ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 402 พวกเขาสั่งให้ข้าวางโอสถพิษเจ้า
บทที่ 402 พวกเขาสั่งให้ข้าวางโอสถพิษเจ้า
บทที่ 402 พวกเขาสั่งให้ข้าวางโอสถพิษเจ้า
หลังจากไป๋ชิวหรานโน้มน้าวด้วยเหตุผลจนได้รับคำมั่นสัญญาจากเจ้าหอการค้าเซียไห่แล้ว เขาจึงเดินกลับสู่สนามประลองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
คราวนี้พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากแรงศรัทธาจำนวนมาก ในด้านของจิตสำนึก อาณาเขตของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานสามารถขยายเพิ่มเติมได้เล็กน้อย
ไป๋ชิวหรานไม่ได้กังวลว่าไห่เต๋อหลงจะกลั่นแกล้งเขา ท้ายที่สุดเขาก็กล่าวเตือนออกไปแล้วว่า… เจ้าหอการค้านั้นเป็นคนฉลาด ตราบใดที่ยังอยากเป็นพ่อค้าในตลอดชีวิตที่เหลือ ก็ไม่ควรกระทำหยาบคายต่อเขา
หลังจากนั้น ไป๋ชิวหรานก็เดินตรงไปหาหลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวยเพื่อรับชมการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศที่ภูเขาหยวนชิง วันนี้การแข่งขันรอบต่อไปไม่ได้พิเศษมากนัก คนหนุ่มสาวที่ได้รับการอุปถัมป์จาก ‘เทพอาวุโสก่อสร้างกรากฐาน’ ล้วนแต่ได้รับการคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบ และพวกเขาประสบความสำเร็จในการเข้าสู่สี่อันดับแรก
นอกเหนือจากคนหนุ่มสาวเหล่านี้ หลี่เสียนจิ้งผู้เก่งกาจนั้นก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายการแข่งขันในหมู่ของเจ้าชายโหยวภายในอาณาจักรชางลี่ และนักรบของอาณาจักรยามากุจินั้นมีหนึ่งหรือสองคนที่สามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
หลังจากดูการแข่งขันของวันนี้แล้ว ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ก็กลับมาพักที่โรงเตี๊ยมในเมืองตู่โจว
วันนี้ผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกที่ไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันเริ่มทยอยออกจากเมืองตู่โจว แต่หลายคนเลือกที่จะอยู่ดูการแข่งขันของสมาพันธ์กระบี่ต่อไป ไม่ว่าอย่างไร คลื่นมนุษย์ในเมืองตู่โจวก็เริ่มลดลง ห้องพักในโรงเตี๊ยมต่าง ๆ จึงโล่งขึ้น
เนื่องจากเป็นงานใหญ่ที่มีหลายอาณาจักรมารวมตัวกัน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดงานไปอย่างต่อเนื่อง เตี้ยวโส่วเป็นผู้นำสมาพันธ์กระบี่ในคราวนี้… รอบรองชนะเลิศคราวต่อไปจะถูกจัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า
ความตั้งใจเดิมของเขาคือการปล่อยให้ผู้แข่งขันเหล่านี้พักผ่อน ท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดคือการแข่งขัน ในก่อนรอบรองชนะเลิศย่อมมีการปะทะส่วนตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาการบาดเจ็บภายในและภายนอกร่างกายจึงเป็นเรื่องปกติ ผู้เข้าแข่งขันควรใช้ระยะเวลาสามวันนี้เพื่อรักษาตัว พักผ่อน รับประทานโอสถเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่มีเพื่อไม่ให้กระทบต่อการแข่งขันครั้งต่อไป
แต่ช่องว่างสามวันนี้ที่ไร้ซึ่งผู้ดูแลการแข่งขันจึงกลายเป็นโอกาสสำหรับคนจำนวนมากที่จะใช้กลอุบายเพื่อจัดการคู่ต่อสู้!
“ลัทธินั่นรวมกันเป็นหนึ่งกับชาวชางลี่”
ไป๋ลี่กลับมาที่โรงเตี๊ยมที่ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ พักอาศัยอยู่ ก่อนจะรายงานข่าวให้พวกเขาทราบ
“การปรากฏตัวของหลี่เสียนจิ้งทำให้ชาวชางลี่ตื่นตระหนก หลังจากนั้นเจ้าชายโหยวแห่งอาณาจักรชางลี่จึงเริ่มเคลื่อนไหว เขาเข้าพบเจ้าสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขและต้องการทำอะไรบางอย่าง หลังจากแลกเปลี่ยนกัน พวกเขาจึงขอยืมมือของชาวชางลี่เพื่อก่อพายุนองเลือดในการแข่งขันของสมาพันธ์กระบี่คราวนี้”
“ชาวชางลี่กับสำนักเทพโลหิตแห่งความสุข…”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เจ้าสำนักไม่ได้กล่าวเจาะจงนะ นี่มันรังอสรพิษและยังเป็นหนูสกปรกอย่างแท้จริง ตอนนี้พวกมันกำลังวุ่นวาย”
“อ่า ความจริงแล้วข้ารู้สึกชื่นชอบสิ่งนี้!”
ไป๋ลี่กล่าวต่อ
“เดิมทีสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขมักจะครอบงำผู้คนในอาณาจักรต้าเซีย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ชื่นชอบชาวชางลี่เลย ดังนั้นข้าจะใช้โอกาสนี้เพื่อจัดการพวกเขาสักสองในสาม… อ่า ขอเวลาให้สักหน่อย ข้าย่อมทำได้แน่ ในบรรดาคนที่ข้าสามารถลงมือได้ ยกเว้นเจ้าสำนัก คนอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นคนทรยศ!”
“โอ้ ยอดเยี่ยมแล้ว!” ไป๋ชิวหรานปรบมือให้ศิษย์ของตนพร้อมถามว่า “แล้ว… เรื่องชั่วร้ายที่พวกเขากำลังตระเตรียมคือสิ่งใด?”
“โอสถพิษ” ไป๋ลี่กล่าวตอบ
“เดิมทีชาวชางลี่ต้องการวางโอสถหมดสติหรือโอสถถ่ายหนักลงในอาหารหรือน้ำดื่มของคู่ต่อสู้ เมื่อคู่ต่อสู้ไร้ความสามารถ พวกเขาจะได้รับชัยชนะ ทว่าเจ้าสำนักกล่าวว่าวิธีเหล่านี้ไร้สาระเกินไป พวกเขาจึงแทนที่มันด้วยโอสถชูกำลัง หรือโอสถที่ออกฤทธิ์รุนแรงพิเศษที่ถูกทำขึ้นโดยสำนักเทพโลหิตแห่งความสุข เดิมทีต้องการให้ผู้เข้าแข่งขันในรอบรองชนะเลิศไม่อาจควบคุมตนเองได้ แล้วทำให้เกิดการนองเลือดขึ้น… แต่ที่พวกเขาพลาดท่าเพราะสหายที่ได้รับโอสถเหล่านั้น ตอนนี้กลายเป็นผู้ศรัทธาของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานไปแล้ว”
เขายักไหล่
“แม้แต่ตัวข้าก็ยังเป็นหนึ่งในนั้นด้วย”
เมื่อกล่าวจบ ไป๋ลี่ก็หยิบซองโอสถออกจากกระเป๋าพร้อมโยนมันลงบนโต๊ะ!
“โอสถที่อานุภาพร้ายแรงนี้… เจ้าชายโหยวใช้เงินมหาศาลเพื่อซื้อมันจากเจ้าสำนัก และขอให้เราส่งโอสถนี้ให้กับหลี่เสียนจิ้ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพียงไก่อ่อนเมื่อเผชิญหน้ากับเทพกระบี่ชางลี่ ไร้สาระเสียจริง!”
ไป๋ชิวหรานเปิดกล่องโอสถ ฉับพลันกลิ่นโลหิตฉุนจมูกก็พวยพุ่งออกมา จึงใช้นิ้วบดขยี้มันอย่างเบามือ
จากคำกล่าวของไป๋ลี่ หากหลี่เสียนจิ้งกลืนโอสถนี้ลงท้องไป การแข่งขันวันพรุ่งนี้… เทพกระบี่ชางลี่ผู้นั้นจะกลายเป็นเครื่องจักรสังหารบ้าคลั่ง ด้วยทักษะกระบี่และการฝึกฝนของเขาจะกลายเป็นอาวุธสังหารร้ายแรงภายในสมาพันธ์กระบี่แห่งนี้
หากเป็นความต้องการของเจ้าชายโหยว แน่นอนว่าเขาต้องการสังหารหลี่เสียนจิ้ง เขาต้องการใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพื่อนำศีรษะหลี่เสียนจิ้งไป เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือฉายาเทพกระบี่ชางลี่คนต่อไป ทว่าตอนนี้เขาคาดว่าหลี่เสียนจิ้งไม่เพียงแต่ฟื้นคืนเส้นเอ็นที่แขนเท่านั้น แต่ยังก้าวหน้าในการฝึกฝน หากรีบร้อนจัดการ เกรงว่าจะกลายเป็นฝ่ายถูกตัดศีรษะเสียเอง
“แล้วตอนที่พวกสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขส่งเจ้ามา เจ้าจะจัดการกับพวกมันยังไงล่ะ?”
ไป๋ชิวหรานวางฝ่ามือลงพร้อมกล่าวกับไป๋ลี่
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผย”
ไป๋ลี่จึงโบกมือพร้อมอธิบาย
“เช่นนี้ข้าจึงคิดหาวิธีที่จะปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา!”
เขาเอนตัวเข้าไปหาไป๋ชิวหรานก่อนจะกล่าวกระซิบแผ่วเบา
“อืม ข้าว่ายอดเยี่ยม”
หลังจากรับฟัง ไป๋ชิวหรานก็กล่าวชมเชย
“เจ้านี่เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง”
…
สามวันต่อมาบนภูเขาหยวนชิง การแข่งขันประลองกระบี่ของสมาพันธ์กระบี่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
และบังเอิญว่าการแข่งขันคู่แรกของวันนี้คือชิงตำแหน่งเทพกระบี่ การต่อสู้คราวนี้… หลี่เสียนจิ้งผู้เป็นอดีตเทพกระบี่ได้เผชิญหน้ากับนักกระบี่ผู้เข้ารอบคนสุดท้ายจากอาณาจักรยามากุจิ
ด้านล่างของเวทีประลอง ทั้งสองต่างมองหน้ากัน พวกเขาทำสมาธิเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ผู้ตัดสินของอาณาจักรต้าเซียมาถึงสังเวียน เขาเงยหน้ามองนาฬิกาแสงแดดด้านข้างเวที จากนั้นจึงประกาศให้เริ่มการแข่งขันได้
หลี่เสียนจิ้งและนักกระบี่จากอาณาจักรยามากุจิขึ้นเวทีประลอง พร้อมทำความเคารพกันและกัน
เจ้าชายโหยว เจ้าชายแห่งอาณาจักรชางลี่นำกลุ่มชาวชางลี่เข้ามารวมกับฝูงชนในสถานที่ไกลออกไปสักหน่อยเพื่อรับชมการต่อสู้นี้
เขามองหลี่เสียนจิ้งและนักกระบี่จากยามากุจิ จึงตระหนักได้ว่าผู้นั้นคือผู้นำกลุ่มของนักรบยามากุจิที่ใช้ภาษาชางลี่เพื่อดุด่าเขาในวันนั้น
เมื่อเห็นดังนั้น ใบหน้าของเจ้าชายโหยวก็กลายเป็นบิดเบี้ยวอย่างไม่พอใจ เขามองไปยังชายที่ยืนอยู่ตรงข้าม ผู้นั้นคล้ายกับชายชราทั่วไป แต่เจ้าชายโหยวทราบดีว่าชายผู้นั้นไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น
“ผู้อาวุโส”
เจ้าชายโหยวกล่าวขึ้น
“โอสถของท่านจะได้ผลแน่ใช่หรือไม่?”
ชายชรามองไปยังลานประลองด้วยแววตาคาดหวัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันหน้ากลับมาพร้อมเผยสีหน้าไร้ซึ่งความอดทน แต่สุดท้ายก็ยังกล่าวตอบอย่างใจเย็น
“แน่นอนว่ามันย่อมได้ผลแน่ เจ้าสำนักผู้นี้รับประกันได้… ยิ่งไปกว่านั้น โอสถของเราได้เข้าสู่ร่างกายของเทพกระบี่ผู้นั้นไปแล้ว เพราะข้ารู้สึกได้ถึงส่วนผสมเฉพาะของโอสถที่ไหลเวียนในร่างกายของเขา”
แววตาที่เกรี้ยวกราดของเขาทำให้เจ้าชายโหยวสั่นสะท้าน
เขาละสายตาจากชายชรา ก่อนจะมองดูเวทีประลองตรงหน้าต่อไป อย่างไรแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเย้ยหยันออกมาว่า
“อืม เอาล่ะ! สิ่งนี้จะจัดการหนามยอกทั้งสองของข้าได้ในคราวเดียว”