ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 398 หนุ่มสาวที่ศรัทธาในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
บทที่ 398 หนุ่มสาวที่ศรัทธาในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
บทที่ 398 หนุ่มสาวที่ศรัทธาในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
เมื่อไป๋ลี่บอกเล่าสถานการณ์เบื้องต้นของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขกับไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว เขาก็จากไปอีกครั้ง
ก่อนที่สำนักเทพโลหิตแห่งความสุขจะดำเนินการ พวกเขาทั้งหมดต้องหลบซ่อนตัวเสียก่อน เพื่อพยายามมองหาว่าตนเองจะสามารถเอาชนะลูกศิษย์สำนักอื่น ๆ ได้หรือไม่
ตามคำบอกกล่าวของไป๋ลี่ ผู้นำของลัทธิคลั่งคือผู้ริเริ่มการสังเวยโลหิตมหาศาล หลังจากผ่านการสังเวย เขาก็สื่อสารกับเขตแดนจิตสำนึกและยังได้รับอาวุธวิเศษจากเทพโลหิตแห่งความตายด้วย
อีกทั้งผู้นำลัทธิยังเป็นผู้ฝึกตนระดับสิบของขั้นกลั่นลมปราณที่ถืออาวุธวิเศษในมือมุ่งหน้าไปยังสมาพันธ์กระบี่ราวกับเทพเจ้า เสมือนฝูงเสือโคร่งที่สามารถสังหารผู้คนโดยไม่เลือกหน้า
แม้สี่ผู้ฝึกตนขั้นเทพเจ้าแห่งแผ่นดินในอาณาจักรต้าเซียจะปิดล้อมและร่วมมือกันต่อสู้ แต่คาดว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับเขาได้ และบางทีอาจมีหนึ่งหรือสองคนถูกสังหาร
คราวนี้… เทพอสูรโลหิตแห่งความตายและสำนักของพวกมันทุ่มเลือดไปเหลือคณานับ โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการทำลายสมาพันธ์กระบี่ คาดว่าคงเป็นการแก้แค้นให้กับเทพโลหิตแห่งความตายที่พ่ายแพ้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
แม้ผู้นำระดับสูงของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขจะมีความรอบคอบ และไม่คิดเสี่ยงทำการบุ่มบ่าม อย่างไรก็ตาม… เทพเจ้าที่แท้จริงของพวกเขาคือปีศาจที่บ้าระห่ำซึ่งถือกำเนิดจากสงครามในช่วงความโกลาหล มีหรือที่ในหัวจะมีแนวคิดเรื่องการร่วมมือและการใช้สมองเพื่อคิดกลอุบาย อีกทั้งพวกเขายังไม่รู้จักวิธีการไร้ยางอายอื่น ๆ ด้วย
ในความคิดของมันมีเพียงแค่ต่อสู้กันซึ่งหน้า หากเอาชนะได้ก็ดี… แต่หากเอาชนะไม่ได้ก็วิ่งหนี แล้วค่อยคิดหาทางอื่นเพื่อจัดการ วงจรความคิดของพวกมันเรียบง่าย เห็นได้ชัดว่าเทพโลหิตแห่งความตายไม่รู้จักกับคำกล่าวที่ว่า ‘สุภาพบุรุษ… ล้างแค้นสิบปียังไม่สาย’ พวกมันไม่ต้องการละทิ้งความแค้นในวันนี้ เพื่อไปจัดการในอีกสองหรือสามปีข้างหน้าแน่นอน
ดังนั้น ภายใต้การยุยง… เหล่าศิษย์ของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขจึงต้องปฏิบัติตามความต้องการจากเทพเจ้าของตน
พวกมันคงคิดว่าขอเพียงมีกระบี่เทพโลหิตอยู่ในมือก็จะไม่เกิดความผิดพลาดเป็นแน่ … แม้เทพโลหิตแห่งความตายและเหล่าอาจารย์อสูรจะได้รับผลกระทบจากมิติอื่น ๆ ของเขตแดนจิตสำนึกและโลกแห่งวัตถุ แต่ก็ยากที่พวกมันจะเข้ามายุ่งกับโลกแห่งวัตถุโดยตรง อย่างไรแล้วตัวตนของมันก็สูงส่งยิ่งกว่า แม้จะขว้างอาวุธลงมาหนึ่งถึงสองชิ้นโดยไม่ตั้งใจ พลังของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถต้านทานได้
อย่างไรก็ตาม… เทพอสูรแห่งความตายไม่ได้บอกกล่าวกับลูกศิษย์เกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างตนกับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
ท้ายที่สุด ไม่ว่ามันจะโง่เพียงใด มันก็ไม่อาจพูดว่า ‘ข้าโดนทุบตีจากเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานที่ถือกำเนิดใหม่นี้… พวกเจ้าช่วยไปสังหารมันเพื่อแก้แค้นให้ข้าที’ หากกล่าวเช่นนี้ เห็นทีว่าไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ไม่จำเป็นจะต้องทำสิ่งใดเลย เพราะเหล่าผู้ศรัทธานี้คงจะสิ้นศรัทธามันโดยทันที
ในจิตใจของผู้ศรัทธานั้นคิดว่าพระเจ้าคือสิ่งสูงสุด รอบรู้ และทรงอำนาจ พระเจ้าที่พ่ายแพ้แก่เทพองค์อื่น ยังสมควรถูกเรียกขานว่าเทพเจ้าอีกหรือ?
นอกจากนี้… เห็นได้ชัดว่าเทพอสูรโลหิตแห่งความตายไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างไป๋ชิวหราน หลีจิ่นเหยา และถังรั่วเวย ที่เป็นอาจารย์อสูรอีกสองสามตนภายใต้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ไม่เช่นนั้น มันย่อมไม่มีทางส่งคนของตนเองออกมาตายเช่นนี้แน่
…
หลังจากการลงทะเบียนของสมาพันธ์กระบี่ผ่านพ้นไป การคัดเลือกก็เริ่มขึ้นในวันถัดมา! แม้ว่าสมาพันธ์กระบี่จะจัดที่อาณาจักรต้าเซีย แต่จักรพรรดิต้าเซียไม่ได้เข้าร่วม ถึงกระนั้นมหาราชครูคนใหม่ของต้าเซียก็มาปรากฏตัวที่นี่ด้วยเช่นกันในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของสมาพันธ์กระบี่
น่าแปลกที่จำนวนผู้เข้าร่วมงานของสมาพันธ์กระบี่ในคราวนี้มากล้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน นักรบหนุ่มมากมายที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้ส่วนตัวคราวก่อนได้กลับมาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยความมั่นใจ
ดูเหมือนพวกเขาจะถือชัยชนะไว้ในมือ ชวนให้ผู้คนสงสัยว่าไปเอาความมั่นหน้ากันมาจากที่ใดนัก! อย่างไรก็ตาม… กฎที่ไม่ได้ประกาศออกไปย่อมไม่ถือว่าเป็นกฎ พวกเขาเพียงแค่สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน แต่ผู้จัดก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ส่วนเรื่องที่พวกเขาเคยพ่ายแพ้มาก่อนก็ต้องปล่อยให้เจ้าตัวเก็บเศษหน้ากันเอาเอง
ผู้จัดงานจึงต้องย้ายไปที่ภูเขาหยวนชิงบริเวณริมทะเลสาบเชิงเขาแทน เพราะมีคนร่วมงานจำนวนมาก เหล่าผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนต่างตัดสินผู้แพ้ผู้ชนะกันอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้าก็ตัดสินแบ่งกลุ่ม และได้แปดอันดับแรกของการต่อสู้แต่ละประเภทออกมา
ทว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ นักรบหนุ่มที่เคยพ่ายแพ้ในการประลองส่วนตัวมาก่อนและไม่มีผู้ใดสนใจ ล้วนแต่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในการต่อสู้นั้น ๆ ได้สำเร็จ ดังที่ทราบ… ผู้ที่อยู่ในรอบก่อนรองชนะเลิศในอดีตนั้นล้วนแต่เป็นผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียงในแคว้นอี้ฟาง หากคนหนุ่มสาวสามารถเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้นั้นก็นับว่าเป็นอัจฉริยะในด้านศิลปะการต่อสู้
แต่คราวนี้คนหนุ่มสาวไม่เพียงแต่เข้ามาโดด ๆ เท่านั้น พวกเขายังผ่านเข้ามาเป็นกลุ่มก้อน!
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้เข้าร่วมการประลองเหล่านี้จะต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ผู้ชมก็ไม่คิดยอมรับ ต้องเข้าสู่รอบรองชนะเลิศให้ได้ ผู้ชมและผู้จัดจึงจะยอมรับความสามารถ… แต่ก็ยังไม่คิดจะมองพวกเขาในแง่ดีเท่าใดนัก
…
ไม่นานก็มาถึงเช้าวันแรกของรอบรองชนะเลิศ! ตอนนี้… สนามการประลองถูกย้ายกลับมายังยอดเขาหยวนชิงแล้ว
ฝูงชนจำนวนมากมาจับจองพื้นที่ข้างสนามตั้งแต่เช้าตรู่ พื้นที่โดยรอบเนืองแน่นไปด้วยผู้คน มีทั้งผู้ฝึกตนจากสำนักต่าง ๆ ในเจียงหู และชาวบ้านทั่วไป
การแข่งขันแรกของวันนี้คือ แข่งขัน ‘กระบี่ยอดเยี่ยมแห่งใต้หล้า’ นำโดยหลินเซิง นักรบหนุ่มที่เคยพ่ายแพ้ในการประลองส่วนตัวมาก่อน ชัดเจนว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักกระบี่แปดทำนาย!
บังเอิญว่านายน้อยจินเฟิ่งหลายจากสำนักดาบปีกผีเสื้อทองคำเคยพ่ายแพ้ให้กับบุตรชายของซ่างเซียน ผู้นำสำนักกระบี่แปดทำนายในการประลองส่วนตัวคราวก่อน
หลังจากพ่ายแพ้ในครั้งนั้น เขาถูกซ่างเฉียนสร้างความอับอาย และถูกเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการเมืองของตู่โจวจับกุมตัว ไม่มีใครทราบว่าเขาประสบพบเจอกับสิ่งใดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทว่าทักษะกระบี่และขั้นการฝึกฝนของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้จินเฟิ่งหลายบุกทะลวงเข้าสู่รอบรองชนะเลิศอย่างแข็งแกร่ง แต่บุตรชายของเจ้าสำนักที่เคยเอาชนะเขาได้กลับถูกแยกออกจากรอบแบ่งกลุ่ม และทั้งสองไม่เคยเผชิญหน้ากันในรอบคัดเลือดและแบ่งกลุ่ม
ด้วยเหตุนี้ จินเฟิ่งหลายจึงกลายเป็นตัวแทนของสำนักดาบปีกผีเสื้อทองคำ และเผชิญหน้ากับซ่างเซียนซึ่งเป็นผู้นำของสำนักกระบี่แปดทำนายโดยตรง
ยามรุ่งสางนี้… การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น! เหล่าทหารตีกลองดังกึกก้อง ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันจากทั้งสองฝ่ายกระชับอาวุธในมือก่อนจะมายืนประจันหน้ากันอยู่คนละฝั่งของเวที
ผู้ชมบางคนที่อยู่นอกสังเวียนจึงเริ่มส่งเสียงนินทาดังกระหึ่ม
“นายน้อยจินนับว่าโชคร้ายนัก”
ชายวัยกลางคนผอมบางถือธงดูคล้ายกับหมอดู เขาเแตะคางตนเองเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า
“คราวแรกข้าคิดว่าทักษะการต่อสู้ของเขาสามารถก้าวกระโดดแล้วจะเอาชนะซ่างเฉียนได้ แต่ตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับบิดาของอีกฝ่ายโดยตรง ปากของผู้นำสำนักกระบี่แปดทำนายล้วนสกปรกยิ่ง เกรงว่านายน้อยจินผู้นี้จะต้องอับอายอีกครั้งแล้ว!”
“ข้าเห็นด้วย”
ชายร่างท้วมที่ดูสัตย์ซื่อกล่าวย้ำ
“ทุกคนทราบถึงความคับข้องใจระหว่างสำนักดาบปีกผีเสื้อทองคำกับสำนักกระบี่แปดทำนายได้ดี คนผู้นี้ไม่ใช่คนดี เขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสไปแน่ น่าเสียดายที่นายน้อยจินแห่งเจียงหูเป็นผู้ชอบธรรม และยังมีจิตใจขาวสะอาด แต่ถึงเขาจะพ่ายแพ้ พวกเราก็ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย”
“เหตุใดสหายจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า!”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน จู่ ๆ ชายผมขาวรูปงามก็กล่าวขึ้นมาจากทางด้านหลังพวกเขา
เขามองจินเฟิ่งหลายที่ยืนตระหง่านอยู่บนเวที แววตาเรียบเฉยจับจ้องไปเบื้องหน้าก่อนจะกล่าวกับชายทั้งสองว่า
“ในความคิดข้า… นายน้อยจินเฟิ่งหลายชนะแน่นอน!”