ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 415 เจ้าเพิ่งเข้ามาใหม่ แต่เหตุใดจึงกลายเป็นประมุข
- Home
- ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี
- บทที่ 415 เจ้าเพิ่งเข้ามาใหม่ แต่เหตุใดจึงกลายเป็นประมุข
บทที่ 415 เจ้าเพิ่งเข้ามาใหม่ แต่เหตุใดจึงกลายเป็นประมุข?
บทที่ 415 เจ้าเพิ่งเข้ามาใหม่ แต่เหตุใดจึงกลายเป็นประมุข?
เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในอาณาจักรต้าเซีย แต่สุดท้ายเรื่องราวของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขก็ไม่ได้แพร่กระจายออกไป
ในยุคนี้สามารถปิดข่าวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สถานการณ์วุ่นวายในงานประลองสมาพันธ์กระบี่ของอาณาจักรต้าเซียไม่เล็ดลอดไปถึงหูของอาณาจักรฝั่งตะวันตกและดินแดนอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกับต้าเซีย
สำหรับอาณาจักรเหล่านั้น มันจะเป็นการยึดครองเส้นทางการค้าระหว่างตะวันออกกับตะวันตก คาราวานออกปล้นและเรียกเก็บเงินเพื่อเป็นส่วยสำหรับคุ้มครอง
ดังนั้นกลุ่มคนของไป๋ลี่จึงเป็นคนแรกที่สามารถนำข่าวออกมาได้
ในขณะที่ศิษย์ของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุข พวกเขายอมจำนนต่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ทั้งหมดล้วนมุ่งมั่นที่จะทำความดีเพื่อที่ในอีกไม่กี่ร้อยปีข้างหน้าจะได้หลุดพ้น พวกเขาตั้งใจเผยแผ่คำสอนอย่างยึดมั่น ส่วนไป๋ลี่เดินทางข้ามอาณาจักรทั้งหมดจนมาถึงทางตะวันตก ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุข
…
ณ หมู่บ้านห่างไกลไร้นามในดินแดนตะวันตก… ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุข
มันต่างจากหมู่บ้านในแถบนี้ทั้งหมด ในยุคที่ยากจนและล้าหลังเนื่องจากต้องเผชิญหน้ากับสงครามตลอดหลายปี แต่กลับมีการก่อสร้างอย่างดีในหมู่บ้านแห่งนี้ แม้แต่ในเรื่องของสุขอนามัยก็ยังล้ำหน้ายิ่งกว่าเมืองหลวงในดินแดนตะวันตกเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ดินแดนทางตะวันตกในยุคนี้ สิ่งปฏิกูลของชาวบ้านทั้งหมดจะถูกบรรจุลงในถังไม้ และในวันรุ่งขึ้นพวกเขาจะเปิดหน้าต่างพร้อมเทมันออกไปนอกเคหะสถาน
พวกเขาไม่สนใจว่าจะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาที่หน้าบ้านของตนเองหรือไม่ หากมีคนเดินผ่านมา และสิ่งปฏิกูลเหล่านั้นสาดกระเซ็นไปโดนเข้าพอดี… อีกฝ่ายคงต้องยอมรับความซวยของตนเองแล้ว
วันนี้ทีมภารกิจที่มุ่งเข้าสู่อาณาจักรต้าเซียได้เดินทางกลับสู่หมู่บ้าน
ผู้ศรัทธาของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขที่นี่ไม่อาจรู้ว่าผลลัพธ์ของภารกิจเป็นอย่างไร… รู้เพียงว่าทีมทำภารกิจกลับมาแล้ว และตอนนี้ผู้ศรัทธาทั้งหมดมารวมตัวกันที่แท่นบูชาภายในหมู่บ้านทันที
ผู้ศรัทธาหลายพันคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ต่างมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขามารวมกันที่จัตุรัสแท่นบูชาแห่งเทพอสูรโลหิต ทั้งหมดล้วนยืนเบียดเสียด และเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย
ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในหมู่บ้าน นั่นคือรูปแกะสลักและแท่นบูชาของเทพอสูรโลหิตความตายแตกออกเป็นสองส่วนโดยไม่รู้สาเหตุ
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหมดต่างมึนงง และพยายามสวดภาวนาให้กับเทพอสูรโลหิตแห่งความตาย แต่กลับไร้การตอบสนองใด สิ่งเดียวที่พวกเขาแน่ใจได้ก็คือทั้งหมดยังสัมผัสได้ถึงอาณาจักรเทพเจ้าในอีกมิติหนึ่ง
อาณาจักรเทพเจ้ายังไม่ล่มสลาย และความศรัทธาของผู้คนยังคงอยู่
อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องการทราบว่าผู้ที่กลับมาจากภารกิจนี้จะกล่าวสิ่งใด รวมถึงต้องการคำตอบจากประมุขถึงสถานการณ์ที่ผิดปกตินี้ด้วย
หลังจากที่บรรดาผู้ศรัทธามารวมตัวกัน ไม่นานก็มีกลุ่มคนล้อมรอบร่างเล็ก ๆ ที่เดินขึ้นสู่แท่นบูชา
ผู้ศรัทธาทั้งหมดที่เข้าร่วมภารกิจล้วนเป็นบุคคลระดับสูงและยิ่งใหญ่ในสำนัก ทว่าร่างเล็ก ๆ ที่ถูกพวกเขาล้อมรอบเอาไว้ไม่เคยปรากฏตัวแก่สายตาพวกเขามาก่อน
ร่างเล็กเดินเข้าสู่แท่นบูชาด้วยชุดระดับสูงของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุข มีคนเอาเก้าอี้มาวางไว้ด้านข้างเพื่อให้เขายืนบนนั้น ทุกคนจึงได้เห็นว่าหน้าตาของเขาเป็นอย่างไร
เขาเป็นเพียงเด็กชายผู้หล่อเหลา อายุประมาณสิบสองหรือสิบสามเท่านั้น…
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหมดรีบกล่าวพูดคุยกันอย่างออกรส
“เงียบ!”
เด็กน้อยขมวดคิ้ว
เสียงของเขาไม่ได้ดังมาก แต่มันกังวาลไปทั่วหมู่บ้านด้วยพลังที่ทำให้ทุกคนต้องหยุดฟัง
เมื่อเห็นว่าผู้ศรัทธาทั้งหมดเงียบลงแล้ว เด็กชายก็พยักหน้าก่อนจะกล่าวต่อ
“พี่น้องทั้งหลาย ข้าขอแนะนำตัวก่อน นามของข้าคือไป๋ลี่ ผู้นำภารกิจคนปัจจุบัน”
“เป็นเพราะข้าคือผู้รับผิดชอบภารกิจนี้ จึงต้องการแจ้งให้ทุกท่านทราบเกี่ยวกับความคืบหน้า ขอสวรรค์โปรดเมตตา… ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ยากจะเชื่อถือ พี่น้องเอ๋ย ภารกิจนี้ล้มเหลวโดยสิ้น และอดีตประมุขของพวกเราตายตกในที่เกิดเหตุ เขาจากไปด้วยความเสียสละและกล้าหาญด้วยน้ำมือของศัตรู ตอนนี้คงมุ่งตรงสู่อาณาจักรเทพเจ้าเพื่อรับใช้องค์เทพที่แท้จริงของพวกเราแล้ว”
ทันทีที่ไป๋ลี่กล่าวจบ ผู้ศรัทธาทั้งหมดก็หลั่งน้ำตาออกมา บางคนถึงกับเป็นลม!
“โปรดใจเย็น! แม้ประมุขของเราจะเสียสละ แต่วิญญาณของเขายังอยู่ในอาณาจักรเทพเจ้า ร่ำสุราศักดิ์สิทธิ์ที่กลั่นจากโลหิตของศัตรูเคียงข้างกับองค์เทพอสูรโลหิตแห่งความตายของพวกเรา”
ไป๋ลี่กล่าวคำอย่างราบรื่น
“แล้วจากนั้น… ท่านประมุขได้สั่งเสียไว้ก่อนที่จะตายตก เขาแต่งตั้งข้าให้เป็นประมุขคนใหม่อย่างเป็นทางการ ต่อไปนี้ ไป๋ลี่คือประมุขคนต่อไปของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุข!”
คราวนี้เหล่าผู้ศรัทธาทั้งหมดเลิกร้องไห้ในทันที แต่กลับกลายเป็นเดือดดาล เสียงร้องตะโกนเซ็งแซ่เต็มไปด้วยคำถาม!
“เจ้าไม่มีหลักฐาน! แล้วเหตุใดจึงกล้าบอกกล่าวว่าท่านประมุขแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้นำ!”
“ข้าไม่เชื่อ! เจ้าเป็นผู้มาใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมสำนัก แล้วจะกลายเป็นผู้นำได้อย่างไร?”
ไป๋ลี่กางมือออกแสร้งทำเป็นหมดหนทาง ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
“ต้องการหลักฐานงั้นหรือ …ไม่เป็นไร”
เขายกมือขึ้นก่อนจะดึงกระบี่เทพโลหิตออกมาจากความว่างเปล่า และปักมันลงที่แท่นบูชา
“นี่คือหลักฐาน!”
ผู้ศรัทธาเห็นกระบี่เทพโลหิตที่พวกเขาเคยสังเวยโลหิตครั้งใหญ่เพื่อที่จะได้รับมันมา นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีแต่ประมุขของสำนักเท่านั้นที่จะครอบครอง แต่ตอนนี้มันอยู่ในมือของไป๋ลี่ และยังดูเชื่อฟังมากด้วย
เหล่าผู้ศรัทธาทั้งหมดหยุดความสงสัยในตัวเขา ก่อนจะคุกเข่าลงพร้อมโค้งคำนับต่อไป๋ลี่
“เคารพท่านประมุข”
“เป็นพวกข้าที่มีตาหามีแววไม่”
ไป๋ลี่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะดึงกระบี่เทพโลหิตออกจากพื้น เผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับเหล่าผู้ศรัทธาทั้งหมด
“มาเถิด พี่น้องของข้า… ตอนนี้ข้าจะบอกกล่าวกับพวกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องราวขององค์เทพที่แท้จริงของพวกเรา”
…
อีกด้านหนึ่ง หลังจากการแข่งขันของสมาพันธ์กระบี่สิ้นสุดลง ไป๋ชิวหรานกับเตี้ยวโส่วก็จัดการทุกสิ่งอย่างเหมาะสม และจากนั้นจึงพาหลีจิ่นเหยา ถังรั่วเวย และคนอื่น ๆ กลับสู่หมู่บ้านชิงสือ
หลังจากบอกกล่าวกับบิดามารดาและว่าที่เจ้าสาวของของไป๋ลี่แล้ว พวกเขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีก ส่วนไป๋ชิวหรานกับสตรีทั้งสองกลับมาสั่งสอนชาวบ้านเพื่อให้สร้างรากฐานอันยิ่งใหญ่ต่อไป
ไป๋ชิวหรานใช้พลังของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเพื่อช่วยชาวบ้านให้สร้างรากฐานทีละคน ต่อมา แม้แต่รุ่นที่สองภายในหมู่บ้านก็เริ่มต้องการสร้างรากฐาน ในที่สุดไป๋ชิวหรานก็ไม่อาจอดทนไหว เช่นนี้เขาจึงจารึกคำสอนไว้บนศิลาแผ่นใหญ่ เพื่อให้ชาวบ้านทุกคนสามารถเรียนรู้มันได้ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากงานประลองของสมาพันธ์กระบี่จบลง เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานได้แสดงฤทธิ์เดชหลายครั้งในงานประลอง ในที่สุดชื่อเสียงก็แพร่กระจายราวกับกระแสน้ำเชี่ยว นักรบจำนวนมากในเจียงหูเชื่อมั่นในเทพองค์นี้อย่างเต็มเปี่ยม
นักรบรุ่นอาวุโสอาจจะยังต่อต้านอยู่บ้าง… แต่คนหนุ่มสาวนั้นสามารถยอมรับสิ่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นพวกเขาส่วนใหญ่จึงเข้าร่วมเป็นผู้ศรัทธาในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน
ในช่วงเวลาอันสั้น ความศรัทธาที่เพิ่มขึ้น และผลประโยชน์ที่ได้รับจากแนวคิดของเทพอสูรโลหิตแห่งความตาย ทำให้อาจารย์อสูรของไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ สามารถบุกทะลวงและทะยานขึ้นสู่ความแข็งแกร่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ในแรกเริ่ม พวกมันอยู่ในขั้นปฐมวิญญาณเท่านั้น แต่ตอนนี้สามารถทะยานสู่ระดับสูงสุดของขั้นผสานร่างแล้ว!
ไป๋ชิวหรานเชื่อว่าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก จะมีผู้ศรัทธาจำนวนมากที่เข้าร่วมกับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน สุดท้ายแล้วหากพวกเขามีความเชื่อ… พวกเขาจะได้รับพรที่ปรารถนาอย่างแท้จริง