ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 416 เพราะยังเยาว์ จึงมีเวลา
บทที่ 416 เพราะยังเยาว์ จึงมีเวลา
บทที่ 416 เพราะยังเยาว์ จึงมีเวลา
ไป๋ลี่จากไปเป็นเวลาสองปีแล้ว
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ความศรัทธาของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่าจะไม่ได้สร้างสำนักใด ๆ แต่ว่าทุกคนในเจียงหูต่างเชื่อถือในเทพเจ้าองค์นี้ และยังมีเทพเจ้าที่อยู่ภายใต้อำนาจของเขาด้วย
หลังจากที่ผู้คนในเจียงหูได้รับประโยชน์ และราชวงศ์ต้าเซียได้ลิ้มรสความหอมหวานของการศรัทธาต่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน พวกเขาจึงยิ่งส่งเสริมความเชื่อในกองทัพ ซึ่งนำพาให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ในที่สุดจิตใจของพวกเขาก็ได้รับการเสริมกำลังจากเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจนแข็งแกร่ง
หมู่บ้านชิงสือพัฒนาเป็นแดนสวรรค์ในใจของผู้คนในเจียงหูภายในสองปี ‘นักบุญ’ ที่เผยแพร่ความศรัทธาต่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานสร้างแผ่นศิลาเอาไว้เพื่อกระจายความรู้ให้กับทุกคน ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถมาเรียนรู้สิ่งนี้ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานอยู่ที่นี่ เช่นนั้นจึงไม่มีใครกล้าหยิบเอาแผ่นศิลาไปเป็นของตนเอง แม้แต่จักรพรรดิยังไม่กล้า อีกทั้งยังมอบกองกำลังเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นหยิบฉวยเอาไปด้วย
อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือในเจียงหูว่ามีชายผมขาวที่ถูกสงสยว่าเป็นนักบุญอยู่ใกล้ชิดกับแผ่นศิลา ชายผู้นั้นจะยืนดูพวกเขาเรียนรู้ทักษะเซียนบนแผ่นศิลา และทุกครั้งที่มีคนผ่านขอบเขตความเป็นมนุษย์… ชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นจะถอนหายใจ ก่อนจะนำไหสุราออกมาตั้งด้านข้าง ราวกับว่าสุรานั้นขมและทำให้บาดคอ
แม้ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นจะหดหู่และอิจฉา ทว่าในอีกด้านหนึ่ง เขาเพียงมองผู้คนที่กำลังจดจ่ออยู่กับการศึกษาหนทางเซียน ในใจก็พลันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ช่างเป็นคนลึกลับ…
ผู้คนในเจียงหูไม่ทราบว่าชายหนุ่มผมขาวกำลังคิดถึงสิ่งใด แต่ในฐานะที่ไป๋ชิวหรานเป็นเจ้าตัว เขาเข้าใจความซับซ้อนในอารมณ์นั้นได้เป็นอย่างดี
มุมมองที่คนอื่นมองคือ… เขาคงอิจฉาคนอื่นที่ฝึกฝนการสร้างรากฐานได้สำเร็จ แต่แท้จริงแล้วไป๋ชิวหรานเพียงคาดหวังว่าการฝึกฝนของหนุ่มสาวเหล่านี้จะสูงขึ้น เพราะยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ยิ่งฐานการฝึกฝนสูงขึ้น จิตสำนึกก็ยิ่งแข็งแกร่ง และแรงศรัทธาที่มอบให้กับอาจารย์อสูรย่อมแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานแข็งแกร่งเพียงพอ ไป๋ชิวหรานก็จะสามารถ ‘ก้าวข้ามความปรารถนายิ่งใหญ่ของตนเองได้’ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการสร้างรากฐานที่เขาใฝ่ฝัน
แต่เรื่องนั้นยังอีกยาวไกลนัก ความแข็งแกร่งของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกำลังเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง เขตแดนจิตสำนึกทั้งหมดถูกกลืนกินหมดสิ้น หลังจากผ่านไปสองปี ไป๋ลี่ที่เข้าสู่ดินแดนทางตะวันตกเพื่อปฏิรูปสำนักเทพโลหิตแห่งความสุข ในที่สุดก็ได้กลับสู่หมู่บ้านชิงสุ่ยแห่งอาณาจักรต้าเซีย
ไป๋ลี่กลับมาในฐานะประมุข… แต่ไม่ได้พาผู้ติดตามมาด้วย
เขาเสร็จสิ้นการปรับปรุงเรื่องราวละเอียดอ่อนของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขแล้ว ผู้ศรัทธาทั้งหมดเปลี่ยนมาเข้าร่วมกับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน บางคนอยู่ในดินแดนตะวันตกและเลือกที่จะเผยแพร่ความศรัทธานี้ต่อไป บางคนเลือกที่จะตามไป๋ลี่กลับมาที่อาณาจักรต้าเซียแล้วค่อยแยกตัวออกไปทั่วทุกมุมโลก พวกเขาจะทำงานหนักตลอดชั่วชีวิตเพื่อชดใช้บาปที่เคยได้ก่อไว้เมื่อครั้งอยู่ในสำนักเดิม
ไป๋ลี่ยังเผยแพร่ความเชื่อของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน จนมันแพร่กระจายออกไปไกลทางตะวันตก
ไป๋ชิวหรานทราบข่าววันที่ไป๋ลี่กลับมา จึงพาหลีจิ่นเหยา ถังรั่วเวย บิดามารดา และเจ้าสาวของไป๋ลี่ไปรับที่ทางเข้าหมู่บ้าน และเมื่อผู้เป็นบิดาเห็นว่าบุตรชายสูงขึ้นมาก ลิ่วเยวี่ยน ภรรยาของเขา และลิ่วเยว่เอ๋อร์ต่างก็ตื่นเต้นมาก
ไป๋ลี่สวมกอดพวกเขาทีละคน ก่อนจะกล่าวสักสองสามคำ จากนั้นจึงเดินเข้าหาไป๋ชิวหรานและสตรีทั้งสอง เมื่อทำความเคารพพวกเขาแล้ว ใบหน้ากลับกลายเป็นเคร่งขรึม
“ท่านอาจารย์”
ในขณะที่ลิ่วเยว่เอ๋อร์และบิดามารดาไม่ทันสังเกต ไป๋ลี่ก็กล่าวถามเสียงต่ำ
“พวกนางจะมาจริง ๆ งั้นหรือ?”
“ใช่ ตอนนี้พวกนางกำลังเดินทาง เจิ้นเทียนกำลังจะมาที่นี่เพื่อรับช่วงการทดลองต่อ และพวกนางก็จะติดตามมา… เจ้ามีเวลาเตรียมตัวประมาณครึ่งปี”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“ท่านอาจารย์ โปรดช่วยทีเถิด” ไป๋ลี่รีบกล่าว “ท่านมีทักษะการฝึกฝนหยางบริสุทธิ์ให้เด็กเช่นข้าหรือไม่? ข้าต้องการฝึกฝนแบบที่ไม่ต้องออกจากถ้ำสักครึ่งปี หากล้มเลิก ทั้งหมดย่อมล้มเหลว”
“มี ข้าพอจำได้ว่า… มีหลายสิ่งหลายอย่างในสำนักพุทธเทียนเซิ่ง…” ไป๋ชิวหรานลูบคางก่อนจะบ่น “แต่เจ้าเป็นถึงจักรพรรดิเซียนมาก่อน… กลับไม่สามารถทำได้งั้นหรือ?”
“ข้ากังวล… กังวลมากเสียจนลืมเลือนทุกสิ่ง” ไป๋ลี่เผยใบหน้าหวาดกลัวตัวสั่นงันงก “แม้ข้าเคยทำได้ เพราะร่างกายนี้เกือบจะเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม หากเจอนางเหล่านั้น ข้าย่อมตายตก! เพียงสามกระบวนท่าก็ไม่อาจรอดพ้น!”
“งั้นก็รีบไปซะ!”
ไป๋ชิวหรานหยิบคัมภีร์ลับออกมาจากมิติ ก่อนจะส่งให้ไป๋ลี่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
…
หลังจากไป๋ลี่กลับสู่หมู่บ้านชิงสุ่ย เขาก็เริ่มหลบไปฝึกฝนหยางบริสุทธิ์ที่ไป๋ชิวหรานมอบให้ทันที
เกือบครึ่งปีหลังจากนั้น วันนี้ไป๋ชิวหรานได้รับข่าวสารนอกโลกมาจากเล่อเจิ้นเทียน
เขาไปที่นั่นด้วยตนเองและพาจักรพรรดิเซียนเล่อกับนางสนมของจักรพรรดิเซียนองค์แรกมาสู่โลกใบเล็กแห่งนี้ ทั้งหมดตรงมาที่หมู่บ้านชิงสือ
“ศิษย์เคารพท่านอาจารย์”
ด้านนอกบ้านลิ่วเยวี่ยน เล่อเจิ้นเทียนสวมชุดลายมังกรและมีรัศมีเจิดจ้าอยู่ด้านหลังศีรษะของเขา ตอนนี้กำลังโค้งคำนับต่อเด็กชายอายุสิบสี่ปีที่อยู่ด้านหน้า
“เจ้าเป็นใคร?” ไป๋ลี่หันหน้าหนี “จดจำคนผิดหรือไม่ ข้าเป็นเพียงเด็กชายธรรมดา จะเป็นอาจารย์ของเจ้าได้อย่างไร?”
“ท่านอาจารย์…”
เล่อเจิ้นเทียนก้าวไปข้างหน้า ไป๋ลี่ถอยหลังพร้อมโบกมือทันที
“ก็บอกว่าเจ้าจำคนผิดแล้ว! อย่ายุ่งกับข้า!”
“ไม่เป็นไรหากท่านไม่ยอมรับว่าเป็นอาจารย์ของข้า”
เล่อเจิ้นเทียนถอยหนึ่งก้าว… เผยให้เห็นกลุ่มนางสนม
“แม้ท่านอาจารย์จะไม่ยอมรับ แต่จากนี้เจิ้นเทียนไม่อาจควบคุมสิ่งนี้ได้อีกแล้ว! ท่านอาจารย์ควรจัดการทุกสิ่งด้วยตนเอง!”
เขาหันไปอีกด้าน ทางนั้นคือกลุ่มรังรักของไป๋ลี่ นำโดยจักรพรรดินีเหลียน ในลานเล็ก ๆ แห่งนี้ทั้งหมด หรือแม้แต่หมู่บ้านชิงสือแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีทองอร่าม ลำแสงเจิดจ้าทั่วบริเวณ
“ฝ่าบาท!” จักรพรรดินีเหลียนกอดไป๋ลี่ก่อนจะยัดใบหน้าของเขาลงไปในอ้อมอกตน “พวกเราทุกคนคิดถึงท่านเหลือเกิน!”
“ช่วยด้วย! ท่านอาจารย์!”
ไป๋ลี่พยายามหลบหนีจากการถูกหน้าอกฆาตกรรม ตอนนี้เขาถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มนางสนม จึงพยายามเหยียดมือออกไปหาไป๋ชิวหรานซึ่งยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ตอนนี้เด็กชายราวกับกำลังจะจมน้ำ
แต่น่าเสียดาย… ที่คนเดินผ่านไปมาไม่อาจช่วยเหลือเด็กชายจมน้ำผู้นี้ได้ ไป๋ชิวหรานหันหน้าหนีพร้อมกับอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้บิดามารดาของไป๋ลี่และลิ่วเยว่เอ๋อร์รับฟัง
“เข้าใจหรือไม่ บุตรชายของพวกเจ้าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เขายิ่งใหญ่ไม่น้อย”
“โอ้”
ลิ่วเยวี่ยนและเจี่ยเชียนโหรวพยักหน้าราวกับว่าเข้าใจ
ในเวลานี้ หลีจิ่นเหยากำลังรับชมความสนุกและไม่คิดว่าเรื่องตรงหน้าเป็นเรื่องใหญ่ นางตบบ่าลิ่วเยว่เอ๋อร์เบา ๆ ก่อนจะชี้ไปยังทิศทางของไป๋ลี่
“แล้วเจ้ามัวทำสิ่งใด? หากไม่เข้าไป จะไม่เหลือแม้น้ำแกงให้ดื่มกิน!”
ถังรั่วเวยตบบ่าอีกข้างพร้อมกล่าวเสริม
“ไปเถิด เยว่เอ๋อร์ เจ้าทำได้แน่!”
ลิ่วเยว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นพร้อมเหลือบมองอาวุโสที่ ‘น่ารัก’ ทั้งสอง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยินยอม เมื่อเห็นเช่นนั้น…จึงพุ่งเข้าหาไป๋ลี่ทันที!
นางเข้าไปพัวพันกับกลุ่มนางสนมของไป๋ลี่อย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งหมดจึงพากันอุ้มไป๋ลี่ขึ้นรถม้าพาออกไปด้านนอก รถม้าของพวกเขาสามารถขยายได้กว้างขวาง แต่ห้องนอนของไป๋ลี่นั้นไม่เพียงพอที่จะรองรับคนจำนวนมากได้
“ไม่!!!”
ไป๋ลี่ที่ถูกกอดรัดแบกหามเอาไว้กรีดร้องออกมา
“อ้ายเฟย… ข้ามีเรื่องต้องบอกกล่าว ข้าไม่อาจทะลวงผ่านหยางบริสุทธิ์ได้!”
“ไม่เป็นไรเลยฝ่าบาท”
จักรพรรดินีเหลียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พี่น้องของเราเฝ้ารอมาเนิ่นนานแล้ว! เช่นนี้พวกเราจึงตระเตรียมน้ำอมฤตและโอสถอายุวัฒนะไว้มากมาย ด้วยขั้นการฝึกฝนของฝ่าบาทในเวลานี้ การดื่มกินน้ำอมฤตนั้นสามารถชดเชยได้!”
ไป๋ลี่พยายามคร่ำครวญและดิ้นรน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ไร้ซึ่งคราบจักรพรรดิเซียนองค์แรกผู้เฉลียวฉลาดและเอาตัวรอดเก่ง แม้แต่จักรพรรดิเล่อเจิ้นเทียนผู้สืบสกุลของเขายังต้องก้มศีรษะเป็นนกกระจอกเทศ เมื่ออยู่ต่อหน้าคณะภรรยาของผู้เป็นอาจารย์… ไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียงใด
ไป๋ลี่ยังคงดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่ใช่จักรพรรดิเซียนองค์แรกผู้เป็นอมตะอีกต่อไป ขั้นการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ไม่อาจเทียบเทียมได้กับนางสนมคนใดทั้งสิ้น สุดท้ายแล้วเขาจึงถูกหามออกไป ก่อนที่เสื้อผ้าทั้งหมดจะหลุดรุ่ยภายในรถม้าสวรรค์
“นี่…” ท้ายที่สุด เป็นไป๋ชิวหรานที่ไม่อาจอดทนได้ไหว เขาก้าวออกมาในนามของอาจารย์ และหยุดเหล่านางสนมทั้งหมดของไป๋ลี่ “เห็นหรือไม่ ว่าเขายังเด็กอยู่! อดทนไม่ได้เลยหรือ! ตอนนี้ท้องฟ้ายังแจ่มใส แต่พวกเจ้ากลับต้องการหยอกล้อในเวลากลางวัน รู้ถึงไหน อับอายถึงนั่นหรือไม่?”
นางสนมของไป๋ลี่มองหน้ากัน จากนั้นจักรพรรดินีเหลียนจึงกล่าวตอบไป๋ชิวหรานด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มอ่อนโยน
“ท่านอาจารย์ เพียงเท่านี้ไม่เป็นไร พวกเราคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว เป็นเพราะตอนนี้ฝ่าบาทยังเยาว์ จึงมีเวลาให้พวกเราหยอกล้อกันนานสองปี!”