ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 429 เพราะข้าแข็งแกร่งเกินไป
บทที่ 429 เพราะข้าแข็งแกร่งเกินไป…
บทที่ 429 เพราะข้าแข็งแกร่งเกินไป…
“เหตุใดถึงดุร้ายนัก?”
อาจารย์อสูรอสรพิษมองเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจากระยะไกลที่กำลังฟันกระบี่ในมืออย่างต่อเนื่อง แยกชิ้นส่วนของบุรุษผู้มาจากส่วนลึกเป็นชิ้น ๆ ในเวลานี้พลังของมันกำลังผันผวนอย่างรุนแรง
แต่โชคดีที่มันหลบหนีได้ทันเวลา มันพุ่งเข้าใกล้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน เช่นนี้มันจึงรอดพ้นจากการกวาดล้างได้อย่างหวุดหวิด
จากมุมมองของมันแล้ว อาจารย์อสูรอสรพิษเห็นว่าพิษร้ายแรงของมันแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานแล้ว!
จากการต่อสู้ในเวลานี้ แม้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะแสดงความสามารถอันน่าอัศจรรย์ใจ แต่ก็ไม่อาจมีภูมิคุ้มกันพิษร้ายนี้ได้ เช่นนี้อาจารย์อสูรอสรพิษจึงรอให้ถึงเวลาที่เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเจอพิษเสียก่อน
เมื่อถึงเวลานั้น มันจะกลายผู้ได้รับชัยชนะเพียงหนึ่งเดียวในการต่อสู้
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานยืนอยู่ข้างซากศพของบุรุษจากส่วนลึก มังกรทองลอยเหนือบ่าของเขา ลำตัวของมันมีขนาดใหญ่กลายเป็นมังกรยักษ์ และมันก็เริ่มกัดกลืนแนวคิดและซากศพที่เหลือของอสูรกวาดล้างตรงหน้า
อาจารย์อสูรอสรพิษโน้มตัวเข้ามาอย่างระมัดระวัง มันต้องการส่วนแบ่งของศพนี้ แต่เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานสับฟันกระบี่ออกมา ปราณกระบี่ไร้ความประณีตพุ่งไปที่มันอย่างโจ่งแจ้ง!
อาจารย์อสูรอสรพิษรีบหลบเลี่ยงอย่างตื่นตระหนก แต่ก็ไม่พ้นเสียทีเดียว มีศีรษะงูเล็ก ๆ หลายหัวที่ถูกเฉือนออกไป มันจึงกล่าวคำโกรธเคือง
“นี่! สหาย ส่วนแบ่งต้องเท่าเทียมสิ เหตุใดเจ้าถึงไม่รักษาคำพูด?”
“ไม่รักษาคำพูด?”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานแล้ว พลันเกิดเสียงเย้ยหยันจากความผันผวนในเขตแดนจิตสำนึก
“สหาย… เราตกลงที่จะสังหารมันผู้นี้ด้วยกัน แต่เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นคนจัดการเจ้าอสูรตนนี้ด้วยตนเอง และเจ้าไม่มีความพยายามแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้กลับคิดที่จะรับส่วนแบ่งเหล่านี้ด้วย มันจะไม่น่าขบขันไปหน่อยหรือ?”
อาจารย์อสูรอสรพิษต้องการจะกล่าวบางอย่าง แต่เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกลับเปิดปากด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย
“ออกไปซะ ข้าจะไม่กินร่วมโต๊ะกับเจ้า!”
“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว”
อาจารย์อสูรอสรพิษแค่นเสียงก่นด่าในลำคอ แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน จึงทำได้เพียงกลับสู่เขตแดนของตนเอง ขดตัวอยู่ที่ขอบ และจับจ้องเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานที่กำลังกลืนกินสิ่งตรงหน้าด้วยสายตาสิ้นหวัง
ลืมไปซะ… อย่างไรแล้วเจ้าก็ถูกพิษร้ายของข้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือมันผู้นั้น ทุกสิ่งจะตกเป็นของข้า…
อาจารย์อสูรอสรพิษลอบเพ้อฝันอยู่ในใจ
มันอดทนนับเวลารอ… ตอนนี้มังกรยักษ์บนไหล่ของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกลืนกินแนวคิดและจิตสำนึกทั้งหมดของบุรุษจากส่วนลึกเรียบร้อยแล้ว
ถึงเวลาแล้ว…
หลังสิ้นเวลาที่อาจารย์อสูรอสรพิษนับอยู่ในใจ ก็มองเห็นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานผู้ยิ่งใหญ่กำลังยืนอยู่เหนือสายธารแห่งความว่างเปล่า และเอามือกุมหน้าอกของตนด้วยความเจ็บปวด
เขาล้มลงกับพื้นก่อนจะกระตุกสองสามครั้ง จากนั้นก็หยุดเคลื่อนไหว มังกรยักษ์บนไหล่กลิ้งหล่นลงพื้น ร่างกายแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นราวกับรูปปั้นทองคำ
อาจารย์อสูรอสรพิษแหวกว่ายออกไปอย่างระมัดระวัง ก่อนจะมาหยุดที่ด้านข้างของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน จากนั้นถอยห่างออกมาหลายจั้ง ก่อนจะพ่นพิษเป็นวงกลมล้อมรอบร่างใหญ่นั้นจนคละคลุ้ง
ในช่วงเวลานี้ เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานไม่ตอบสนองใด ๆ ราวกับว่าโดนพิษร้ายทำลายชีวิตไปสิ้นแล้ว
อาจารย์อสูรอสรพิษผ่อนคลายจิตใจ ก่อนจะคืบคลานมาด้านหน้าของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน มันจับจ้องใบหน้าซีดขาวตรงหน้าและส่งเสียงโห่ร้องอย่างมีชัย
“ต่อให้เจ้าจะอยู่ยงคงกระพัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพิษของข้า เจ้าก็ทำได้เพียงตายอย่างเชื่อฟัง… อ๊าาาา!!!….”
อาจารย์อสูรอสรพิษรอไม่ไหวที่จะอ้าปากกว้างเพื่อกลืนกินเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานซึ่งนอนอยู่บนพื้นแลดูเหมือนตายตก ทันใดนั้นกลับเปิดเปลือกตาขึ้นพร้อมกับกระชับกระบี่ในมือแน่น
กระบี่พุ่งทะลุปากของอาจารย์อสูรอสรพิษอย่างไร้ความปรานี ลำแสงสีทองแทงทะลุสมองของมัน
อสนีบาตสีทองพุ่งออกจากกระบี่เข้าสู่ร่างกายของอาจารย์อสูรอสรพิษ และการโจมตีร้ายแรงนี้ทำให้มันส่งเสียงกรีดร้องระงม เขตแดนทั้งหมดสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้
“ทำไม? เหตุใดถึงยังไม่ตาย?!”
“อสูรใกล้ตายไม่ควรรู้มาก”
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานสะบัดกระบี่ในมืออย่างเย็นชา ก่อนจะสับฟันร่างกายของอาจารย์อสูรอสรพิษออกเป็นหลายส่วน
แต่สุดท้ายก่อนที่จะตายตก อาจารย์อสูรอสรพิษดิ้นรนอยู่สักครู่หนึ่ง ในบรรดาศีรษะงูนับไม่ถ้วนบนตัวมัน มีงูตัวเล็กตัวน้อยแยกออกจากร่างกาย และพ่นลำแสงบางอย่างไปยังอาณาเขตของตนเอง
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานตัดศีรษะงูเหล่านั้นออกเป็นสองส่วน แต่ไม่อาจหยุดยั้งลำแสงนั้นได้
ลำแสงพุ่งกลับคืนสู่อาณาจักรอสรพิษ ไม่รู้ว่ามันหายไปที่ใด แต่ศพของอาจารย์อสูรอสรพิษส่วนใหญ่แล้วถูกทิ้งไว้ด้านหลัง ความทรงจำที่สะสมมายาวนานหลายปี และทุกแนวคิดที่มันเคยได้พบพานล้วนอยู่ตรงนี้
“สมแล้วที่เป็นผู้รอดชีวิตในสนามรบ มันหลบหนีได้จริง ๆ”
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานละสายตา จากนั้นมังกรยักษ์บนไหล่ก็เริ่มกลืนกินซากศพตรงหน้า แล้วจึงกลับสู่เขตแดนของตนเอง
ความจริงแล้วหากใช้ร่างกายหลัก เขาสามารถสกัดกั้นอาจารย์อสูรอสรพิษที่หลบหนีได้แน่นอน แต่มันไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม… มันผู้นั้นไม่มีที่ไปยกเว้นการซ่อนตัวอยู่ในเขตแดนของตนเอง ภายในเขตแดนจิตสำนึกแห่งนี้มีอสูรอีกมากที่ดุร้ายยิ่งกว่ามัน
แม้วันนี้จะหลบหนีได้ แต่วก็ไม่อาจหนีพ้นตลอดไป แดนเซียนจะขยายมาทิศทางนี้ไม่ช้าก็เร็ว สุดท้ายอสรพิษตัวนี้จะถูกเขาจับกุม
ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่ามังกรยักษ์บนไหล่จะกลืนกินซากศพอสรพิษตรงหน้าจนหมดสิ้น จากนั้นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็เดินผ่านสายธารแห่งความว่างเปล่าในเขตแดนจิตสำนึก และกลับไปยังตาข่ายปิดล้อมภายในอาณาเขตของเขาเอง
“บรรพชนกระบี่ สถานการณ์ภายนอกเป็นเช่นไร?”
ทันทีที่ไป๋ชิวหรานกลับมา เหล่าเซียนภายในเรือเหาะก็ถามไถ่ทันที
พวกเขาเห็นการต่อสู้ระหว่างเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกับอสูรทั้งสองตน แต่ด้วยความมั่นใจในไป๋ชิวหราน พวกเขาจึงไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว
“ไม่มีอะไร ก็แค่สัตว์ประหลาดงูพยายามดึงให้ข้าเข้าเป็นพันธมิตร แล้วก็คิดตลบหลังตอนที่ข้าจัดการกับอสูรกวาดล้างบ้านั่น… สุดท้ายข้าเลยสังหารมันเสีย”
ไป๋ชิวหรานตอบสั้น ๆ
“อาจารย์อสูรอสรพิษยังไม่ตาย แต่เมื่อสิ้นสุดการต่อสู้ ขั้นต่อไปคือการรอผลิตกองทัพเรือรบชุดใหม่ แล้วขยายไปในทิศทางนั้น”
“ขอรับ”
หลังจากออกคำสั่งเสร็จสิ้น ไป๋ชิวหรานจึงกลับมาที่เมืองหลัก
ระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ เจียงหลานและคนอื่น ๆ ก็ไปที่โลกวัตถุเพื่อช่วยเหลือในส่วนโบราณคดีของจื้อเซียน ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะสนใจอารยธรรมที่เคยเกิดขึ้นในโลกใบนี้ยิ่ง
ไป๋ชิวหรานไม่ได้ไปที่โลกวัตถุเพื่อค้นหาสิ่งเหล่านั้น แต่เพียงใช้ร่างอวตารของอาจารย์อสูรเพื่อเรียกร่างอวตารของพวกเขาออกมา เพียงเพื่อแบ่งปันความรู้ที่ได้รับมาจากอสูรทั้งสองตัวก่อนหน้านี้
หลังจากแบ่งปันแนวคิดแล้ว เขาตระเตรียมที่จะสื่อสารกับเล่อเจิ้นเทียนให้ทราบถึงข่าวดีที่ได้พบเบาะแสของศิษย์ใหญ่ของไป๋ลี่ แต่หลังจากเดินออกมาได้สองก้าว เขาก็รู้สึกว่ามีความร้อนประหลาดไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
“แค่พิษทั่วไปเองรึ?”
ไป๋ชิวหรานคิดครู่หนึ่ง แต่จู่ ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ไม่สิ… เป็นเพราะข้าแข็งแกร่งเกินไปอย่างไรล่ะ”