ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 427 ข่าวใหญ่จากพันธมิตร
บทที่ 427 ข่าวใหญ่จากพันธมิตร
บทที่ 427 ข่าวใหญ่จากพันธมิตร
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานมองหาที่นั่งแบบลวก ๆ จากนั้นก็มีอสรพิษขนาดใหญ่สองตัวตัวเลื้อยเข้ามา บนศีรษะของพวกมันคือถาดเครื่องดื่มและจานเนื้อสด พวกมันวางของต้อนรับให้เจ้านายและแขกผู้มาเยือน
“เชิญรับประทาน”
อาจารย์อสูรอสรพิษกลืนกินมันเข้าไปทันที ศีรษะของอสรพิษน้อยนับไม่ถ้วนพยายามกัดกินเนื้อจานใหญ่ และศีรษะที่ใหญ่ที่สุดเริ่มเทของเหลวลงสู่กระเพาะของตนเอง ก่อนจะเรอเสียงดังด้วยความพึงพอใจ
“สหาย เจ้ายังกินของพวกนี้อยู่อีกหรือ?”
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานมองเนื้อสดตรงหน้าพร้อมกับเครื่องดื่ม แต่ยังไม่เคลื่อนไหว
“มันคือการเสียสละ”
อาจารย์อสูรอสรพิษกล่าว
“ข้ารู้สิ่งที่เจ้าต้องการจะพูด หากทำได้ ข้าก็อยากจะกลืนกินวิญญาณและแนวคิดใหม่ ๆ ในทุกวัน แต่ชีวิตมันไม่งดงามเช่นนั้น สิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยในโลกวัตถุซึ่งถูกข้ากักขังไว้ต้องเสียสละเป็นบางครั้ง ต่อให้มันจะรสชาติดีเพียงใด แต่ก็ไม่ได้กินพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว เช่นนั้นข้าจึงคิดจะมอบเครื่องบรรณาการแก่เจ้า ให้ความช่วยเหลือพวกมันเล็กน้อย เพียงเท่านั้นพวกมันก็ยอมศิโรราบต่อเจ้าแล้ว”
“โลกวัตถุ?”
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกล่าวถาม
“ยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในโลกวัตถุนี้อีกหรือ?”
“ก็พอมีบ้าง”
อาจารย์อสูรอสรพิษพยักหน้ารับ
“แท้จริงแล้ว พวกเราล้วนแต่ถือกำเนิดขึ้นจากความปรารถนาที่บิดเบี้ยว ความโลภ ความหลงผิด และความฝันของสิ่งมีชีวิตที่โง่เขลาเหล่านี้”
“แต่ในโลกที่ข้าถือกำเนิดขึ้นอีกมิติหนึ่ง ไม่หลงเหลือสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลย…”
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเอานิ้วจิ้มเนื้อสดบนจานก่อนจะกล่าวว่า
“ข้าเคยไปเยือนสถานที่แห่งนั้นและพบว่า …แม้แต่โลกใบนั้นก็ยังสูญสิ้นไปแล้ว”
“ในโลกของเจ้า จะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน”
รอยยิ้มผุดออกมาผ่านใบหน้าของอาจารย์อสูรอสรพิษ
“ท้ายที่สุดแล้ว สถานที่แห่งนั้นยอดเยี่ยมมาก! โลกของเจ้าอยู่ใกล้กับเขตแดนแห่งจิตสำนึก เป็นด่านหน้ายิ่งใหญ่มากที่สุด มีเศษซากชีวิตของวัตถุในสมัยโบราณหลงเหลือ แล้วยังมีกำแพงแห่งความตระหนักรู้ที่ไม่อาจทำลายได้นั่นอีก ข้าได้ยินว่าอีกฝั่งของกำแพงนั้นมีสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุที่แข็งแกร่งไปไม่น้อยกว่าเรา และสิ่งมีชีวิตนั้นก้าวหน้ากว่าพวกเรามาก”
“โอ้!” เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานพยักหน้า “แล้วกำแพงปราการนั่นเกี่ยวข้องอะไร? มันเป็นการปกป้องชีวิตของโลกวัตถุที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหรือไม่?”
“ข้าก็ไม่ทราบเรื่องนั้น” อาจารย์อสูรอสรพิษกล่าวตอบ “การดำรงอยู่ของกำแพงตระหนักรู้นั้นยาวนานยิ่งกว่าชั่วชีวิตของข้า บางทีอาจจะมีแค่ผู้ทรงอำนาจที่สุดในเขตแดนจิตสำนึกเท่านั้นที่ทราบว่ากำแพงนั้นคือสิ่งใด และมันมีไว้เพื่ออะไร”
“โอ้! แล้วอาวุโสเหล่านั้นเป็นใครกัน?” เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกล่าวถามอย่างต่อเนื่อง “ในเขตแดนจิตสำนึกแห่งนี้ ผู้ที่ครองอำนาจสูงสุดนั้นเป็นฝ่ายของพวกเรา แต่พวกนั้นแข็งแกร่งมาก และพวกนั้นเรียกขานตนเองว่าเจ็ดเทพอสูร… แล้วตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนเป็นหกอสูรแห่งความปรารถนา เพราะในการต่อสู้คราวก่อน มีตัวหนึ่งตายตก ร่างกายและแนวคิดของมันถูกฉีกออกโดยอีกหกตัวที่หลงเหลือ”
ความหวาดกลัวผุดขึ้นในจิตใจของอาจารย์อสูรอสรพิษ
“เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขานำกองทัพใหญ่เผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด ข้าซ่อนตัวอยู่ในสุดขอบโลกของสนามรบ และโชคดีที่มองเห็นการต่อสู้เหล่านั้น… มันทรงพลังกว่าจะหาคำใดเทียบ!”
“ข้าก็คงไม่อาจจินตนาการถึงเช่นกัน”
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกล่าว
“แน่นอนว่าเจ้าไม่อาจจินตนาการได้ และไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงความทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวของพวกเขา จนกว่าจะได้รับชมด้วยตาตนเอง!”
อาจารย์อสูรอสรพิษเหลือบมองเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานด้วยใบหน้าเหยียดหยาม
“คนบ้านนอกเช่นเจ้าต่อให้เติบโตกว่าหนึ่งหมื่นปี ก็ไม่อาจต่อสู้ผู้นำเหล่านั้นได้! …คนที่เราต้องรับมือด้วยในคราวนี้ คือคนที่ถูกพวกเขาส่งมาจากส่วนลึก บุรุษผู้นั้นมากวาดล้างบริเวณนี้”
“หากเป็นเช่นที่เจ้ากล่าว ในอีกหมื่นปีก็ไม่อาจเอาชนะพวกมันได้ แล้วเราจะร่วมมือกันทำสิ่งใดหรือ… เก็บของแล้ววิ่งหนีดีหรือไม่?”
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกล่าว
“ไม่ใช่เช่นนั้น! จริงอยู่ที่เราไม่สามารถจัดการกับผู้นำของพวกเขาได้ แต่หลังจากการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ ข้าได้ยินว่าที่ส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึก ภายในกลุ่มของอสูรแห่งความปรารถนาทั้งหก… พวกสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุที่เลี้ยงดูอยู่เริ่มต่อต้าน ดังนั้นพวกเขาจึงส่งใครบางคนออกมาเพื่อปราบปรามพวกมัน”
อาจารย์อสูรอสรพิษกล่าวคำ
“คนที่มาในคราวนี้ไม่ใช่คนประเภทเดียวกับพวกกองทัพ… มันเป็นแค่คนที่ถูกส่งออกมาเพื่อเก็บกวาดสนามรบ หลังเกิดสงคราม… ในดินแดนแห่งนี้ไร้ซึ่งผู้แข็งแกร่ง ยกเว้นแต่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนที่ข้ารู้จัก และแน่นอนว่ามันต้องการพิชิตพื้นที่แห่งนี้เพื่อเป้าหมายสูงสุดในการวิวัฒนาการ”
“เข้าใจแล้ว…” เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานพยักหน้า “คำถามสุดท้าย ข้าขอรับชมโลกวัตถุของเจ้าได้หรือไม่? ข้าก็ถือกำเนิดมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุเลยสักครั้ง”
“แน่นอน เจ้าสามารถรับชมได้!”
เห็นได้ว่าอาจารย์อสูรอสรพิษรู้สึกยินดีที่อีกฝ่ายร้องขอ มันยืดศีรษะขึ้นสูงก่อนจะอ้าปากพ่นประกายไฟออกมา… เพียงเท่านั้น ประตูสู่มิติอื่นก็ถูกเปิดขึ้นอย่างง่ายดาย
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานมาถึงประตูและมองเข้าไปในโลกวัตถุนี้ โครงสร้างของมันแปลกประหลาดยิ่งนัก ด้านบนสุดคือทะเลเมฆสุดลูกหูลูกตา ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ส่วนด้านล่างเป็นความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งมันขยายออกไปจนถึงนอกโลก
ผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกวัตถุนี้ต่างอยู่ในแคว้นที่กระจัดกระจาย ซึ่งลอยอยู่ใจกลางของโลกทั้งใบ ดูคลับคล้ายคลับคลากับเรือเหาะ
ประชากรหลักคือกลุ่มมนุษย์อสรพิษ พวกมันมีศีรษะเป็นงู แต่ร่างกายคล้ายกับมนุษย์ เห็นได้ว่ามีอารยธรรมที่ก่อเกิดมานานมากแล้ว ทั้งยังสามารถสร้างยานบินได้ และยังสามารถจัดการเครื่องมือวิเศษต่าง ๆ พร้อมสลักอักขระโบราณลงไปเพื่อเพิ่มกำลัง
ใต้แผ่นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่ล้วนมืดมิด แล้วยังมีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดซุกซ่อนอย่างลึกลับ
ไป๋ชิวหรานมองอักขระโบราณที่มนุษย์อสรพิษจารึกไว้ และรู้สึกคุ้นเคยไม่น้อย
“มันคืออะไร?”
เขาชี้ไปที่อักขระพร้อมกับกล่าวถามอาจารย์อสูรอสรพิษ
“สิ่งนั้น…”
อาจารย์อสูรอสรพิษกล่าวด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย
“ในช่วงปีแรก มีสงครามระหว่างเขตแดนจิตสำนึกกับสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุอีกฝั่งหนึ่ง ข้าได้ยินข่าวลือว่ามีผู้นำแห่งโลกวัตถุไม่ยอมล่าถอย ซ้ำยังสังหารฝ่ายของเราได้! แต่ในขณะที่หลบหนีการไล่ล่าจากเทพอสูรทั้งเจ็ด เขาก็สั่งสอนสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุของตนเองอย่างต่อเนื่องถึงและเปิดสติปัญญาของพวกมัน จนทั้งหมดเริ่มต่อต้านเรา สิ่งนี้สร้างปัญหาแก่ข้ามากมาย ข้าคิดว่าอักขระโบราณของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ถูกสืบทอดมาจากคนผู้นั้น! อีกทั้งยังได้ยินว่าการจลาจลของสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุภายในอาณาจักรของอสูรแห่งความปรารถนาทั้งหกเกี่ยวข้องกับผู้นำของสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุที่อยู่อีกฝั่งด้วย!”