้มพร้อมกับชูสองนิ้ว
ไปชิวหรานมองผ่านหลี่เสียนจิ้งไป ก่อนจะหันไปหาไป๋ลี่
“…ก็แค่สิบห้า”
ไป๋ลี่เอ่ยด้วยท่าทีไม่ยี่หระ
“เจ้ายังยอดเยี่ยมเช่นเคย!”
ไป๋ชิวหรานยกนิ้วโป้งชื่นชมเขา
“แล้วท่านอาจารย์ล่ะ?”
ถังรั่วเวยถามออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
พระโพธิสัตว์เสริมอกเป็นเทพเจ้าที่สามารถเสริมหน้าอกได้ แน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมน่าดึงดูดได้ง่ายกว่าสิ่งอื่น ๆ ทว่าถังรั่วเวยเป็นถึงเจ้าหญิงที่มีการศึกษา แต่อยู่ใกล้กับไป๋ชิวหรานมากเกินไป แม้นางจะตะคอกและพูดจาเสียงแข็ง แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะกล่าวพูดเผยแพร่เรื่องอาจารย์อสูรของตนเองออกไป
สำหรับการเผยแผ่ลัทธินี้ ทั้งไป๋ลี่และหลีจิ่นเหยานั้นนางไม่อาจลบหลู่ได้ แต่ก็ทราบดีว่าไป๋ชิวหรานผู้เป็นอาจารย์ไม่ได้พูดจาโน้มน้าวเก่งกาจไปกว่านาง ทว่าท่าทีของไป๋ชิวหรานคล้ายกับเหนือกว่า ทำเอานางไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ก็ไม่เท่าไหร่…”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะพร้อมชูสองนิ้ว
“หนึ่งบวกหนึ่ง มีค่าเท่ากับสอง แต่ข้ามั่นใจว่าหลังจากนี้ข้าจะเก่งกาจมากกว่าเดิม!”
“ฮึ่ม! งั้นข้าคงต้องยอมรับว่าตอนนี้ท่านเก่งกาจแล้ว” ถังรั่วเวยกอดอกพร้อมกล่าวไป “ว่าแต่ท่านเรียกพวกเรามากล่าวไร้สาระอะไร? ศิษย์พี่หญิงหลี่กับศิษย์น้องรองยังไม่โอ้อวดเช่นนี้”
“หนึ่งในนั้นมีผู้ศรัทธาที่อาจารย์นำมาให้เจ้าด้วย” ไป๋ชิวหรานหันมองห้องโถงด้านข้างซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์เสริมอก
“นางเคยเป็นผู้ศรัทธาของสำนักโลหิตแห่งความสุข”
ทั้งสี่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันมองไปยังทิศทางดังกล่าว พบสตรีงดงามผู้หนึ่งยืนหลับตาพร้อมกับประสานมือ คุกเข่าบนฟูกหน้ารูปปั้นของพระโพธิสัตว์เสริมอกพร้อมสวดภาวนา
เสื้อผ้าของนางหลุดลุ่ย หลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวยอาศัยอยู่ในสำนักเหอฮวนเป็นเวลานาน แน่นอนว่าย่อมเห็นชัดเจนว่าเสื้อผ้าของสำนักแห่งนี้ล้วนเปิดเผยเนื้อหนัง อย่างไรก็ตาม… สตรีผู้นั้นก็สวมใส่อาภรณ์ปกปิดกายจนมิดชิด
“โอ้!” ไป๋ลี่อุทานอย่างประหลาดใจ “ท่านเป็นผู้ที่พานางมา? ท่านอาจารย์ ท่านคือของจริง!”
“ข้าไม่ยอม!” ถังรั่วเวยส่ายศีรษะอย่างสิ้นหวัง “ข้าไม่เชื่อ! นี่ต้องเป็นภาพลวงตาแน่!”
“ท่านบรรพชนกระบี่ชิวหรานทำได้อย่างไร?”
สุดท้ายแล้วแม่นางน้อยกล่าวถามอย่างสงสัย
“โอ้ แน่นอนว่ามันเหลือเชื่อ”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“โน้มน้าวอย่างไร?” ถังรั่วเวยครุ่นคิด “ล่อลวงรึ?”
“ใช้สมองคิดสักหน่อยเถิด”
ไป๋ชิวหรานเขกศีรษะของหญิงสาวก่อนจะกล่าวตอบอย่างภาคภูมิ
“อาจารย์ของเจ้าเพียงแค่ทำลายการป้องกันทั้งหมดของนาง จากนั้นจึงพานางมาที่นี่ด้วยเหตุและผลที่คู่ควร”
“เหตุและผล…”
ไป๋ลี่มองสตรีผู้นั้นและพบว่ายังมีรอยฟกช้ำที่ขอบตาของนาง เขาเดาะลิ้นเบา ๆ ก่อนถามว่า
“ท่านอาจารย์ได้ถามเกี่ยวกับข้อมูลของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขหรือไม่?”
“แน่นอนว่าข้าถาม คราวนี้พวกมันมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา พวกมันทั้งหมดไม่มีฐานที่ตั้ง และไม่รู้จักตัวตนของกันและกัน แต่นางบอกรหัสลับสำหรับใช้ติดต่อให้กับข้าแล้ว” ไป๋ชิวหรานยิ้มให้ไป๋ลี่ พร้อมกล่าวอย่างมีเลิศนัย “ด้วยรหัสลับนี้ พวกเราจะทำอะไรได้หลายอย่างทีเดียว!”
“ความจริงแล้ว เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกมันก่อน แล้วพวกเราจะสามารถจัดการได้สมบูรณ์เมื่อหลอกล่อให้พวกมันติดกับ”
ไป๋ลี่พยักหน้า
“หลอก? หลอกให้ติดกับเพื่ออะไร?” ไป๋ชิวหรานเหลือบมองไป๋ลี่อย่างสงสัย “แล้วเหตุใดเจ้าถึงคิดสังหารพวกมันทั้งหมด?”
“ท่านอาจารย์หมายความว่า…”
“ความจริงแล้ว หลังจากที่ข้าได้พูดคุยกับดรุณีผู้ไร้หนทางนางนี้… ข้าพบว่าท่ามกลางสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขมีผู้คนมากมายถูกหลอกลวงให้หลงศรัทธาเทพโลหิตแห่งความตาย และหลายคนไม่มีความสุข ไม่เต็มใจกระทำ สิ่งสำคัญที่สุดคือมีคนจำนวนมากที่เทพโลหิตแห่งความตายไม่อาจประทานพรให้ได้ แต่คนพวกนั้นสามารถให้บางสิ่งบางอย่างกับเราได้”
ไป๋ชิวหรานกล่าวต่อ
“พวกเขา… คือลูกแกะหลงทางที่กำลังรอให้พวกเราช่วยเหลือ…”
“บุกเข้าสู่วงในของศัตรู…” ไป๋ลี่ครุ่นคิด “เอาล่ะ ได้เวลาทดสอบความสามารถของข้าแล้ว!”
“มีความมั่นใจมากถึงเพียงนั้น?”
ไป๋ชิวหรานยิ้มพลางเอ่ยถาม
“โอ้ เรื่องกลอุบายย่อมเป็นข้าที่เก่งกาจที่สุด” ไป๋ลี่กล่าว “ในช่วงเวลาการต่อสู้ระหว่างเทพเจ้าและมนุษย์ ข้าใช้กลอุบายนี้กับมนุษย์ภายใต้เหล่าทวยเทพ หรือแม้แต่เหล่าทวยเทพเองก็ไม่รอดพ้น”
…
แสงโคมไฟและแสงเทียนสาดส่องเมืองแห่งนี้ให้สว่างไสวยามค่ำคืน ผู้คนเดินไปมาในตลาดนครตู่โจว
แม้ทั้งเมืองจะสว่างเพียงใด แต่ในยามค่ำคืนย่อมมีสถานที่ที่มืดมิดอยู่เสมอ
พ่อค้าหนุ่มสองคนที่ดูคล้ายพี่น้องเพิ่งเก็บแผงขายก๋วยเตี๋ยวเสร็จสิ้น พวกเขาซ้อนภาชนะบนโต๊ะอาหาร โต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ทั้งหมดสำหรับทำบะหมี่ขึ้นเกวียน จากนั้นยกขึ้นด้วยไม้ค้ำกลับไปตามทางของตนเอง
พื้นที่ที่ผู้คนในเมืองตู่โจวอาศัยอยู่เป็นมุมมืดไม่กี่แห่ง บนถนนในพื้นที่เหล่านั้นมีเพียงเจ้าหน้าที่ตรวจตราเดินผ่านไปมาในทุกครึ่งชั่วยามเท่านั้น
สองพี่น้องเดินไปทางแยกที่ถนนสายหลัก เลี้ยวซ้าย เดินลึกเข้าไปในถนนเส้นเล็ก หลังจากนั้นเมื่อผ่านไปสองก้าว จู่ ๆ พี่น้องทั้งสองก็พบว่าประตูบ้านพักริมถนนมีบุรุษคนหนึ่งยืนอยู่ อายุได้สิบสองหรือสิบสามปี เป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ยืนพิงกำแพงกำลังเลียลูกกวาดในมืออย่างสบายอารมณ์
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะถามว่า
“เจ้าหนู นี่มืดค่ำมากแล้ว เหตุใดยังเดินเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอก? ครอบครัวของเจ้าไม่เป็นห่วงแย่แล้วหรือ?”
“ข้าไม่กลัว และครอบครัวของข้าไม่กังวล”
เด็กน้อยกล่าวตอบ
“เพราะครอบครัวของข้ามีอยู่ทั่วโลก และศีรษะของข้าได้รับการปกป้องจากเทพเจ้าที่แท้จริง”
ชายทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นชายชราจึงกล่าวถามอย่างไม่มั่นใจนัก
“เทพเจ้าโลหิตแห่งความตายหรือ?”
“สำนักเทพโลหิตแห่งความสุข”
เด็กน้อยกล่าวตอบทันที
“โอ้! เป็นสหายของพวกเรา”
ชายทั้งสองถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นคนหนึ่งจึงถามต่ออย่างสงสัย
“ข้าไม่นึกเลยว่าในหมู่พี่น้องของเรา ยังมีเด็กน้อยเช่นเจ้าอยู่ด้วย”
“อย่าได้ตัดสินผู้คนจากรูปร่างภายนอกเลยพี่ชาย” เด็กน้อยกล่าวราวกับตนเป็นผู้ใหญ่ “และภายใต้คำสั่งจากองค์เทพเจ้า พวกเราไร้ซึ่งเพศ หรืออายุ พวกเราทุกคนล้วนเป็นพี่น้องไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้องแล้ว” ชายอีกคนพยักหน้า เขามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังก่อนกล่าวกระซิบกับเด็กน้อยว่า “ที่นี่ไม่ปลอดภัย เข้าไปคุยกับพวกเราด้านในสิ”
“ตกลง”
ท้ายที่สุด ทั้งสองพาเด็กชายตัวน้อยหายเข้าไปในส่วนลึกของถนน
หลังจากที่พวกเขาหายตัวไป ตกดึกคืนนั้น ไป๋ชิวหรานยกจอกสุราของเขาให้หลีจิ่นเหยาเบา ๆ ณ แผงขายขนมในบริเวณใกล้เคียง
“มันคืออะไร?”
แม่นางน้อยจิบสุราก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“สุดยอดอาวุธงั้นหรือ?”
“นั่นคือไป๋ลี่ ผู้ควบคุมจิตใจมนุษย์ได้”
ไป๋ชิวหรานเอ่ยพลางสยายยิ้ม
“เอาล่ะ หลังจากเขาเข้าสู่ภายในเพื่อเพลิดเพลินในสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขแล้ว เจ้าจงวางใจเถิด และปล่อยให้เขาจัดการ ส่วนทางเราต้องค้นหาเหล่าอัศวินเหล่านั้นที่พ่ายแพ้ในการประลองต่อไป เพื่อแนะนำให้เขาเข้าสู่อ้อมแขนแห่งทวยเทพนามว่า… เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน”