ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 404 การปรากฏตัวต่อหน้าเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
บทที่ 404 การปรากฏตัวต่อหน้าเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
บทที่ 404 การปรากฏตัวต่อหน้าเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
เจ้าชายโหยวปีนขึ้นไปบนสังเวียนด้วยใบหน้ามืดมน เขามองปรมาจารย์กระบี่ผู้ยิ่งใหญ่กำลังหักนิ้วอย่างเหี้ยมเกรียม
ฉินตงหลายเผยรอยยิ้มเหยียดหยามยามดึงกระบี่ยักษ์บนหลังออกมา รูปร่างมันราวกับประตูเหล็กขนาดใหญ่ จากนั้นก็กระแทกกระบี่ลงอย่างรุนแรงจนทะลุพื้นสังเวียน
ครั้นเจ้าชายโหยวมองกระบี่ขนาดย่อมของตนเอง ก่อนจะเหลือบมองกระบี่ยักษ์ของอีกฝ่ายซึ่งหนายิ่งกว่าเอวของเขา ก็ทำเอาเปลือกตาขวากระตุก
กระบี่ยักษ์ของฉินตงหลายสามารถแยกร่างของเจ้าชายโหยวและกระบี่น้อยของเขา ให้กลายเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดายเพียงการเคลื่อนไหวเดียว!
เขาไม่ได้มีทักษะกระบี่ที่ยอดเยี่ยม หรือการเคลื่อนไหวที่ปราดเปรียวเช่นเดียวกับหลี่เสียนจิ้ง หากวันนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์อย่างฉินตงหลาย… หนทางของเขาคงเหลือเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้น
ตอนนี้เจ้าชายโหยวได้แต่ลอบนึกคิดว่าโอสถพิษของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขจะได้ผล เขาจดจำว่าได้ขอร้องให้คนของสำนักนำมันออกไปแจกจ่ายให้กับฝ่ายตรงข้ามของเขาทั้งหมดในการแข่งขันกระบี่คราวนี้ แน่นอนว่าฉินตงหลายผู้นั้นก็อยู่ในรายชื่อด้วย
ผู้ตัดสินประกาศเริ่มการแข่งขันอย่างไม่รอช้า และเห็นได้ชัดว่าฉินตงหลายไม่คิดที่จะพูดคุยใด ๆ กับเจ้าชายโหยว ในขณะที่เสียงกรรมการค่อย ๆ จางหายไป ชายชราผู้เกรี้ยวกราดพลันกระโดดขึ้นสู่อากาศพร้อมกระบี่ยักษ์! ก่อนจะเหวี่ยงมันออกเป็นพระจันทร์เสี้ยวสุดแขน… ฟาดฟันเจ้าชายโหยวอย่างสุดกำลัง
เจ้าชายโหยวกระโดดหลบ ทว่ากระบี่เล่มนี้กลับทรงพลังยิ่ง แม้จะสามารถหลบเลี่ยงการปะทะซึ่งหน้าได้ แต่ปราณกระบี่ที่แผ่กระจายออกรอบตัวกระบี่ยังคงพุ่งออกทั้งซ้ายและขวาราวกับคลื่นบนผิวน้ำ จนเกิดรอยแตกร้าวกว้างกว่าหลายจั้ง ทั้งเศษหินฝุ่นดินคละคลุ้งปลิวว่อนกระทบร่างกายและใบหน้าของเจ้าชายโหยว จนรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา โดยมีปรมาจารย์กระบี่ผู้ยิ่งใหญ่ยืนประจัญหน้าอยู่กลางเวทีประลอง
“ปิดประตูเตรียมสูญพันธุ์…” ชายชราคนหนึ่งที่รับชมอยู่ด้านล่างเวทีประลองกล่าวขึ้นมาในฝูงชน “ทุกครั้งที่เห็นการเคลื่อนไหวเช่นนี้ ข้าอดไม่ได้ที่จะคิดถึงพลังของมัน คราวที่ฉินตงหลายมาพบข้าผู้นี้ เขายังเป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้นเอง…”
เมื่อเห็นว่ากระบี่ยักษ์ของฉินตงหลายรวดเร็วเพียงใด เจ้าชายโหยวก็รีบรุดก้าวตรงไปด้านหน้า ก่อนจะฉวยโอกาสคว้าช่องว่างที่ถูกเปิดออก และกระชับกระบี่ในมือฟันแทงออกสิบสามกระบวนท่าราวอสรพิษร้าย ทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่ลำคอ ดวงตา จมูก และส่วนสำคัญอื่น ๆ ของฉินตงหลาย
ราวกับว่าปรมาจารย์ผู้นี้ทราบอยู่แล้ว ฉินตงหลายยืนนิ่งไม่คิดขยับ เขาเพียงยกกระบี่ในมือขึ้นและปิดกั้นกระบี่ยาวของเจ้าชายโหยวด้วยการแทงไปที่กลางหน้าอกของอีกฝ่าย
ตูม!
พลังความโกรธแค้นแผ่กระจายออกในอากาศ ฝีเท้าของเจ้าชายโหยวหยุดลงในทันที ก่อนกระโดดถอยกลับไปที่ขอบสังเวียนอีกครั้ง เอื้อมมือปิดใบหน้าที่แดงก่ำของตนเอง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงเรียกขานตนเองว่าเทพกระบี่ ในเมื่อมีฝีมือเพียงเท่านี้?”
ฉินตงหลายคำรามลั่น เขาลากกระบี่ยักษ์พุ่งทะยานไปข้างหน้า ก่อนจะกวัดแกว่งมันหมายจะฟันเอวของเจ้าชายโหยว
“ไปลงนรก… อ๊ะ?”
ในขณะนี้ ใบหน้าของฉินตงหลายถึงกับเผยความสับสน พลังปราณที่วิ่งพล่านในร่างกายกลับหยุดนิ่งลง และประสาทขาดผึงไปโดยไม่รู้ตัว ขณะที่กระบี่ยักษ์กำลังจะสัมผัสไหล่เจ้าชายโหยว เขากลับหยุดนิ่งแล้วถอยหลังกลับสู่ขอบสังเวียนอีกครั้ง
เจ้าชายโหยวที่อยู่ตรงหน้าถึงกับสับสน เห็นได้ชัดว่าในแววตาฉินตงหลายเต็มไปด้วยชั้นสีเลือดเข้มข้น
โอสถออกฤทธิ์แล้ว!
เจ้าชายโหยวจึงฉวยโอกาสรวบรวมพลังปราณที่แท้จริงของตนเอง แล้วคิดขับไล่ชายชราตรงหน้าออกจากสังเวียน
ฉินตงหลายเดินโซเซไปสองก้าว และทันใดนั้นก็ปลดปล่อยเสียงคำรามเหมือนที่หลี่เสียนจิ้งทำ แต่เมื่อเทียบกับเสียงคำรามของหลี่เสียนจิ้งแล้ว เสียงของฉินตงหลายเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารและความคลุ้มคลั่งกว่าเหลือคณานับ!
“ออกไปให้พ้น!”
เมื่อเห็นปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งยกกระบี่ยักษ์ขึ้น มหาราชครูแห่งอาณาจักรต้าเซียซึ่งยืนอยู่บนอัศจรรย์รีบตะโกนบอกผู้ชมโดยรอบทันที
แต่ก่อนที่ทุกคนจะทันได้เคลื่อนไหว พลังปราณรุนแรงก็พวยพุ่งออกจากร่างกายของฉินตงหลาย เขายกกระบี่ยักษ์ขึ้นหมายจะฟันมนุษย์ตรงหน้าให้แยกออกเป็นสองเสี่ยง ทว่ามีพลังปราณพุ่งเข้าหาเขาและพันข้อมือยักษ์นั้นไว้ หยุดเขาได้ทันเวลา
“หยุดเขา!”
ชายชราถือคันเบ็ดที่เต็มไปด้วยพลังปราณแก่นแท้ได้ปราบปรามปรมาจารย์กระบี่ผู้ยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันก็ตะโกนบอกกองทัพของราชสำนักในทันที
สิ้นเสียงตะโกน บรรดาผู้สวมชุดกองกำลังของราชวงศ์ก็พุ่งออกจากที่นั่ง ใช้โซ่ตรวนในมือพันธนาการร่างกายของฉินตงหลายเอาไว้… ซึ่งหยุดการเคลื่อนไหวของปรมาจารย์กระบี่ในทันที
แต่ฉินตงหลายยังคงดิ้นรน ปราณแก่นแท้อันทรงพลังขั้นเก้าของเขาสามารถโจมตีสิ่งที่บีบรัดร่างกายเอาไว้ และแม้แต่ผู้พิทักษ์ชั้นยอดของราชสำนักที่อยู่ในขั้นที่หกและเจ็ดของการกลั่นลมปราณถึงกับลังเลที่จะเข้าไปปราบปรามเขา
“ทหาร!!”
ผู้บังคับบัญชาการทัพตะโกน
“ดูเหมือนเขาจะคลุ้มคลั่งไปแล้ว”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”
หลังจากเข้ารับใช้ราชสำนักมาเกือบปี ชายชราที่ชื่นชอบการตกปลาก็รู้สึกว่าเขาเต็มไปด้วยความรู้และอำนาจ เขาคิดครู่หนึ่งก่อนจะดึงเอาสายเบ็ดกลับมา หันหลังพร้อมกับประสานมือและคุกเข่าลง
มหาราชครูแห่งอาณาจักรต้าเซียทำความเคารพต่อรูปปั้นของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน และเทพเจ้าที่ปกป้องสมาพันธ์กระบี่… เตี้ยวโส่วคุกเข่าลงก่อนจะกล่าวคำ
“เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ได้โปรดช่วยเหลือข้าขจัดเหล่าร้ายให้หมดสิ้น!”
“ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ เจ้ายังมีเวลามานั่งอ้อนวอนเทพเจ้าอีก!”
เมื่อเห็นการกระทำของมหาราชครูเตี้ยวโส่ว ผู้คนเจียงหูแห่งอาณาจักรต้าเซียพลันกระสับกระส่าย แต่เมื่อเขาลุกขึ้น รูปปั้นของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานพลันระเบิดรุนแรง
แสงสีขาวเปล่งประกายออก แม้ไม่สว่างพร่างพราวแต่ทุกคนก็เห็นมันชัดเจน ก่อนลำแสงสีขาวจะค่อย ๆ จางหายไป ฉินตงหลายถึงกับหยุดนิ่งอยู่กับที่
ผ่านไปเกือบก้านธูป ดวงตาของฉินตงหลายกลับมาฉายชัดอีกครั้ง ภาพแรกที่เห็นคือโซ่ตรวนบนร่างกาย และกองทัพทหารที่ล้อมรอบตัวด้วยท่าทีวิตกกังวล
เขาก้มมองดูฝีเท้าของตนเอง และพบว่าตนวิ่งออกจากสังเวียนมาแล้ว
ปรมาจารย์กระบี่หันไปหาเจ้าชายโหยว ก่อนจะเข้าใจทุกอย่างในทันที
“ท่านพ่ายแพ้แล้ว!”
เจ้าชายโหยวกล่าวออกมาอย่างหน้าหนา
“ไร้ยางอายสิ้นดี!”
ฉินตงหลายกล่าวเย้ยหยันแทนคนดู
“วันนี้ข้ายอมให้เจ้าได้รับชัยชนะ! แต่เจ้ารอต่อไปเถิด! เมื่อถึงเวลาจะมีคนมาตัดศีรษะของเจ้าแทนข้า!!”
เขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะละสายตาออกจากเจ้าชายโหยว และกล่าวกับกองทัพทหารโดยรอบว่า
“ทุกท่าน! ข้าได้สติแล้ว… ปล่อยข้าได้หรือยัง?”
ราชองครักษ์เหล่านั้นมองมหาราชครูแห่งอาณาจักรต้าเซีย อีกฝ่ายพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“ปรมาจารย์กระบี่ยักษ์ฟื้นคืนสติแล้ว ปล่อยเขา”
เหล่ากองทหารปลดปล่อยฉินตงหลาย เขาเอากระบี่ยักษ์พาดไว้บนหลังอีกครั้ง และเดินไปหาสหายคุ้นเคยก่อนจะโค้งคำนับต่ออีกฝ่าย
“ขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ”
“ไม่ต้องขอบคุณข้า เป็นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานที่กระทำ” ชายชราส่ายศีรษะ “หากต้องการขอบคุณ ท่านอาจจะต้องเข้าไปสักการะเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานในวิหารด้วยตนเอง…”
“ข้าจะทำตามนั้น” ฉินตงหลายพยักหน้าให้กับชายชราพร้อมกล่าวต่อ “เช่นนั้นข้าขอตัวลา”
ชายชรากระบี่ยักษ์ดูเหมือนจะไม่สนใจว่าตนเองแพ้หรือชนะ และเขาไม่สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายเอาชนะอย่างไร้ยางอายเพียงใด เขาทิ้งสังเวียนและเดินหายไปในฝูงชน
หลังจากที่เห็นเขาจากไปแล้ว ชายชราที่ดูไม่ธรรมดาซึ่งหลบซ่อนอยู่ในฝูงชนก็กล่าวกับทหารรอบ ๆ ตัวว่า
“กลับกันได้แล้ว! ไม่จำเป็นต้องดูอะไรต่อ แผนของพวกเราล้มเหลวหมดสิ้น เรียกประชุมฉุกเฉินเดี๋ยวนี้!”