ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 406 พี่ชาย ข้ามีชื่อของท่านในรายการ!
บทที่ 406 พี่ชาย ข้ามีชื่อของท่านในรายการ!
บทที่ 406 พี่ชาย ข้ามีชื่อของท่านในรายการ!
“พรุ่งนี้… พรุ่งนี้แล้วที่ข้าจะได้พบกับไอ้บัดซบหลี่เสียนจิ้ง!”
ภายในบ้านของชาวชางลี่ในเมืองตู่โจว เจ้าชายโหยวกำลังคำรามใส่ลูกน้องอย่างบ้าคลั่ง
“ในฐานะสหาย และในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา พวกเจ้าคิดจะแบ่งเบาปัญหาของเจ้าชายองค์นี้หรือไม่ อย่างเช่นการเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ฉินตงหลาย เจ้าคิดหาวิธีให้เจ้าชายองค์นี้ได้รับชัยชนะบ้างหรือไม่!?”
“องค์ชาย!” เหล่าทาสรับใช้ตอบกลับพร้อมเช็ดเหงื่อเม็ดใหญ่บนหน้าผาก “พวกเราใช้เงินเพื่อซื้อนักฆ่าไปลอบสังหารเทพกระบี่ผู้นั้นแล้ว!”
“แล้วอย่างไร? มันอยู่ไหน? ผลลัพธ์เป็นอย่างไร?”
เจ้าชายโหยวกล่าวอย่างขุ่นเคือง
“แล้วหลี่เสียนจิ้งมันตายไหม?”
“ไม่… ไม่ตาย…” เหล่าทาสรับใช้ส่ายศีรษะ “นักฆ่าผู้นั้นจากไปแล้วยังไม่กลับมา…”
“พวกเจ้า… ฮึ่ม!”
เจ้าชายโหยวคว้าเหยือกบนโต๊ะพร้อมกับทุบศีรษะของลูกน้องจนเลือดไหลอาบท่วมใบหน้า
“องค์ชายโปรดใจเย็นลงก่อน” ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างก็ค่อย ๆ อ้าปากกล่าวต่อไปว่า “ลูกศิษย์ของเทพโลหิตแห่งความสุขเริ่มปฏิบัติการแล้ว ไม่ต้องกล่าวว่าเทพกระบี่หลี่เสียนจิ้งคือผู้ใด แม้ว่าเขาจะเป็นเทพเจ้าแห่งแผ่นดิน พวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้ เช่นเดียวกับปรมาจารย์ดาบยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นฉินตงหลาย”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายคนนั้น เจ้าชายโหยวจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า
“สหายเจ้าจากสำนักของท่านเทพสามารถเชื่อถือได้ พวกเขาทั้งหมดบอกว่าทุกคนล้วนแต่เป็นพี่น้องพึ่งพาอาศัยกัน และมันก็ดูท่าจะเป็นจริง!”
“เทพเจ้าของพวกเราเป็นของจริง” อีกฝ่ายเผยรอยยิ้ม “พวกเราแต่ละคนย่อมได้รับสิ่งที่ต้องการ ตราบใดที่ท่านเทพเจ้ายินดีช่วยเหลือ พวกเราก็จะเผยแพร่คำสอนนั้นภายในอาณาจักรชางลี่ได้”
“พูได้ดี ดี…”
เจ้าชายโหยวและสมาชิกอาวุโสของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข
ตูม!
ทว่าบรรยากาศที่เงียบสงบกลับสิ้นสุดลง พวกเขาต่างกระเด็นออกจากบ้านพักของชาวชางลี่ทันที
เจ้าชายโหยวและเหล่าชนชั้นสูงต่างตื่นตระหนก พวกเขาคิดว่าเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรต้าเซียมาตรวจค้น ทว่ากลับเห็นเด็กหนุ่มผิวขาววิ่งเข้ามามุงจากด้านนอก พร้อมกับคนอีกสองคน… ซึ่งกำลังมองมายังพวกเขาเป็นตาเดียว
“เด็กบ้านี่มาจากไหน!”
เจ้าชายโหยวตะโกนด้วยความขุ่นเคือง และกำลังจะร้องเรียกให้ลูกน้องของตนไล่เด็กหนุ่มกับชายแปลกหน้าสองคนออกไป ทว่าอาวุโสที่อยู่ข้างกายเขามองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังพร้อมกล่าวถาม
“เป็นเจ้าเองหรือ? พี่ชาย มาหาข้าที่นี่มีสิ่งใดหรือ?”
“พี่ชาย… เจ้าควรทราบถึงเหตุผลในการมาเยือนของข้า”
ไป๋ลี่กล่าวคำ
“ต้องขอโทษด้วย เจ้าอยู่ในรายชื่อผู้ทรยศ! เช่นนั้นจงมากับข้า!”
“มีอะไรผิดพลาดหรือไม่?” ชายวัยกลางคนก้าวถอยหลัง “ข้าจะทรยศต่อเทพเจ้าที่แท้จริงได้อย่างไร? ข้าทำอะไรผิด?”
“โปรดให้ความร่วมมือ…” ไป๋ลี่ยังคงจับจ้องเขา “ทุกคนล้วนเป็นพี่น้อง อย่าสร้างความลำบากใจให้กับข้าเลย”
ชายวัยกลางคนมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวเย้ยหยัน
“ฮ่าฮ่า เข้าใจแล้วล่ะ ท่านผู้นำมอบตำแหน่งนี้ให้เจ้า แต่เจ้าใช้ตำแหน่งนี้กีดกันคนที่ไม่เห็นด้วยออก พี่ชาย… พี่ชายเอ๋ย! ความทะเยอทะยานของเจ้านั้นไม่เลวเลย”
“สิ่งที่เจ้ากล่าวล้วนไร้ประโยชน์ แต่ข้าจะถือว่ามันคือคำสารภาพ” ไป๋ลี่กล่าวต่อ “พี่ชาย ข้าแนะนำว่าอย่าขัดขืนดีกว่า มิฉะนั้นข้ามีสิทธิ์สังหารเจ้าที่นี่”
“ฮ่าฮ่า ล้อเล่นหรือไม่ ผู้ศรัทธาในเทพเจ้าโลหิตแห่งความตายไม่มีทางนิ่งเฉยแน่!”
ชายวัยกลางคนยืนหันหลัง พร้อมกดเสียงต่ำ
บรรยากาศทั้งหมดกลายเป็นเย็นเยียบ ไป๋ลี่หันไปหาเจ้าชายแห่งอาณาจักรชางลี่อย่างเจ้าชายโหยว
“ฝ่าบาท นี่เป็นเรื่องภายในสำนักของพวกเรา โปรดอย่าได้สอดมือเข้ามา!”
ชายวัยกลางคนและเด็กหนุ่มต่างเผยใบหน้าเรียบเฉย แต่ทว่ามีแรงกดดันที่น่าหวาดหวั่นแผ่ขยายออกมาจากทั้งสอง
ฝ่ายหนึ่งดิ้นรนเพื่อต่อต้านความตาย แต่ในขณะที่อีกฝ่าย… กำลังจงใจปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริง และพยายามชักชวนให้อีกฝ่ายลงมือก่อน
ในชั่วพริบตา ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำจึงเปิดฉากลงมือก่อน โลหิตพวยพุ่งออกจากมือขวา เขากลายเป็นอสูรโลหิต ก่อนจะคว้าศีรษะของไป๋ลี่อย่างเกรี้ยวกราด!
ทว่าไป๋ลี่รวดเร็วกว่าเขาไปก้าวหนึ่ง ร่างกายของเขาคล้ายกับภูตผี เขาจับแขนของชายวัยกลางคนก่อนจะจับมันกระแทกกลับ… ฝ่ามือประทับลงบนหน้าอกของชายผู้นั้นอย่างรุนแรงราวกับสายฟ้าฟาด!
ตูม!
ฝ่ามือของเด็กชายอายุสิบเอ็ดหรือสิบสองปีกระแทกเข้าที่หน้าอกของชายวัยกลางคน ทำให้อสูรโลหิตตนนี้กระเด็นลอยไปกระแทกเข้ากับผนังห้องจนกำแพงแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อั่ก!”
ชายวัยกลางคนถูกโจมตีจนกระอักเลือดที่มีเศษอวัยวะภายในออกมา ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างช้า ๆ จนตายตกในที่สุด
เจ้าชายโหยวเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ทำเอาเขารู้สึกมือเท้าชาอย่างช่วยไม่ได้
ความแข็งแกร่งของชายวัยกลางคนนั้นเขาทราบดี แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม เขาไม่อาจแม้แต่จะขยับเคลื่อนไหว
ไป๋ลี่เงยหน้าขึ้นพร้อมเหลือบมองเจ้าชายโหยวก่อนจะกล่าวขึ้นว่า
“พาเขาออกไป !และรายงานต่อผู้นำสำนักว่าบุคคลผู้นี้ต่อต้านการสอบสวน อีกทั้งยังคิดเผชิญหน้ากับข้าผู้เป็นหัวหน้ากลุ่ม ข้าจึงต้องเช็ดล้างเขา”
ชายสองคนที่อยู่ข้างหลังก้าวขาออกไป คว้าเอาศพของชายวัยกลางคนที่ติดแหงกอยู่บนผนังแล้วลากออกจากห้องไป
ไป๋ลี่เดินตามอย่างใกล้ชิด และในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกจากประตู เจ้าชายโหยวพลันหยุดยั้งเขาไว้
“พี่ชาย เดี๋ยวก่อน!”
ไป๋ลี่หันกลับมามอง
“พรุ่งนี้ที่งานแข่งขันของสมาพันธ์กระบี่…”
“มันไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องรับผิดชอบ”
ไป๋ลี่กล่าวต่อ
“สำนักของเรามีการแบ่งงานที่ชัดเจนแล้ว ข้ามีหน้าที่จับคนทรยศ และข้าไม่คิดสนใจเรื่องอื่น… ลาแล้ว!”
ท้ายที่สุด เขาก็ผลักเจ้าชายโหยวออกแล้วเดินต่อทันที
…
วันถัดมา งานประลองกระบี่ของสมาพันธ์กระบี่ก็ได้จัดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เทพกระบี่หลี่เสียนจิ้งมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับเจ้าชายโหยวผู้ที่เคยเป็นคนตัดแขน และยังขับไล่เขาออกจากบ้านเกิด
การแข่งขันมีกำหนดการในช่วงบ่าย และช่วงเช้าจะเป็นกิจกรรมอื่น เดิมไป๋ชิวหรานคิดว่าสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อเผยแพร่ข่าวใหญ่ อย่างไรก็ตาม ใกล้จะหมดวันแล้ว ไป๋ชิวหราน ถังรั่วเวย และหลีจิ่นเหยาก็พร้อมที่จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเมื่อใดก็ได้ เมื่อสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ ไป๋ชิวหรานจะทำลายกำแพงกั้นระหว่างเขตแดนจิตสำนึกและโลกวัตถุ ก่อนจะปล่อยให้ผู้เลื่อมใสในเทพเจ้าทั้งหมดได้รับรู้ว่ามีแดนอสูรอยู่เบื้องหลังสำนักที่พวกเขาศรัทธา
จนกระทั่งถึงการแข่งขันค้นหาเทพกระบี่แห่งสมาพันธ์กระบี่ ทว่าสถานการณ์กลับราบรื่นราวกับว่าไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้น
“โอ้ ยอดเยี่ยม” ไป๋ลี่สัมผัสไป๋ชิวหรานท่ามกลางความเงียบ ก่อนจะกัดผลไม้ในมือแล้วกล่าวต่อ
“สมาชิกเหล่านั้นที่รับผิดชอบการดำเนินการทั้งหมด พวกทรยศจากสำนักข้าได้ถูกข้าจัดการหมดสิ้นแล้ว”
“แล้วตอนนี้สถานการณ์ของเจ้าเป็นอย่างไร?” ไป๋ชิวหรานเหลือบมอง “มีอีกกี่คนที่ยังไม่ถูกจัดการ?”
ไป๋ลี่คิดไตร่ตรองแล้วตอบว่า
“ก็… ไม่มาก มีเพียงผู้นำสำนัก นอกเหนือจากเขาแล้ว สมาชิกของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขที่มาจากอาณาจักรต้าเซียล้วนแต่กลายเป็นผู้ศรัทธาในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานทั้งสิ้น”
“เจ้าเก่งกาจถึงเพียงนั้น?” ไป๋ชิวหรานอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม “อ่า ทำได้อย่างไรกัน?”
“เรียบง่ายนัก… ผู้ที่ศรัทธาในเทพเจ้ามักจะไม่พอใจชีวิตของพวกเขา และเมื่อมีความปรารถนาไร้ที่สิ้นสุด ตราบใดที่มีหนทางให้ความต้องการเหล่านั้นเป็นจริง มันง่ายดายนักที่จะล่อลวง”
ไป๋ลี่ยักไหล่อย่างสบาย ๆ พร้อมกล่าวต่อว่า
“แต่เมื่อมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ข้าอดไม่ได้ที่จะคาดเดา เพราะเวลานั้นผู้นำสำนักจะนำกระบี่เทพโลหิตออกมาจัดการสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง”
“ไม่เป็นไร ถึงเวลานั้นก็ให้มันเป็นหน้าที่ข้าแล้วกัน”
ไป๋ชิวหรานตบบ่าของเขาเบา ๆ
และเมื่อทั้งสองกล่าวจบ การต่อสู้ระหว่างหลี่เสียนจิ้งและเจ้าชายโหยวก็เริ่มต้นขึ้น นักกระบี่ทั้งสองเดินขึ้นประจำตำแหน่งบนสังเวียน สายตาจับจ้องกันอย่างแน่วแน่…