ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 418 เป็นข้าที่จะมอบกลิ่นหอมให้กับโลกใบนี้ต่อไป
บทที่ 418 เป็นข้าที่จะมอบกลิ่นหอมให้กับโลกใบนี้ต่อไป
บทที่ 418 เป็นข้าที่จะมอบกลิ่นหอมให้กับโลกใบนี้ต่อไป
ยามฤดูใบไม้ผลิเวียนมาถึง หมู่มวลหลันฮวา*[1] จะผลิบานสะพรั่งงามเป็นพิเศษ ลู่ลมไปมาต่อจากดอกบ๊วย… หลังจากบุปผาแดงโรยราก็ย่อมมีสิ่งอื่นเข้าแทนที่… และมอบกลิ่นหอมให้กับโลกใบนี้ต่อไป
นามของเจียงหลานเกี่ยวกับดอกหลันฮวา และเด็กหญิงคนนี้เป็นบุตรของนางกับไป๋ชิวหราน
จึงได้นาม ‘ซวี่เซียง’ หมายถึงกลิ่นหอมของดอกหลันฮวา
หลังจากสั่งสอนไป๋ลี่และลิ่วเยว่เอ๋อร์แล้ว ไป๋ชิวหรานก็ออกจากโลกใบนี้พร้อมกับหลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวย กลับสู่เก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินทันที
สองเดือนผ่านไป… คืนหนึ่งของเดือนเมษายน ณ ลานของสำนักเหอฮวน ครอบครัวของไป๋ชิวหรานทั้งหมดยกเว้นเจียงหลานนั่งอยู่ที่ลาน
เซียนสตรีที่เก่งกาจที่สุดจากแดนเซียนกลางกำลังส่งเจียงหลานไปสู่ห้องคลอด ไป๋ลี่ เล่อเจิ้นเทียน โม่เฉิน และศิษย์คนอื่น ๆ จึงมานั่งอยู่กับไป๋ชิวหรานในลาน
นับตั้งแต่เจียงหลานเข้าสู่ห้องคลอด พวกเขาทั้งหมดก็เดินวนอยู่ในลานไปมาไม่ต่ำกว่าสิบรอบ และไป๋ลี่ที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยขั้นการฝึกฝนต่ำต้อยก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป
“โอย! ท่านอาจารย์ หยุดก่อน… ข้าเดินไม่ไหวแล้ว”
ในที่สุดเมื่อเขาเดินวนประตูลานเป็นครั้งที่สิบสอง ไป๋ลี่ก็ทรุดกายนั่งยอง ๆ ก่อนจะลูบขาไปมา แล้วลากก้นตนเองไปที่ม้านั่งหิน ตอนนี้เขาปฏิเสธที่จะยืนอีกต่อไป
“เหตุใดร่างกายของเจ้าถึงอ่อนแอนักเล่า?”
ไป๋ชิวหรานขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวอย่างไม่พอใจ!
“โรคไต?”
“อืม… ไตวาย”
ไป๋ลี่ไม่คิดอับอาย เขาเผยใบหน้าเหม็นเค็ม ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับเอว อีกข้างหนึ่งปัดเป่ากลิ่นแล้วกล่าวว่า
“เจิ้นเทียน โม่เฉิน เจ้าทั้งสองควรอยู่กับท่านอาจารย์”
เมื่อเห็นว่าไป๋ลี่ไม่ยอมเดินต่อ ไป๋ชิวหรานจึงหยุดเคลื่อนไหว แล้วเขาก็เริ่มเดินวนรอบ ๆ ม้าหินที่ไป๋ลี่นั่งอยู่
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล”
เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานเดินไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าว่างเปล่า ทั้งยังมีเหงื่อกาฬไหลตามกาย ดูประหม่าจนคล้ายกับผีตายซาก เล่อเจิ้นเทียนและเซียนหงเฉินจึงเริ่มโน้มน้าว
“ด้วยขั้นการฝึกฝนของท่านอาจารย์และอาจารย์หญิง… ทั้งมารดาและบุตรย่อมปลอดภัย”
“เจ้าไม่เข้าใจหรอก!”
ไป๋ชิวหรานตอบ
ไป๋ลี่ยิ้มพลางอธิบายอย่างอ่อนระโหยโรยแรง
“เฉพาะผู้ที่เป็นบิดามารดาเท่านั้นถึงจะเข้าใจความตึงเครียดเช่นนี้… ไม่ว่าขั้นการฝึกฝนจะสูงส่งเสียงใด ตราบใดที่ห่วงใยภรรยาและบุตร ความกังวลจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง พวกเจ้าจะเข้าใจได้เองเมื่อให้กำเนิดบุตรในอนาคต”
เมื่อเล่อเจิ้นเทียนได้ยินเช่นนั้น เขาก็มองเซียนหงเฉินก่อนจะตบบ่าอีกฝ่ายแล้วกล่าวว่า
“น้องชาย เจ้าได้ยินหรือไม่? รีบหาคู่ครองเสีย!”
เซียนหงเฉินเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเป็นเพียงชายชรา อีกทั้งยังผ่านพ้นวัยนั้นไปแล้ว นอกจากนี้ช่องว่างระหว่างข้ากับหญิงสาวในปัจจุบัน… ไม่อาจมีความคิดที่คล้ายคลึงกันได้”
“เช่นนั้นก็หาหญิงชรา… ที่เข้ากับเจ้าได้เสียสิ”
เล่อเจิ้นเทียนกล่าวพร้อมกระแอมไอเบา ๆ
“ข้าจำได้ว่าที่แดนเซียนชั้นสามสิบหกของอาณาจักรเซียนกลางมีเซียนสตรีไม่กี่คนที่อยู่ในวัยเดียวกับเจ้า และเหล่าทวยเทพสตรีก็ยังมีหลงเหลือ หากไม่รังเกียจที่จะมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น ข้าแนะนำให้เจ้าดีไหม?”
เซียนหงเฉินกระแอมเบา ๆ แต่แววตากลับวูบไหวดูสนใจ
ตอนแรกเขาไม่มีความคิดใด ๆ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นไป๋ชิวหราน ไป๋ลี่ และเล่อเจิ้นเทียนต่างก็มีครอบครัวแล้ว เขากลับรู้สึกอยากจะมีบ้างโดยไร้เหตุผล
“เอาล่ะ! ตกลง พวกเราจะพูดคุยเรื่องไร้สาระเหล่านี้เมื่อกลับสู่อาณาจักรเซียนกลาง!”
หลังจากพักอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ลี่รู้สึกว่าเหน็บชาที่ขาเริ่มดีขึ้น เขาจึงลุกนั่งยอง ๆ บนม้าหิน
“วันนี้เป็นวันเกิดบุตรของท่านอาจารย์ พวกเราอย่าเพิ่งคุยเรื่องอื่นเลย…”
ทันทีที่เสียงของไป๋ลี่เบาลง ทันใดนั้นเสียงทารกก็ดังขึ้นจากลานเล็ก ๆ ของสำนักเหอฮวน
แม้ว่าเสียงจะบางเบา แต่ผู้คนที่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่มนุษย์… แม้แต่ไป๋ลี่ที่กลับชาติมาเกิด จิตสำนึกของเขายังคงแข็งแกร่ง และได้ยินเสียงร้องนี้ชัดเจน อีกทั้งด้วยเสียงร้องนี้ยังมีกฎบางอย่างระหว่างสวรรค์และโลกที่เริ่มเปลี่ยนแปลง
นี่คือสัญญาณการถือกำเนิดของเทพเจ้า ร่างกายที่มีชีวิตเช่นเทพเจ้าคือร่างทรงพลังยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่า เมื่อถือกำเนิดและสามารถข้ามผ่านกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตทั่วไปได้ด้วยสัญชาตญาณ ทั้งหมดนี้คือพลังเหนือธรรมชาติ …พลังอันศักดิ์สิทธิ์!
“อา…”
ก่อนที่ไป๋ลี่จะกล่าวจบ คลื่นอากาศรุนแรงพลันปะทุขึ้น สามคนที่อยู่ตรงนั้นรอให้ฝุ่นควันจางหายไป และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ไป๋ชิวหรานก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว… เหลือทิ้งไว้เพียงหลุมขนาดใหญ่เท่านั้น
…
ร่างของไป๋ชิวหรานปรากฏขึ้นฉับพลันในลานเล็ก ๆ ของสำนักเหอฮวน
“บุตรสาวข้าอยู่ที่ใด?”
เขาก้าวขาเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว เวลาเดียวกัน แพทย์เซียนทำคลอดก็ผลักประตูอออกมาทันควัน จนแทบจะชนหน้าเขาเต็ม ๆ
“โอ้! นายท่าน เกิดเรื่องแล้ว!”
นางร้องตื่นตระหนก
“บุตรสาวของท่านหายไป!”
“หายไป? บุตรสาวข้าตัวใหญ่ขนาดนี้จะหายไปได้อย่างไร?”
ไป๋ชิวหรานคว้าไหล่ของแพทย์เซียนหญิงตรงหน้าพร้อมเขย่ารุนแรง
“เจ้ากล้ายั่วยุข้างั้นหรือ?”
แพทย์เซียนหญิงเจ็บปวดอย่างหนักพร้อมกรีดร้องออกมา เมื่อเห็นเช่นนั้นซูเซียงเสวี่ยจึงรีบหยุดเขาเอาไว้
“ชิวหราน! ใจเย็น ๆ ก่อน เป็นเพราะเผ่าพันธุ์ของเจียงหลานพิเศษกว่าสิ่งใด… ฟังนางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเสียก่อน!”
“…ขอโทษ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ซูเซียงเสวี่ยบอก ไป๋ชิวหรานจึงยอมสงบลง เขาปล่อยมือและถอยออกไป
“บอกเล่าสถานการณ์ทั้งหมดโดยละเอียดให้ข้าฟังเสีย!”
แพทย์เซียนลูบไหล่ของตนเบา ๆ ก่อนจะมองไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวเสียงเบา
“ภรรยาของท่านคลอดธิดาอย่างราบรื่นง่ายดาย แต่หลังจากที่เด็กหญิงถือกำเนิดขึ้น ก็มีภูตผีประหลาดปรากฏขึ้นด้านหลัง เวลานั้นนายหญิงกล่าวว่าไม่เป็นไร ข้าจึงไม่สนใจ และเมื่อพาเด็กหญิงไปชำระล้างร่างกาย และหันไปเอาผ้าเพื่อห่อตัวให้ หันกลับมาอีกทีก็พบว่านางหายไป…”
“หายไป…”
ไป๋ชิวหรานพึมพำเบา ๆ ก่อนจะคาดเดาว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของบุตรสาวตนเอง เขาจึงปลดปล่อยสัมผัสเทวะเพื่อค้นหาอย่างรวดเร็ว มันแผ่ขยายออกไปทั่วรัศมีหลายร้อยลี้ แม้แต่มดทุกตัว หรือรอยร้าวบนผนังล้วนถูกจับตามอง
หลังจากปลดปล่อยสัมผัสเทวะ เขาก็พบตำแหน่งของบุตรสาวตนเองทันที! พลังที่ยังไม่ได้ถูกฝึกฝนแต่คล้ายคลึงกัน และเป็นมิตรกับเขายิ่งนัก มันอยู่ใกล้ ๆ นี้เอง
“แปลก…”
ไป๋ชิวหรานเดินเข้าไปในห้อง ซูเซียงเสวี่ย หลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวยเองก็เดินตามเข้าไป เมื่อทั้งสามเข้ามาจึงพบเจียงหลานกำลังนั่งอยู่บนเตียงพร้อมเหงื่อที่หลั่งรินเต็มดวงหน้า แต่แก้มนวลยังคงเป็นสีแดงกุหลาบดูสุขภาพดี ไม่ได้อ่อนแอเหมือนมนุษย์ทั่วไปที่เพิ่งคลอดบุตร เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้ามา นางจึงกล่าวถามอย่างสงสัย
“ชิวหราน เจ้าพบบุตรสาวแล้วหรือยัง?”
“นางอยู่ในห้องนี้”
ไป๋ชิวหรานมองไปรอบ ๆ
“เด็กหญิงคนนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ใด?”
“ดื้ออะไรเช่นนี้…”
เจียงหลานที่นั่งอยู่บนเตียงเผยรอยยิ้มความเป็นแม่ออกมา
“อย่างไรก็ตาม ทั้งที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น แต่ยังสามารถใช้พลังของตนได้อย่างอิสระ นางต้องแข็งแกร่งไม่น้อย”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลีจิ่นเหยาจึงอดไม่ได้ที่จะบ่น
“ศิษย์พี่หญิงหลาน… ไม่กังวลบ้างหรือ? หากซวี่เซียงหายไปเล่า?”
“ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก ทันทีที่คลอดออกมา เผ่าพันธุ์ทวยเทพจะมีความเฉลียวฉลาดเหมือนเด็กอายุสี่ถึงห้าขวบ นางย่อมทราบแล้วว่าบิดามารดาเป็นใคร แม้ว่านางจะหนีไป แต่ก็ไม่อาจไปได้ไกลนัก เพราะชิวหรานและข้าล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพียงไม่นานก็หานางพบ”
เจียงหลานยิ้มขณะกล่าวต่ออีกว่า…
“ข้าจำได้ มารดาเคยบอกกล่าวกับข้าว่ายามแรกเกิด ข้าจัดการกับอสรพิษในแม่น้ำใหญ่ข้างบ้าน แล้วนั่งเล่นสนุกอยู่บนศีรษะมันด้วย”
หลีจิ่นเหยาจับมือของอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมก่อนจะกล่าวว่า
“เช่นนั้นนางก็เหมือนกับศิษย์พี่หญิงหลานไม่มีผิด! แม้วัยเยาว์ก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนมารดา”
เวลานี้ไป๋ชิวหรานที่อยู่ข้าง ๆ ก็พบเจอตำแหน่งของใจดวงน้อย
เขาเดินไปยังอ่างน้ำที่นางแพทย์เซียนผู้นั้นจะอาบน้ำให้ไป๋ซวี่เซียง ก่อนจะมองอ่างน้ำอุ่นอย่างพิจารณา
บนผืนน้ำ เด็กน้อยน่ารักดวงตาสีดำขลับเจิดจ้าราวกับดวงดาวกำลังหัวเราะคิกคักขณะจ้องมองมายังบิดา
[1] ดอกกล้วยไม้